บทที่428 ยอมรับสารภาพเอง
“ขอโทษนะ วันนี้ยุ่งมาก ” มู่วี่สิงนั่งลงข้างเตียง ถึงแม้หน้าตาจะเหนื่อยล้า แต่ว่าอยู่ต่อหน้าเวินจิ้งก็อ่อนโยนเป็นอย่างมาก
มองเห็นสายตาของเธอ ที่กลับเก็บซ่อนความเร่าร้อน ไว้
“ยุ่งอะไร ”
“พรุ่งนี้หมอระบบประสาทและสมองที่จะร่วมทำการผ่าตัดกับผมคือเย่เฉียว ผมคุยเรื่องการวางแผนการผ่าตัดกับเขาอยู่ ”
เวินจิ้งรู้สึกแปลกใจ “ไม่ใช่ศาสตราจารย์หลินเหรอ? ”
“เขามีเรื่องบางอย่างต้องจัดการ มาไม่ทัน ” มู่วี่สิงไม่ได้พูดความจริงออกมา
เขาไม่อยากให้กระทบจิตใจของเวินจิ้ง
เวินจิ้งไม่ได้คิดเยอะอะไร แต่ว่าเย่เฉียว……เธอรู้ว่าเขากับมู่วี่สิงไม่ถูกกัน
ครั้งนี้ทำไมถึงไปรับปากทำการผ่าตัดแล้ว
อีกอย่างเหมือนจะตั้งแต่เธอเข้ามาในโรงเรียน เย่เฉียวก็ชี้เป้ามาที่เธอไม่น้อย
เธอถามอย่างสงสัย “เขารับปากที่จะทำการผ่าตัดให้ฉัน? ”
“อือ เขาเป็นศาสตราจารย์ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในด้านระบบประสาทและสมอง ”
ชื่อเสียงของเย่เฉียวเธอรู้ดี และก็ไม่สงสัยความสามารถของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“พวกคุณคืนดีกันแล้ว? ” เวินจิ้งถามอย่างอึกอัก
“ไม่ได้คืนดี การรักษาช่วยชีวิตคนไข้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของหมอ เขาไม่สามารถยืนมองอย่างนิ่งดูดายได้ ”
เวินจิ้งปุ้ยปาก ไม่พูดอะไร
ที่เธอเป็นห่วงมากที่สุด ก็มีแค่มู่วี่สิงคนเดียว
“คุณรีบไปนอนเถอะ ฉันก็จะนอนแล้ว ” ถึงแม้ว่าเธอจะนอนไม่หลับเหมือนเดิม แต่ก็ไม่อยากให้มู่วี่สิงเสียเวลาพักผ่อน
“ฝันดี คุณภรรยามู่ ” เขาจูบเธออย่างแนบแน่น
เวินจิ้งหัวเราะ กอดเขาเอาไว้นานถึงจะยอมปล่อยมือ
วันต่อมา เวินจิ้งตื่นขึ้นมา พยาบาลก็เตรียมที่จะพาเธอเข้าไปในห้องผ่าตัดแล้ว
ตอนนี้ ถึงรู้สึกตื่นเต้นตื่นเต้นมากๆๆ
สายตามองไปที่เงาร่างสูงยาวที่อยู่แสนไกลนั้น เขาเป็นคนที่เธอเป็นห่วงมากที่สุด
เพื่อเขา เธอจะต้องข้ามผ่านเรื่องไปให้ได้
กำฝ่ามือแน่น ฤทธิ์ของยาชาเริ่มออกฤทธิ์ แต่ก็พยายามฝืนตอนที่ทนฝืนไม่ไหวจริงๆถึงจะหลับตา
ท่าทางของมู่วี่สิง ประทับลึกลงไปในหัวสมองของเธอ
“มู่วี่สิง นี้เป็นครั้งแรกที่พวกเราทำการผ่าตัดด้วยกัน ” เย่เฉียวเดินเข้ามา เป็นการผ่าตัดที่ยากมาก สำหรับเขาแล้วนี่เป็นการท้าทาย และเขาก็ชอบการท้าทาย
“เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหม? ” มู่วี่สิงถาม
“ดีมาก ที่นี่ของคุณสบายมากๆเลย ” เย่เฉียวพอใจเป็นอย่างมาก
มู่วี่สิงฉีกยิ้มมุมปาก หมุนตัวเดินไปที่ห้องเตียงผ่าตัด สีหน้าเปลี่ยนเป็นเข้มขรึมจริงจังขึ้นมา
เย่เฉียวเดินตามหลังมา มุ่งมั่นใจจดใจจ่อเหมือนกัน
หลิงอี้กับหลินเวยอยู่ด้านนอกห้องผ่าตัดตลอด เดิมทีหลิงเหยาที่ปิดเทอมก็บินออกนอกประเทศก็รีบบินกลับมาแล้ว
หลิงอี้โอบไหล่น้องสาว ปลอบโยนเบาๆ
หลิงเหยาทนไม่ไหวดวงตาค่อยๆแดงขึ้นมา
“เวินจิ้ง ต้องสู้! ”
ในเวลานี้ ผู้ช่วยของหลินเวยรีบเดินเข้ามา
“ประธานหลิน มู่เหิงเพิ่งออกมาจากสถานีตำรวจเมื่อกี้ ” ได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของหลินเวยเคร่งขรึมขึ้นมา
ผู้ช่วยพูดต่อ “มู่เฟิงยอมรับสารภาพเองว่าได้สมคบกระทำความผิดกับฉีเซิน ตอนนี้มู่เหิงไม่มีความผิดถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว ”
หลิงอี้ที่อยู่ข้างๆได้ยินไปโดยปริยาย มู่เฟิงไม่ได้สนใจเรื่องบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปมาตั้งนานแล้ว แต่ว่าเขาสนิทสนมกับมู่เหิงก็เพราะเหตุผลที่ทุกคนก็รู้กันอยู่ คิดว่าน่าจะรับโทษแทนมู่เหิงแน่ๆ
“คิดไม่ถึงว่ามู่เฟิงจะเป็นคนทำ ” หลิงอี้พูดขึ้น
ทันใดนั้น มียามวิ่งมา ไม่เห็นมู่วี่สิง แค่พูดกับคนไม่กี่คนที่อยู่ประตูของห้องฉุกเฉินว่า “ด้านนอกมีตำรวจมาแล้ว บอกว่าจะมาจับคุณหมอมู่ ”
“มู่วี่สิงทำอะไรผิด? ” หลินเวยขมวดคิ้ว
“เรื่องนี้……ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ เดี๋ยวพวกเขาก็จะขึ้นมาแล้ว ” ยามพูดอย่างสั่นๆ
ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมาก แต่ก็หยุดกั้นเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายไม่ได้
มองดูเวลา การผ่าตัดครั้งนี้น่าจะใช้เวลาประมาณห้าชั่วโมงถึงจะเสร็จ ตอนนี้เพิ่งผ่านไปแค่สองชั่วโมง
“จำเป็นต้องรอให้การผ่าตัดเสร็จก่อน ” หลิงอี้พูดเสียงเข้ม
แต่ว่า ตำรวจเดินขึ้นมาแล้ว
แต่ว่าตอนนี้มู่วี่สิงทำการผ่าตัดอยู่ เรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตคน พวกเขายินยอมที่จะรอจนการผ่าตัดเสร็จสิ้น
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ทุกคนล้วนมองไฟสีแดงที่กะพริบอย่างวิตกกังวล
ตอนที่ไฟได้ดับลงในตอนนั้น หลินเวยวิ่งเข้าไปก่อน คุณหมอที่ออกมาคนแรกก็คือเย่เฉียว
“คุณหมอ ลูกสาวของฉันเป็นยังไงบ้าง……”
สีหน้าของเย่เฉียวเคร่งขรึมมาก ไม่ได้พูดอะไร
สีหน้าของหลินเวยค่อยๆขาวซีดลง
ในใจรู้สึกถึงเรื่องที่ไม่ดีขึ้น
มู่วี่สิงเดินตามออกมา “คนไข้ยังไม่พ้นขีดอันตราย ต้องไปสังเกตอาการที่ห้องผู้ป่วยหนัก แต่การผ่าตัดราบรื่นไปได้ด้วยดี ”
ได้ยินคำพูดนี้ออกมา ทำให้ทุกคนโล่งใจขึ้นมา
แต่……
“ทำไมถึงยังไม่พ้นขีดอันตราย ไม่ใช่ผ่าตัดสำเร็จแล้วเหรอ? ” หลิงอี้ถามอย่างใจเย็น
“อือ แต่ว่าคนไข้จะฝืนขึ้นมาหรือไม่ ยังคงต้องดูจิตใจของเธอ ” สีหน้าของมู่วี่สิงเคร่งขรึมเหมือนกัน
ตอนนี้ ตำรวจที่รออยู่ด้านข้างมาตลอดเดินมาข้างหน้า “คุณมู่วี่สิง คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีการยักยอกเงิน ขอเชิญคุณร่วมมือกับพวกเรายอมให้ตรวจสอบด้วยครับ ”
มู่วี่สิงถอดหน้ากากอนามัยออก ก่อนจากไป สั่งเย่เฉียวว่า “ศาสตราจารย์เย่ รบกวนคุณช่วยเฝ้าดูอาการอยู่ที่นี่ก่อน ”
เย่เฉียวพยักหน้า หลังจากที่จากผ่าตัดเสร็จ อารมณ์ของเขาเคร่งเครียดขึ้นมา
ในขั้นตอนการผ่าตัดนั้นมีเรื่องที่คิดไม่ถึงเกิดขึ้นมา เกินที่เขาจะควบคุมได้
หลังจากนั้นมู่วี่สิงก็แก้ไขได้ทันเวลาพอดี แต่ก็ทำให้เวลาการผ่าตัดยืดนานไปอีก ทำให้ผู้ป่วยตกอยู่ในอาการโคม่า
เขาทำผิดพลาดแล้ว
เย่เฉียวสูดลมหายใจเข้าลีกๆ เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย หลินเวยยังคงถามไม่หยุด “คุณหมอ ลูกสาวฉันจะฝืนตอนไหน ”
เย่เฉียวเม้มปาก “ถ้าอย่างเร็ว ก็หนึ่งวัน ”
ถ้าอย่างช้าล่ะก็ เขาก็ไม่รู้
คำพูดนี้ เขาไม่ได้พูดออกมา
แต่ว่าหลิงอี้ยืนมองสีหน้าของเย่เฉียวอยู่ข้างๆ ก็รู้ว่าอาการของเวินจิ้งไม่ค่อยดีนัก
แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเวย กลัวว่าเธอจะรับไม่ได้
เดินออกมาที่ระเบียง หลิงอี้โทรหาผู้ช่วย
“เกิดอะไรขึ้นกับมู่วี่สิง? ”
“มู่เหิงบอกตำรวจว่ามู่วี่สิงใช้เงินบริษัทในทางที่ผิด ” ผู้ช่วยพูดรายงาน
“ตอนนี้มู่เหิงอยู่ที่ไหน? ”
“ยังหาไม่เจอ ”
“จับตาดูมู่เหิงให้ผมเอาไว้ ”
วางสายโทรศัพท์ หลิงเหยาเดินเข้ามา
“พี่ชาย ” หลิงเหยารู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก
น้ำเสียงของศาสตราจารย์เย่เมื่อกี้เธอก็ฟังออกว่าผิดปกติไปจากเดิม เพราะฉะนั้นก็ยิ่งเป็นห่วงเวินจิ้งเพิ่มมากไปอีก
“เวินจิ้งจะไม่เป็นอะไร คุณวางใจเถอะ ” หลิงอี้ปลอบใจน้องสาว และก็ปลอบใจตัวเองด้วย
หลิงเหยาพยักหน้าอย่างลุกลี้ลุกลน และถามอีกว่า “เกิดเรื่องขึ้นกับมู่วี่สิงได้ยังไง เขาไม่อยู่ ฉันรู้สึกเป็นกังวลเรื่องเวินจิ้ง ”
“เย่เฉียวค่อยเฝ้าดูอยู่ พี่จะไปส่งเธอที่สนามบิน ” หลิงอี้พูด
“ฉันไม่อยากกลับไปเร็วขนาดนั้น ประเทศCเงียบสงัดมากอา ” หลิงเหยาไม่เต็มใจ
หลิงอี้ขมวดคิ้ว แต่ก่อนปิดเทอมฤดูร้อนฤดูหนาวหลิงเหยาล้วนกลับประเทศC นี้เป็นนิสัยมาหนึ่งปีแล้ว
“ในเมื่อคุณไม่อยากกลับ งั้นก็อยู่ต่อเถอะ ” หลิงอี้พูดกับน้องสาวอย่างทะนุถนอม
หลิงเหยาถึงเผยรอยยิ้มออกมาได้ “ก็รู้ว่าพี่เป็นพี่ชายที่ดีที่สุดเลย! ”
สถานีตำรวจ
มู่วี่สิงพูดคำให้การเสร็จ ก็ประกันตัวออกมาชั่วคราวก่อน
ด้านนอก มู่เหิงยังคงรอเขาอยู่
“เจอะเจอะ(เสียงจุ๊ปาก) กลัวไหม? ” มู่เหิงฉีกยิ้มมุมปาก
มู่วี่สิงนิ่งๆ “กลัวอะไร? ”
“กลัวที่จะต้องเข้าคุกไง ในเมื่อครั้งนี้ มีหลักฐานอย่างแน่ชัดแล้ว ”
“หลักฐาน? ” มู่วี่สิงหัวเราะเยาะออกมา “ที่คุณกุเรื่องขึ้นมาเอง? ”