Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 368

ตอนที่ 368

บทที่ 368 ล้มลงไปในอ้อมกอดอันแสนคุ้นเคย (8)

เวินจิ้งชะงักไปเล็กน้อย ความโกรธเคืองหายไปมากอย่างน่าอัศจรรย์

เธอกินข้าวอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก เธอก็ตัดสินใจจะเดินไปยังห้องเรียนในทันที แต่กลับถูกมู่วี่สิงเรียกให้หยุดไว้

“มาช่วยผมถือแบบฝึกหัดหน่อย”

เวินจิ้งเงียบ

เธอกลายมาผู้ช่วยสอนของมู่วี่สิงไปได้อย่างไรกัน……

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เป็นอาจารย์ผู้สอน เธอจึงจำเป็นต้องเชื่อฟังเขา…….

เมื่อเห็นท่าทางดูไม่มีความสุขของเวินจิ้งแล้ว มู่วี่สิงจึงหยุดเดินอย่างกะทันหัน

และที่ด้านหลัง เวินจิ้งไม่ได้สังเกตเห็น ทั่วทั้งตัวจึงเกือบจะชนมู่วี่สิงเข้าให้

มู่วี่สิงปกป้องหน้าผากของเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา

ขณะที่กำลังแนบชิดอยู่ในอ้อมกอดของเขา ใบหน้าของเวินจิ้งก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมา

เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าที่นี่คือโรงเรียน เธอจึงรีบผลักเขาออกไป

แต่มู่วี่สิงกลับไม่ยอมปล่อยมือออก

นักศึกษาที่ยืนอยู่โดยรอบเริ่มหันมามองกันทีละคนสองคน……

“มู่วี่สิง”

“เจ็บหรือเปล่า” เขากระซิบถามเบา ๆ

“ไม่เจ็บ คุณรีบปล่อยฉันเถอะ!”

เมื่อได้ยินดังนั้น มู่วี่สิงจึงหัวเราะเบา ๆ หรี่ตามองดูเธอ “ทุกคนเห็นหมดแล้ว”

เวินจิ้งเงียบ

เมื่อใช้แรงผลักมู่วี่สิงออกไปได้ เธอจึงสาวเท้าเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

แต่ทว่ามู่วี่สิงทั้งสูงและขายาว จึงเดินตามเธอได้ทันอย่างรวดเร็ว สายตาที่กำลังมองดูเวินจิ้งค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นถึงความรักใคร่เอ็นดูออกมา

เมื่อมาถึงยังชั้นเรียน เวินจิ้งวางแบบฝึกหัดลง และแทบจะวิ่งไปยังที่นั่งของตัวเองในทันที

ภายในชั้นเรียน เวินจิ้งไม่กล้าว่อกแว่ก และได้แต่แอบสบสายตาของมู่วี่สิงอย่างไม่ให้จับสังเกตได้

เมื่อเลิกเรียน มู่วี่สิงก็จะถูกนักศึกษากลุ่มหนึ่งรุมล้อมเป็นปกติ หลิงเหยารีบเดินเข้ามาหาในทันที

แต่ทว่าไม่สามารถเข้าไปพูดคุยกับมู่วี่สิงได้

“นักศึกษาพวกนั้นมีคำถามอะไรเยอะแยะกัน” เธอพึมพำ และนั่งลงที่ข้าง ๆ เวินจิ้ง พร้อมกับนั่งรอ

“มู่วี่สิงไม่ได้มาสอนตั้งหนึ่งเดือนเต็มเลยนะ”

“มีความสุขจริง ๆ เลยนะที่ได้มู่วี่สิงมาสอนพวกเธอ ฉันอิจฉาแล้ว” หลิงเหยาหยอกล้อ

ในตอนนั้น เมื่อเห็นว่ามู่วี่สิงกำลังจะออกจากห้องไป เธอจึงรีบตามไปในทันที

แต่ทว่ามีนักศึกษาล้อมรอบเป็นจำนวนมาก เธอจึงไม่สะดวกที่จะถามเรื่องส่วนตัว จึงทำได้แต่เพียงเดินตามเขาเข้าไปยังห้องพักครู

“มู่วี่สิง คุณคิดจะทำยังไงกับเรื่องของซือซือ” หลิงเหยาถามด้วยความกังวล

เมื่อได้ยินดังนั้น ความมุ่งร้ายก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของมู่วี่สิง

“สำหรับเรื่องนี้ ตอนนี้ได้แต่เลื่อนออกไปก่อน ฉีเซินยังคงต้องนอนโรงพยาบาล จึงไม่สามารถเริ่มพิจารณาคดีนี้ได้”

“เลื่อน…..เลื่อนออกไปนานเท่าไหร่กัน ตอนนี้หัวใจของซือซือแทบจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ อยู่แล้วนะ” หลิงเหยารู้จักอารมณ์ของมู่ซือซือเป็นอย่างดี

“หนึ่งเดือน”

“มู่วี่สิง คุณแน่ใจไหม”

“ผมจะไม่มีทางยอมให้ซือซือต้องเป็นอะไรไปเด็ดขาด”

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่วี่สิง หลิงเหยากลับรู้สึกสบายใจขึ้นมากทีเดียว

ตอนบ่าย เวินจิ้งและไป๋สือไปที่โรงพยาบาล อีกสักครู่ ไป๋สือจะต้องสาธิตวิธีการผ่าตัด โดยเวินจิ้งจะต้องเป็นผู้ช่วยคอยยืนอยู่ข้าง ๆ เขา

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล พวกเขาก็ไปประชุมก่อน แต่กลับพบว่ามู่วี่สิงเองก็อยู่ในห้องประชุมด้วย

สายตาของเวินจิ้งประสานเข้ากับเขาอยู่แวบหนึ่ง เธอขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความสงสัย

แต่เมื่อได้ประชุมแล้ว ถึงจะเข้าใจได้ว่าเดิมทีมู่วี่สิงเป็นผู้ถือหุ้นของโรงพยาบาลแห่งนี้ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลกำลังใกล้จะเกษียณแล้ว และกำลังต้องการให้มู่วี่สิงเป็นผู้อำนวยการแทนเขา

แต่ทว่ามู่วี่สิงไม่ได้ตกปากรับคำแต่อย่างใด

ในเวลาต่อมา ไป๋สือและอาจารย์อีกสองสามคนที่อยู่แผนกประสาทวิทยาเช่นเดียวกัน ก็ลงมือสาธิตการผ่าตัด

ส่วนมู่วี่สิงก็กำลังยืนอยู่ที่ชั้นสอง เพื่อสังเกตการผ่าตัดในครั้งนี้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เวินจิ้งเข้าร่วมการผ่าตัด แต่นี่เป็นการผ่าตัดครั้งแรก ที่มีมู่วี่สิงคอยสังเกตการณ์อยู่ด้วย

ความรุนแรงที่อธิบายไม่ได้ภายในหัวใจยิ่งตึงเครียดมากขึ้น เมื่อเทียบกับตอนแรกที่เข้าห้องผ่าตัดนั้น กลับตึงเครียดยิ่งกว่า

ไป๋สือเดินมาหา มองดูสีหน้าท่าทางของเธอ และยิ้มที่มุมปากอย่างสุขุม “ทำไมถึงได้เครียดกว่าตอนที่เข้าห้องผ่าตัดครั้งแรกล่ะ”

เวินจิ้งนิ่งเงียบ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปสักพักหนึ่ง

ตอนนี้เธอยังคงเป็นนักศึกษาอยู่ที่นี่ คนที่เข้าร่วมสาธิตการผ่าตัดล้วนแต่เป็นอาจารย์แผนกประสาทวิทยาที่มีชื่อเสียงทั้งนั้น เธอกลัวว่าจะไปถ่วงไป๋สือเข้า

ดูเหมือนว่าเขาจะดูออกถึงความสงสัยของเวินจิ้ง เขาจึงตบบ่าของเธอเบา ๆ “เวินจิ้ง เชื่อมั่นในตัวเองหน่อย”

เวินจิ้งพยักหน้า สูดลมหายใจลึกๆ และรีบเตรียมตัวให้พร้อมอย่างรวดเร็ว

สายตาของมู่วี่สิงมองดูไปที่เธอ และหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง

พอดีกับที่เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นมาในตอนนั้น

เธอมองเห็นปากของมู่วี่สิงขยับพูดว่า “คุณทำได้”

เวินจิ้งขมวดคิ้ว สีหน้าจริงจังขึ้นมาในทันที

มันช่างน่าอัศจรรย์ใจ ที่มันดูเหมือนว่าจะไม่ได้เคร่งเครียดขนาดนั้น

เธอเดินไปที่ข้าง ๆ ของไป๋สือ

เธอคอยเรียนรู้จากไป๋สือโดยตลอด จนเธอค้นพบนิสัยเคยชินของไป๋สือ เมื่อได้ร่วมทำงานกับเขาแล้ว จึงไม่เกิดปัญหาใหญ่อะไรขึ้นมา

เพียงแต่ว่า เกิดความผิดปกติบางอย่างขึ้นเล็กน้อยระหว่างที่กำลังผ่าตัดผู้ป่วยคนนั้น

อาจารย์หลายคนจึงเดินมาปรึกษากันถึงแผนต่อไปในการผ่าตัด แต่ทุกแผนนั้นล้วนแต่อันตรายทั้งสิ้น

เมื่อผ่านไปครู่ใหญ่ มู่วี่สิงก็เดินเข้ามา

ไป๋สือต้องการลองเสี่ยง แต่ทว่าอาจารย์หลายคนในตอนนี้ไม่เห็นด้วย

แต่ทว่ามู่วี่สิงกลับสนับสนุนไป๋สือ “ผมกับอาจารย์ไป๋จะเป็นคนดำเนินการผ่าตัดต่อในครั้งนี้เอง”

ทั้งสองคนล้วนแต่เป็นแพทย์ประสาทวิทยาผู้เก่งกาจทั้งคู่ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าการผ่าตัดในครั้งนี้จะสำเร็จ 100% เพียงแต่ว่าต้องทำอย่างสุดความสามารถเท่านั้น

ในเวลาต่อมา เวินจิ้งเองก็ต้องเข้ามาช่วยมู่วี่สิงด้วย

เวินจิ้งอยู่ใกล้กับเขาเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้ตึงเครียดขนาดนั้นแล้ว แต่มือกลับสั่นเทิ้มขึ้นมาอย่างไม่อาจอธิบายได้

สีหน้าของมู่วี่สิงดูมืดหม่นเป็นอย่างมาก จนต้องตำหนิขึ้นมาเล็กน้อย “เวินจิ้ง”

เวินจิ้งกัดริมฝีปากของเธอ และคอยย้ำเตือนตัวเองอีกครั้งว่า เธอจะต้องปรับอารมณ์ของเธอให้ดีขึ้นให้ได้

การผ่าตัดดำเนินไปทั้งสิ้นสองชั่วโมงเต็ม จึงแล้วเสร็จ

เมื่ออาจารย์ผู้เก่งกาจแห่งแผนกประสาทวิทยาทั้งสองคน ได้ร่วมมือผ่าตัดผู้ป่วยคนเดียวกัน ช่างเปี่ยมด้วยพลังเหลือล้นเป็นอย่างมาก ทันทีที่ออกมาจากห้องผ่าตัด ทั้งแพทย์และพยาบาลที่กำลังยืนดูการสาธิตที่อยู่ด้านนอก ล้วนแต่ปรบมือแสดงความชื่นชมกันทีละคนสองคน

สีหน้าของมู่วี่สิงยังคงเรียบเฉยเช่นเดิม เมื่อไป๋สือแจกแจงรายละเอียดส่วนใหญ่เสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้ว แพทย์และพยาบาลที่เข้าร่วมการผ่าตัดนั้น ล้วนแต่เหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก

เวินจิ้งมองดูเวลา กลับเป็นเวลาเช้าตรู่เสียแล้ว

เธอเก็บข้าวของของเธอ และตัดสินใจกลับโรงเรียน

เย็นนี้ เธอยังต้องเขียนรายงานตลอดทั้งคืน พรุ่งนี้จึงค่อยมาที่โรงพยาบาล

เมื่อออกมาจากห้องพักแพทย์ ก็เห็นมู่วี่สิงเดินออกมาจากฝั่งตรงข้าม

เขาถูกห้อมล้อมไปด้วยหมอวัยรุ่นจำนวนหนึ่ง ที่ต้องการสอบถามถึงประสบการณ์ของเขา

มู่วี่สิงตอบคำถามทุกคำถามอย่างใจเย็น เมื่อหางตาชำเลืองมองเห็นเวินจิ้งเข้า จึงเรียกเธอให้หยุด

เวินจิ้งขมวดคิ้ว เมื่อหันหลังกลับมา มู่วี่สิงก็เดินมาถึงที่ข้างกายของเธอแล้ว

“ผมจะไปส่งคุณกลับโรงเรียน”

“ไม่ต้อง ฉันจะเรียกแท็กซี่…..”

“มันไม่ปลอดภัย” น้ำเสียงของมู่วี่สิงแกมออกคำสั่งเล็กน้อย

ยังคงมีหมอจำนวนมากยืนอยู่ที่ด้านหลังของเขา ทุกคนล้วนแต่มองดูทั้งสองคนด้วยความสงสัยใคร่รู้

เวินจิ้งไม่ต้องการถูกสายตาจับจ้องเช่นนี้ จึงสาวเท้าก้าวออกไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

เมื่อไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นตามมาที่ด้านหลัง เธอจึงรู้สึกทั้งผิดหวัง และปีติยินดีขึ้นมาเล็กน้อย

ขณะที่กำลังยืนอยู่ที่ด้านหน้าประตูของโรงพยาบาล มีรถแท็กซี่วิ่งน้อยมากในเวลาแบบนี้ แถมแอปพลิเคชันเรียกรถแท็กซี่ก็ไม่สามารถเรียกรถได้อีกด้วย

ถ้าหากต้องเดินกลับโรงเรียนละก็ จะต้องเสียเวลาหลายชั่วโมงทีเดียว…….

จึงทำได้แต่เพียงยืนรอรถแท็กซี่ผ่านมาเท่านั้น

ไม่นานนัก รถแท็กซี่ยังคงไม่มีเหมือนเช่นเดิม แต่ทว่ากลับเป็นรถยนต์สีดำคันหรูเคลื่อนตัวมาจอดอยู่ที่ข้าง ๆ เธอ

ดูคล้ายกับรถของมู่วี่สิงจัง

แต่ทว่าเมื่อหน้าต่างกระจกลดลง กลับไม่ใช่มู่วี่สิง

มู่เหิงงั้นเหรอ

“ผมเพิ่งเลิกงาน คุณเวินกำลังรอรถแท็กซี่อยู่หรือเปล่าครับ เวลาแบบนี้ ปกติแล้วคงไม่มีรถหรอกครับ”

“ค่ะ” น้ำเสียงของเวินจิ้งเมินเฉย และยังคงมองไปทางถนนเหมือนเช่นเดิม

“ผมไปส่งคุณดีกว่า คุณอยากจะไปที่ไหนครับ”

เวินจิ้งขมวดคิ้ว ขณะที่ยังไม่ได้ทันพูดอะไรออกไป ก็มีแขนอันสาวเรียวยาวเอื้อมออกมา และคว้าข้อมือของเธอเอาไว้

ขณะที่ไม่ทันได้ระแวดระวังอะไร เธอก็ล้มลงไปในอ้อมแขนอันคุ้นเคยเสียแล้ว

มู่วี่สิงมีสีหน้าเคร่งเครียด และจูงเวินจิ้งเดินจากไปในทันที

มู่เหิงมองดูแผ่นหลังของทั้งสองคนที่กำลังเดินจากไป รอยยิ้มที่มุมปากก็ค่อย ๆ มืดหม่นและเย็นชาขึ้นมา

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท