บทที่ 393 ล่วงเกินไม่ได้
รอยยิ้มนั้น ปรากฏอยู่ในสายตาเวินจิ้ง แทบจะเมาแล้ว
เธอกระพริบตา ยังไม่ทันได้ต้านทานเขา จูบของมู่วี่สิงประทับลงมาแล้ว
จูบจนใบหน้าเธอแดงระเรื่อถึงจะพอใจ
“ที่นี่เป็นห้องทำงาน” เวินจิ้งรู้สึกโกรธ
ถึงแม้เวลาแบบนี้จะไม่มีใครเข้ามา แต่ก็ยังรู้สึกกลัว…
“อืม เป็นสถานที่ที่จะทำอะไรเธอเมื่อไหร่ก็ได้”
เวินจิ้ง…
ทำไมถึงรู้สึกไม่เหมือนคุณหมอมู่ที่เธอรู้จัก
แต่รสชาติความโรแมนติกขึ้นสมอง เธอกอดมู่วี่สิงไว้แน่น
กลับมาถึงหอพักก็เที่ยงแล้ว แต่กลับไม่เห็นหลิงเหยา
เวินจิ้งรู้สึกเป็นห่วง โทรศัพท์หาเธอ กลับไม่มีคนรับ
เธอลงไปด้านล่างตึกหอพัก กลับพบว่ามู่วี่สิงยังไม่กลับ
“ทำไมถึงลงมาอีก?”
“หลิงเหยายังไม่กลับมา ฉันเป็นห่วงกลัวจะเกิดเรื่องกับเธอ” เวินจริงพูดอย่างตื่นเต้น
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว “เราลองไปหาดูในมหาวิทยาลัย”
เวินจิ้งพยักหน้า เพราะเป็นห่วงมาก ตอนที่มู่วี่สิงกุมมือของเธอ ถึงไม่ได้ผลักเขาออก
เวลาแบบนี้ในมหาวิทยาลัยแทบจะไม่มีคนเลย ทั้งสองหามาจนถึงสนาม ตรงใต้ต้นไม้ไม่ไกล เหมือนมีเสียงเล็ดลอดออกมา
“เจียงฉี…”
เป็นเสียงของหลิงเหยา
เวินจิ้งกำลังจะเข้าไปเปิดประตู แล้วก็ต้องเอามือปิดปากตัวเอง
หลิงเหยากับเจียงฉีอยู่ด้วยกัน
เธอรู้ว่าระยะนี้สองคนนี้ใกล้ชิดกันมาก งั้นก็แสดงว่ากำลังคบกันแล้ว?
หากเป็นแบบนี้เธอก็วางใจ
เธอรีบถอยหลัง กลับไม่ทันระวังชนถูกหน้าอกมู่วี่สิง
เขาโอบกอดเธอไว้อย่างมั่นคง เหมือนจะรู้แล้วด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น
“หน้าร้อนขนาดนี้?” มู่วี่สิงจ้องมองดูเธอ
“ไม่มี”
“อยากลอง?” มู่วี่สิงมองดูเธอ
สีหน้าเวินจิ้งแดงระเรื่อ
เขากำลังพูดอะไร…
“ฉันง่วงแล้ว กลับกันเถอะ” เวินจิ้งเดินเร็วมาก
เสียงของหลิงเหยาเมื่อกี้น่าขนลุกมาก ทั้งสองคนกำลังสนิทสนมกันอย่างยากที่จะแยกกัน
มู่วี่สิงหรี่ตาลง รอยยิ้มบนใบหน้าไม่จางหายอยู่เนิ่นนาน
หลิงเหยากลับมาหลังจากหนึ่งชั่วโมงแล้ว เวินจิ้งเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
“เหยาเหยา ไปทำอะไรมา?” เวินจิ้งตั้งใจถาม
“ไปเดินเล่น”
“กับเจียงฉี?”
“อืม” หลิงเหยาพยักหัว
ถึงตอนนี้ ใบหน้าของเธอก็ยังแดงอยู่
“สละโสดแล้ว?”
“นับว่าใช่ แต่เธอห้ามบอกพี่ชายของฉันนะ” หลิงเหยาพูดอย่างเกรงกลัว
……….
เช้ารุ่ง เวินจิ้งได้รับการแจ้งจากไป๋สือตั้งแต่เช้า วันนี้ต้องไปโรงพยาบาล
วันนี้ไป๋สือมีเคสผ่าตัดที่สำคัญเคสหนึ่ง เวินจิ้ง เข้าห้องผ่าตัดแล้วหลายครั้งก็ค่อนข้างชินแล้ว ไม่ค่อยตื่นเต้นแล้ว
แต่วันนี้แพทย์ผู้ช่วยศาสตราจารย์ไป๋ไม่อยู่ เวินจิ้งจึงทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยให้เขาอย่างกะทันหัน
โชคดีที่การผ่าตัดเสร็จสิ้น อย่างราบรื่น
ไป๋สือรีบมอบหมายงาน แล้วก็รีบไปต่างประเทศเพื่อเข้าร่วมประชุม
เวินจิ้งอยู่จัดการงานขั้นตอนต่างๆให้ผู้ป่วย
ทุกครั้งที่ศาสตราจารย์ไป๋จากไป เวินจิ้งก็จะรู้สึกกลัวทุกครั้ง
แต่เวลานี้ เธอจะถดถอยไม่ได้
มองดูเวลาบนนาฬิกา คืนนี้มู่วี่สิงจะสอนพิเศษให้เธอ แต่หลายวันนี้เกรงว่าเธอจะได้กลับไปก็ดึกมากแล้ว
คิดอยู่พักหนึ่ง แล้วเธอก็บอกมู่วี่สิงผ่านการส่งวีแชทไปให้เขา
อีกหนึ่งเดือนถึงจะสอบ ที่จริงเวลาก็ไม่ได้กระชั้นชิดมาก
แต่เธอก็รู้ว่าการเรียนของตัวเองไม่ได้ดีมาก ยังคงต้องรีบตั้งใจ
ตอนเย็น เวินจิ้งตรวจห้องผู้ป่วยเสร็จ กำลังจะสั่งอาหารมาทาน ก็เห็นมีเงาที่คุ้นเคยปรากฏอยู่ตรงหน้าประตู
เวินจิ้งกระพริบตามองดูผู้ชายตรงหน้า เขายังของแต่งตัวอย่างที่เคยชินด้วยกางเกงสีดำกับเสื้อเชิ้ตสีขาว แสดงให้เห็นถึงประกายความสูงส่งและสง่างาม
เธอยิ้มอย่างสุขใจ ในสายตาเห็นเพียงเขาคนเดียว
“คุณมาได้ยังไง” เวินจิ้งเดินไปข้างหน้า มู่วี่สิงกอดเธอไว้ในอ้อมอกอย่างมั่นคง
“มาทานข้าวเป็นเพื่อน แล้วก็ส่งคุณกลับมหาวิทยาลัย” น้ำเสียงมู่วี่สิงอ่อนหวาน
“ออ ฉันกำลังจะโทรสั่ง คุณก็มาพอดี”
“ออกไปทานได้ไหม?” มู่วี่สิงถาม
“ภายใน 1 ชั่วโมงได้”
ทั้งสองคนเดินเคียงไหล่กันออกไปจากโรงพยาบาล ถนนด้านนอกเจริญรุ่งเรืองมาก หลังจากที่เวินจิ้งมาฝึกงานที่นี่ปกติก็จะสั่งมาทาน ร้านอาหารใกล้ล้วนไม่เคยได้มาทานบ่อย
ส่วนมู่วี่สิง เดินนำเธอเข้าไปในซอยร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่งอย่างชำนาญทาง
เวินจิ้งมองดูเขายังแปลกใจ ทำไมเขาถึงคุ้นเคยที่นี่ขนาดนี้?
เธอจึงถามออกไปว่า “คุณมาบ่อย?”
“อืม ผมเคยฝึกงานที่โรงพยาบาลหลินไห่”
“ถือว่า คุณดูคุ้นเคยที่มีมาก หากคุณไม่นำทางพามา ฉันยังไม่รู้จักร้านนี้เลย”
“เมื่อก่อนก็เป็นศาสตราจารย์คนหนึ่งพาพวกเรามา แต่ก็เมื่อหลายปีก่อนแล้ว” คิ้วดกดำของมู่วี่สิงค่อยๆยักขึ้น
เมนูอาหารที่มีล้วนทำเสร็จแล้ว ลูกค้าแค่ต้องบอกพนักงานในร้านว่าตัวเองชอบทานรสชาติแบบไหนก็พอ
เวินจิ้งค่อนข้างชอบรูปแบบแบบนี้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องมานั่งคิดว่าตัวเองจะทานอะไร
อาหารเพิ่งมาถึง ตรงไม่ใกล้กลับมีเสียงค่อนข้างดัง
มีลูกค้าเมาคนหนึ่งออกมาจากในห้องชุดอย่างเซไปเซมา เดินผ่านโต๊ะที่เวินจิ้งนั่ง กลับหยุดฝีเท้าลง
“ศาสตราจารย์เย่?” เวินจิ้งมองดูเย่เฉียว ทักทายอย่างมีมารยาท
แต่เย่เฉียวทำเหมือนไม่สนใจ สายตามองไปยังเย่เฉียวอย่างไม่ค่อยพอใจ
“โย้ คุณยังกล้ามาที่นี่”
“สีหน้ามู่วี่สิงที่สงบอยู่อย่างปกติ ได้ยินเช่นนี้แล้วก็ค่อยๆขมวดคิ้ว”
“เย่เฉียว ผมต้องกล้ามาสิ”
“เชอะ คุณไม่เหมาะสม มู่วี่สิง คุณใสหัวออกไป” สีหน้าเย่เฉียวแดงๆ คำพูดที่พูดออกมามีกลิ่นเหล้าด้วย
ด้านหลังเขามีนักศึกษาตามมาอยู่หลายคน เห็นสถานการณ์แบบนี้แล้วก็ไม่มีใครกล้าเดินเข้ามา
ยังไม่เคยเห็นศาสตราจารเย่โกรธขนาดนี้
“เย่เฉียว ถ้าผมไม่ไป คุณคิดจะพังที่นี่หรือ?” มู่วี่สิงยิ้มอย่างเยาะเย้ย
“ใช่ ผมจะพังที่นี่ไล่ ไล่ออกไป”
เย่เฉียวดื่มไปแล้วไม่น้อย ตอนนี้ถือว่าไม่ค่อยมีสติดี เห็นมู่วี่สิงแล้วก็เหมือนดั่งสิงโตบ้าคลั่งตัวหนึ่ง
เจ้าของร้านเห็นภาพนี้แล้ว ก็กลัวไม่กล้าเดินเข้ามา คนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นศาสตราจารย์ของโรงพยาบาล หน้าแต่ละคนต่างก็คุ้นเคยทั้งนั้น
ส่วนใหญ่เป็นคนที่จะล่วงเกินไม่ได้
แต่ทะเลาะกันไปแบบนี้ ธุรกิจก็ไม่ต้องทำแล้ว
“พาเขาไป” มู่วี่สิงมองดูนักศึกษาด้านหลังหลายคน
เขารู้ดีว่าตอนนี้สติของเย่เฉียวไม่ค่อยดี
“ได้ๆ ศาสตราจารย์มู่” แม้แต่ยืนเย่เฉียวก็ยืนไม่ตรงแล้ว ศึกษาหลายคนรีบมาประคองเข้าไป
เขากลับใช้แรงผลัก คิดอยากจะวิ่งเข้าไปต่อยคน
มู่วี่สิงถอยหลังไปอย่างมือหูไว ยื่นมือปกป้องเวินจิ้งไว้ก่อน
เวินจิ้งตกอกตกใจอยู่แต่แรกแล้ว รู้มาตลอดว่าสองคนนี้ไม่ถูกกัน แต่เย่เฉียวดูเหมือนจะห้ามไม่ไหวแล้ว
“มู่วี่สิง หรือไม่เราไปทานที่อื่นไหม”
“ไม่จำเป็น” สีหน้ามู่วี่สิงเย็นชา ล็อคแขนของเย่เฉียวไว้ได้อย่างง่ายดาย แล้วผลักเขาไปติดฝาอย่างแรง หยุดยั้งการกระทำที่บ้าคลั่งของเขา
เย่เฉียวกลับยิ่งโกรธจัด หันตัวมาแล้วชกหน้าของมู่วี่สิงหนึ่งที
ภาพนี้เวินจิ้งเห็นแล้วก็เป็นห่วงมาก
“นี่…”
“รีบไปห้ามไว้” เวินจิ้งมองดูนักศึกษาหลายคนที่ไม่กล้าเข้าไป
นักศึกษาต่างก็มองหน้ากัน แล้วใครก็ไม่กล้าเข้าไป
มองเห็นมู่วี่สิงชกเย่เฉียวไปหนึ่งที เธอกัดฟัน แล้วก็วิ่งเข้าไป