บทที่ 413 คำสั่งบัญชาการสูงสุด
เสียงฝีเท้าของมู่วี่สิง หยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าเธอ“เมื่อกี้เธอเครียดเหรอ?หืม?”
อารมณ์เมื่อกี้ของเวินจิ้ง เขามองมันตลอด
“ก็ดีค่ะ”เวินจิ้งพูดเสียงแผ่วเบา
เธอไม่ต้องการที่จะยอมรับความจริงต่อหน้ามู่วี่สิง
“วันนี้ขอโทษที่รบกวนคุณนะ คุณหมอเวิน”มู่วี่สิง รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เวินจิ้ง เมื่อได้ยินคำเรียกแบบนั้น ก็รู้สึกมึนงง
นี่เป็นครั้งแรก ที่มีคนเรียกเธอแบบนั้น
เธอยังคงเป็นแพทย์ฝึกหัดภายในโรงพยาบาล ยังเป็นนักศึกษา แต่มู่วี่สิงเรียกเธอแบบนี้ เป็นการเรียกความมั่นใจให้กับเธอมากๆ
รอยยิ้มบนริมฝีปากเธอ กว้างขึ้น
แต่ในวินาทีต่อมา โจวหย่านก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ผู้ป่วยยังคงต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล คืนนี้เธออยู่เฝ้าเวรก็แล้วกันนะ”
น้ำเสียงของเธอ เหมือนเป็นคำสั่งบัญชาการสูงสุด
เวินจิ้งขมวดคิ้ว เธอรู้หน้าที่ ความรับผิดชอบของตัวเองอยู่เสมอ แต่เฝ้าเวรคือหน้าที่ของโจวหย่าน ไม่ใช่หน้าที่ของเธอ
“คุณพยาบาลโจวคะ ตารางเวลาของฉันคือ วันพรุ่งนี้เช้า แต่ว่า ถ้าเธอต้องการให้ฉันฟังคำสั่งของเธอ ก็ช่วยพิจารณา ไตร่ตรอง สถานะตำแหน่งของตัวเองด้วยนะคะ”
เมื่อพูดจบ ก็รีบเดินกลับไปที่ห้องทำงาน ทำบันทึกรายงานการผ่าตัดของวันนี้
เธอกำลังจะเตรียมตัวจะออกไป มู่วี่สิงก็ได้เดินเข้ามา และในมือก็ถือเสื้อคลุมสีขาวที่เขาเพิ่งถอดออก
เวินจิ้ง ก็ได้ถือโอกาสส่งรายงานให้เขา“ศาสตราจารย์มู่ นี่คือบันทึกรายงานการผ่าตัดของวันนี้ค่ะ”
“อืม”มู่วี่สิงตอบกลับ และรับไป แต่ก็ไม่ได้ดูรายงานในทันที
“อีกเดี๋ยว คุณจะไปทานข้าวกับผมไหม?”น้ำเสียงของเขาดูปกติ ราวกับเพียงแค่ถามเฉยๆ
เวินจิ้งสีหน้าเรียบนิ่ง และรีบส่ายหน้าทันที
“ฉันต้องรีบกลับมหาวิทยาลัย”
“ผมไปส่งคุณได้”
“แต่มันไม่ใช่ทางเดียวกัน”เวินจิ้งหาข้ออ้าง
จัดเก็บกระเป๋าหนังสือของเธอเรียบร้อย ก็รีบเดินออกมาอย่างรวดเร็ว
มู่วี่สิง ได้แต่ขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้ง ก็ไม่เห็นร่างของเวินจิ้งแล้ว
สีหน้าของเขา หดหู่ลงทันที
ไม่นานนัก โจวหย่านก็เดินเข้ามา เหลืออีกแค่สามวัน ก็จะถึงวันแต่งงานแล้ว แต่ในส่วนการเตรียมงานในช่วงแรกนั้น มู่วี่สิงไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ เลย
ภายในใจเธอ เริ่มรู้สึกเป็นกังวล
ความสุขอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม แต่ทำไมยังรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นของเธอ
ใบหน้าแห่งความผิดหวังก็ปรากฏขึ้น โจวหย่านมองไปที่ใบหน้าของผู้ชายที่ไม่ได้สนใจเธอเลย ลังเลที่จะพูดออกไป
“วี่สิง เหลืออีกเพียงแค่สามวันก็จะถึงวันแต่งงานแล้ว……ฉัน……ฉันรู้สึกประหม่ามาก”โจวหย่านกระวนกระวายใจ
เมื่อได้ยิน มู่วี่สิงก็เงยหน้าขึ้นจากกองประวัติผู้ป่วย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“ให้คนของตระกูลโจวมาอยู่เป็นเพื่อนคุณสิ ช่วงนี้ก็ไม่ต้องมาทำงานแล้วก็ได้ อยู่ที่บ้านทำใจให้สบาย”
โจวหย่านเม้มริมฝีปาก และไม่พูดอะไรต่อ
คนในตระกูลโจวเหรอ วันแต่งงานนู่นแหละ ถึงจะโผล่ออกมาให้เห็น แต่เธอก็ไม่อาจทำใจให้สบายได้ ให้อยู่ที่บ้าน ยิ่งทำให้คิดฟุ้งซ่าน สู้ให้มาทำงานที่โรงพยาบาล ยังมีโอกาสได้เห็นมู่วี่สิงด้วย
“ฉันคิดว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็ดีแล้วล่ะ วี่สิง คุณได้ลองชุดเจ้าบ่าวชุดใหม่หรือยังคะ?”โจวหย่านถาม
ในดวงตามู่วี่สิง เปล่งประกายความเยือกเย็นออกมา“ไม่มีเวลา”
เมื่อพูดจบ ก็ได้รีบร้อนออกไปจัดการกับงานอื่นๆ ต่อ
โจวหย่านจับปลายคางของเธอ ในสายตาของเธอ เห็นถึงความเมินเฉย ที่มู่วี่สิงได้ทิ้งไว้
รู้สึกเสียใจมาก
ด้านนอก เกาเชียนก็ได้ขับรถมาจอดรอเรียบร้อยแล้ว
มู่วี่สิงนั่งที่เบาะหลัง,ใบหน้าของเขาหม่นหมอง
เกาเชียน เงอะๆ งะๆ ถือถุงที่วางไว้ที่นั่งข้างคนขับขึ้นมา“ประธานมู่ ชุดนี้ วางไว้ในห้องทำงานนานแล้วนะครับ……”
น้ำเสียงของเกาเชียน เบาลงเรื่อยๆ เป็นเพราะสายตาของมู่วี่สิง ที่เยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ ……
วางถุงนั้นลง แล้วเกาเชียนก็รีบดึงมือเขากลับทันที
สายตาของผู้ชาย มองลงไปยังชุดเจ้าบ่าว ที่อยู่ภายในกล่อง และด้านบนกล่อง มีข้อความที่โจวหย่านได้เขียนทิ้งไว้——ไม่รู้ว่าคุณใส่ชุดไซต์ไหน ฉันจึงเตรียมไว้สองชุดนะคะ
“ประธานมู่,ตอนนี้คุณจะกลับไปที่ไหนดีครับ?”เมื่อผ่านไปสักพัก ยังไม่ได้ยินเสียงใดๆ จากboss,เกาเชียนถามอย่างกระวนกระวายใจ
“บ้านใหญ่”
มู่ซือซือ ได้แต่รอพี่ชาย เมื่อเห็นว่าเขากลับมาแล้ว ก็เลื่อนรถเข็นไปข้างหน้า
“พี่คะ อาทิตย์นี้เป็นวันแต่งงานแล้ว ช่วงนี้พี่ก็ยังไม่หยุดพักผ่อนอีกเหรอคะ?แต่ละวันกลับมาดึกอย่างงี้”มู่ซือซือ พูดด้วยความเป็นห่วง
“ทำไมเธอยังไม่นอนห๊ะ?”มู่วี่สิงไม่ตอบคำถาม แต่ถามกลับ
“หนูนอนไม่หลับ”
“มีเรื่องกวนใจเหรอ?”มู่วี่สิงขมวดคิ้ว มองน้องสาวด้วยความเป็นห่วง
“หนูก็เป็นห่วงเรื่องพี่นี่แหละ เหลืออีกแค่สองวัน ก็จะแต่งงานแล้ว”มู่ซือซือกระวนกระวายใจ“คุณปู่คงจะไม่มาร่วมงานจริงๆ ”
คนเดียวที่ปรากฏตัวในตระกูลมู่ มีแค่เธอ สิ่งแวดล้อมต่างๆ ชวนให้โดดเดี่ยว และอ้างว้าง
และเธอรู้ว่า พี่ชายของเธอไม่ได้สนใจเลย หลังจากที่โจวหย่านได้ทำความรู้จักจนคุ้นเคยกับเธอ เธอก็ได้มีส่วนร่วมในการจัดงานแต่งงานครั้งนี้ด้วย
แต่รายละเอียดงานทั้งหมดนั้น มู่วี่สิงไม่ได้ทราบรายละเอียดของงานเลย
“อืม”มู่วี่สิงสีหน้าซีด
“หนูได้ถามโจวหย่านและนะ,คนของตระกูลโจว จะมาถึงก่อนวันแต่งงานหนึ่งวัน,แต่มีแค่เพียงพี่ชายของเธอเท่านั้น ที่มาร่วมงาน”มู่ซือซือขมวดคิ้ว“ไม่คิดว่า ทางตระกูลโจวจะมีคนน้อยเหมือนกัน”
เมื่อได้ยิน มู่วี่สิง สีหน้าคิดหนัก
เพียงไม่นาน เกาเชียนก็เข้ามาภายในห้องหนังสือ และรายงานต่อมู่วี่สิง
“นี่คือตารางการเดินทางช่วงนี้ของเลี่ยวหยงครับ ผมคิดว่า เธอไม่คงทราบเรื่องของโจวหย่านมาก่อน”
“แจ้งเรื่องงานแต่งงานของโจวหย่าน ให้เธอทราบที”
“ถึงแม้ว่า พรุ่งนี้เธอจะต้องไปเข้าร่วมการประชุมนานาชาติ แต่ข่าวก็ได้ถึงหูเธอแล้วครับ”เกาเชียนจัดการเรื่องต่างๆ เรียบร้อยเสมอ
มู่วี่สิงหลี่ตาลง ดึงบุหรี่ออกมาคีบไว้ที่ปลายนิ้ว ยืนอยู่ตรงหน้าบานหน้าต่างใหญ่ ความรู้สึกทั้งอ้างว้าง และโดดเดี่ยว
……
ใกล้จะปิดภาคเรียนแล้ว มู่วี่สิงได้หยุดการสอนเรียบร้อย อาทิตย์หน้าจะเริ่มการสอบแล้ว
วันเสาร์ เวินจิ้งต้องเข้ามาที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเป็นประจำ ผู้บริหารระดับสูง ได้แจ้งให้ทราบว่า มีวิจัยที่ต้องทำเร่งด่วน และวันทั้งวัน เวินจิ้งแทบจะไม่มีเวลาพักเลย
นักศึกษาของมหาวิทยาลัยหลินไห่ทั้งสองคน เริ่มบ่นกันแล้ว
แม้ว่าการสอบของมหาลัยตอนนี้ จะเป็นงานหนักแล้ว สำหรับหลักสูตรนอกตำราพวกนี้ก็ไม่อาจหลีกหนีไปได้ ขอแค่เพียงทำงานนี้ให้เสร็จ ก็จะได้จากไป
แต่คนที่ได้รับผิดชอบงานนี้ บางครั้งในวันอาทิตย์ ทุกคนก็ต้องมารับผิดชอบงาน
เวินจิ้งไม่ได้ขัดข้องอะไร และพรุ่งนี้ก็เป็นงานแต่งงานของมู่วี่สิง เธอ……ไม่อยากไปร่วมงาน
ณ เวลานี้ ชั้นบนสุดของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
หลังจากมู่วี่สิง เสร็จสิ้นจากการประชุม ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ก็ได้นำรายงานการวิจัยในวันนี้มาส่งให้
“คนทำมีเพียงพอไหม?”เขาถาม
ตอนนี้ต้องเร่งทำให้ด่วนที่สุด ในทุกวัน ทีมผู้ร่วมงานวิจัยทุกคนก็ได้ทำงานล่วงเวลากัน
“ยังดีค่ะ ประธานมู่คิดว่า……”ผู้รับผิดชอบ ไม่กล้าคาดเดาความหมายของมู่วี่สิง
“นักศึกษาของมหาวิทยาลัยหลินไห่จำนวนหนึ่ง ใกล้จะปิดภาคเรียนแล้ว เมื่อปิดภาคเรียนแล้ว ก็ให้พวกเขาเข้ามาช่วยได้เยอะขึ้น ยาชนิดนี้ คาดว่าจะพัฒนาเสร็จภายในปีหน้า”
“ฉันทราบค่ะ”
จนกระทั่งตอนค่ำ เวินจิ้งก็ออกมาจากห้องทดลอง ตอนนี้เหลือแค่เธอเพียงคนเดียว
ตอนนี้ก็เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว
หลังจากเก็บของเรียบร้อย เวินจิ้งจะปิดประตูเพื่อออกไป
แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาออกมา ก็มีร่างสูงร่างหนึ่ง ที่สะดุดเข้ากับสายตา มู่วี่สิงจะผลักประตูเข้ามา
เวินจิ้งตัวแข็งทื่อ มองไปที่เขา ตาไม่กระพริบ
ในเวลานี้……ทำไมเขายังอยู่ที่นี่
โดยไม่ทันรู้ตัว เวินจิ้งกดปิดประตู ทำให้มู่วี่สิงติดอยู่ข้างนอก
ผู้ชายได้แต่ขมวดคิ้ว สีหน้าเศร้าหมอง
นิ้วยาวปลดล็อคประตูได้อย่างง่ายดาย ขายาวก้าวเข้ามาใกล้ทีละน้อยๆ
เวินจิ้งสีหน้าค่อยๆ ซีดลง
“ประธานมู่ มีอะไรไหมคะ?”เวินจิ้งพยายามปรับน้ำเสียงให้ปกติที่สุด
“มีสิ”มู่วี่สิง ใบหน้าเรียบนิ่ง แล้วมองไปยังตัวของเวินจิ้ง
เธอถูกเขามองตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งผิดปกติ……