Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 432

ตอนที่ 432

บทที่ 432 เตรียมการแต่เนิ่น

ฉีเซินปากจิบ และนั่งนิ่งเงียบไปนาน

“ฉันจะออกไป” เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ถึงจะพูดด้วยเสียงอันหนักแน่นออกมา

“คุณคิดว่ามันเป็นไปได้หรือ? นอกเหนือจากผลิตยาปลอม ในมือมู่วี่สิงยังมีหลักฐานที่คุณข่มขืนมู่ซือซือในปีนั้นด้วย อาชญากรรมทั้งสองนี้ เพียงพอสำหรับคุณนั่งยองในคุกตลอดชีวิต” หลินเวยส่ายหัว

ฉีเซินยิ้มด้วยรอยยิ้มอันเย็นชา ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้

แต่ว่า เขาได้เตรียมการแต่เนิ่น

“เวินจิ้งทำการผ่าตัดหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ระหว่างที่ทำการผ่าตัด ในสมองของเธอได้ถูกชิปไว้ ควบคุมโดยการใช้ยาอย่างเดียว และไม่สามารถเอาออกได้”

“อะไรนะ?” สีหน้าหลินเวยซีดลงทันที

“คุณคิดว่าผมกำลังโกหกคุณเหรอ? หากคุณไม่เชื่อ ก็คอยดูเวินจิ้งถูกชิปนั้นคุกคาม ความทรงจำของเธอจะค่อยๆหายไป รอจนความทรงจำนั้นหายไปหมด เธอก็จะเสียชีวิตในที่สุด”

“แกมันไร้สาระ” หลินเวยโกรธจนทนไม่ได้

ทนไม่ไหวจนต้องลุกขึ้น ดวงตาสีแดงก่ำ จ้องไปที่ฉีเซิน

แต่เขายังคงมีท่าทีที่สงบนิ่งดั่งเมฆที่เบาบางและลมที่พัดเบาๆ

“จริงหรือ? งั้นตอนนี้คุณก็ออกไปได้แล้ว พวกไม่มีอะไรที่จำเป็นต้องคุยกันอีกแล้ว”

หลินเวยอยากที่จะออกจากที่นี่ แต่เท้าเหมือนกับถูกยึดติดไว้ ไม่สามารถขยับได้

จิตใจของเธอค่อยๆเย็นลง

“ทำไมคุณถึงทำเช่นนี้” เวลาผ่านไปนานโข แล้วเธอก็เลือกที่จะนั่งลง

“ผมรู้ความสามารถมู่วี่สิง เขาไม่ปล่อยผมไปหรอก ผมได้แต่ชิงลงมือก่อน” ฉีเซินพูดด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น

หลินเวยลดสายตาลง ในมือกำหมัดไว้แน่น แต่ก็รู้สึกกลัวจนสั่นไปทั้งตัว

เธอต้องไม่ปล่อยให้ลูกสาวของเธอมีปัญหา

“สิ่งที่ฉันทำได้ ก็แค่ช่วยได้เพียงลดโทษให้คุณเท่านั้น” น้ำเสียงของหลินเวยก็อ่อนลงมาก

“ภายในสามปี” ฉีเซินกล่าว

“ฉันจะหาวิธีเอง ยาอยู่ที่ไหน?” หลินเวยถามอย่างประหม่า

“ตู้ใบที่สามในห้องหนังสือ แต่ว่ามีเพียงพอสำหรับหนึ่งเดือนเท่านั้น จากนั้น ก็คอยดูว่าคุณแม่จะทำอย่างไร” ฉีเซินยิ้มด้วยชัยชนะ

หลินเวยไม่รู้ว่าตัวว่ากลับบ้านตระกูลฉีได้อย่างไร รถยนต์จอดหน้าประตูเป็นเวลานานแล้ว

ร้องไห้จบไปนานแล้ว เหลือเพียงแต่ความเจ็บปวดในใจเท่านั้น

เธอเลี้ยงลูกสารเลวคนนี้เติบโตมาได้อย่างไร

“คุณนาย?” เห็นสีหน้าของหลินเวยไม่สู้ดีนัก คนขับรถเรียกเธออย่างตกอกตกใจ

รถจอดอยู่หน้าประตูเป็นเวลานานแล้ว

หลินเวยรู้สึกตัวอีกที ก็เข้าไปเอายาที่ห้องหนังสือ จากนั้นก็รีบไปที่โรงพยาบาล

ช่วงเวลานี้มู่วี่สิงยังคงคอยดูแลเวินจิ้งอยู่ในห้องผู้ป่วย คนหนึ่งอ่านหนังสือ คนหนึ่งจัดการงานของบริษัท

ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นความเข้าใจโดยปริยายระหว่างคนทั้งสอง

เมื่อหลินเวยเข้ามา เขาก็ได้ปรับอารมณ์ของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หลังจากที่มองมู่วี่สิงไปกระพริบตาหนึ่ง เธอพูดด้วยเสียงต่ำว่า “คุณมู่ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเวินจิ้ง”

มู่วี่สิงพยักหน้า “ผมจะไปเอาอาหารเย็นพอดี”

ในหน้าผู้ป่วยเพียงคนสองคน

หลินเวยเดินเข้ามา เมื่อมองไปที่เวินจิ้ง สายตาของเธอก็ไม่สามารถซ่อนความทุกข์นั้นได้

“เสี่ยวจิ้ง ยังมีอาการปวดหัวหรือไม่?” หลินเวยถามด้วยความกังวล

“ดีขึ้นแล้วค่ะ รู้สึกไม่สบายก็ยังมีบ้าง บางครั้งที่คิดเรื่องต่างๆก็จะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ว่าเรื่องความทรงจำของฉันไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว” เวินจิ้งสารภาพ

บางครั้งตอนเช้าอ่านหนังสือ เมื่อถึงตอนบ่ายกลับลืมไปหมดแล้ว

สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“คุณแม่ ท่านร้องไห้ทำไมค่ะ?” เวินจิ้งเงยหน้า สัมผัสกับสายตาของหลินเวย เธอรู้สึกตระหนกเล็กน้อย

หลินเวยหันหลังให้เธอ เมื่อได้ยินคำพูดของเวินจิ้ง น้ำตาเหมือนกับจะแตกออกมา

“แม่ก็เพียงแต่สงสารลูกมากเกินไป”

“คุณหมอมู่บอกว่าสิ่งเหล่านี้จะดีขึ้นในอนาคต คุณแม่ ท่านวางใจเถอะ”

“ฉันไม่ไว้ใจ” หลินเวยพูดด้วยอาการตัวสั่น

เธอมานี่ก็เพื่อเอายามาให้เวินจิ้ง ส่วนเรื่องจริงที่ฉีเซินบอกกับเธอนั้น เธอทนไม่ได้ที่จะบอกเวินจิ้ง

แต่ว่า เมื่อเธอเอายาให้แก่เวินจิ้ง เธอก็จะรู้เรื่องนี้

“คุณแม่”

“แม่ก็แค่มาเยี่ยมเธอ คุณหมอมู่ได้บอกไหมว่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไร?”

“ประมาณอีกหนึ่งอาทิตย์ค่ะ”

“พักผ่อนเยอะๆนะ แม่กลับก่อนละ”

เมื่อคำพูดจบลง หลินเวยออกไปอย่างรวดเร็ว เกรงว่าเห็นเวินจิ้งแล้ว จะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่

หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เธอก็ก้าวเท้าไปทางห้องทำงานของมู่วี่สิง

“คุณนายหลิน” มู่วี่สิงเรียกอย่างสุภาพ

หลินเวยพยักหน้า นั่งลงฝั่งตรงข้ามเขา

ทราบว่าเขามีเรื่องจะคุยด้วย มู่วี่สิงเดินไปปิดประตูไว้

ดวงตาของหลินเวยแดงระเรื่อ ดูเหมือนร้องไห้มาพักหนึ่งแล้ว

“หลังจากที่เวินจิ้งเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างทำการผ่าตัดนั้นฉีเซินได้ฝังชิปไว้ในสมองเธอ”

เมื่อตอนมาเยี่ยมผู้ป่วยคำพูดของฉีเซินที่พูดคุยกับหลินเวย หลินเวยได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดออกมา

มู่วี่สิงเป็นถึงคุณหมอ ก่อนอื่นเขาจำเป็นต้องถามให้แน่ใจเสียก่อนว่าสามารถกำจัดชิปนี้ได้หรือไม่ ถ้าหากได้ อย่างนั้นก็สามารถเลี่ยงภัยคุกคามจากฉีเซินได้

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าความเป็นไปได้ มันน้อยมาก

มู่วี่สีรีบหาภาพเอกซเรย์ของเวินจิ้งมาเปรียบเทียบดู สายตาจ้องมองไปที่จุดสีดำๆฝั่งสมองซีกขวา

เนื่องจากมีขนาดเล็กมาก ดังนั้นจึงถูกจัดประเภทเป็นปมอ่อนโยนโดยอัตโนมัติ

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า มันจะไม่ใช่แล้ว

“หากจะวินิจฉัย จำเป็นต้องผ่าตัดเปิดสมองอีกรอบ แต่ว่าเวินจิ้งเพิ่งจะมีการผ่าตัดครั้งสำคัญ ไม่สามารถทำแบบนี้อีก” มู่วี่สิงกุมหน้าลง

“ฉีเซินให้ยาฉันบางส่วน บอกว่าสามารถใช้ควบคุมอาการของเวินจิ้งได้ แต่การทานยาตลอดมักจะมีผลข้างเคียง ยิ่งไปกว่านั้นของสิ่งนี้มันอยู่ในสมองของเสี่ยวจิ้ง อย่างไรก็เป็นบ่อเกิดของอาการ” หลินเวย กล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำๆ

แต่เมื่อครู่ได้ยินคำพูดของเวินจิ้ง เธอเริ่มมีอาการความทรงจำเลือนรางแล้ว

เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี

“ผมต้องเอายานี้ไปตรวจสอบส่วนผสมก่อน คุณนายหลินครับ ฉีเซินได้พูดเงื่อนไขอะไรกับท่านบ้างครับ” มู่วี่สิงถามด้วยความกระตือรือร้น

“เขาขอให้ฉันช่วยเขาพ้นโทษ แต่ฉันบอกว่า ฉันทำได้เพียงช่วยลดโทษเท่านั้น”

มู่วี่สิงหลับตาลง มือค่อยๆกำจนแน่น

“มู่วี่สิง หากไม่ทางออกจริงๆ ก็ให้ฉีเซินออกมาเถอะ บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะไปฟ้องแล้ว” หลินเวยอ้อนวอน

ขอเพียงบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเปลี่ยนคำให้การ รวมทั้งเรื่องของมู่ซือซือในปีนั้นไม่ให้แพร่งพรายออกไป ความผิดของฉีเซินก็ยังมีโอกาสถูกยกฟ้องได้

แต่ว่า เรื่องนี้สำหรับมู่วี่สิงแล้ว มันยากเกินไป

หลินเวยก็ไม่มีทางเลือกถึงเอ่ยปากพูด

เธอไม่ทราบว่าตัวเองพูดถูกหรือไม่ แต่เพื่อเวินจิ้งแล้ว เธอจำเป็นต้องทำเช่นนี้

“คุณนายหลินครับ เดี๋ยวผมให้คนไปส่งนะครับ” มู่วี่สิงยังไม่ตอบคำถามของเธอ

ในห้องทำงานกลับมาเงียบเหมือนเดิม มู่วี่สิงนำยานั้นไปตรวจสอบหาส่วนผสมด้วยตัวเอง เมื่อเห็นผลลัพธ์แล้ว สีหน้าของเขาก็หมองคล้ำลง

ไม่ได้กลับไปที่ห้องผู้ป่วยของเวินจิ้ง แต่มู่วี่สิงกลับไปที่บ้านเก่าของตระกูลมู่

มู่ซือซือมองพี่ชายอย่างคาดไม่ถึง เขาไม่กลับมานานมากแล้ว

“พี่ชายคะ คืนนี้ลมอะไรพัดคุณมาถึงที่นี่คะ” มู่ซือซือลงมาจากชั้นสอง

“นี่คือบ้านผม” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว

“แน่นอนฉันรู้ แต่ช่วงนี้บ้านคุณอยู่ที่โรงพยาบาลนี่” มู่ซือซือพึมพำ

“ไม่อยากเห็นพี่ชายเหรอ”

“แน่นอนว่าไม่ใช่ ดึกขนาดนี้ฉันจะเข้านอนแล้วนะ เชิญคุณตามสบายนะคะ” คำพูดจบลง มู่ซือซือก็กลับไปที่ห้องนอน

ช่วงนี้ฉีเซินถูกจับแล้ว เธอดีใจเป็นอย่างมาก นอนเช้าตื่นเช้าเพื่อชีวิตและสุขภาพที่ดี

มองเห็นด้านหลังของน้องสาว ใต้ดวงตาที่ลึกเข้าไปของมู่วี่สิงค่อยๆแพร่กระจาย

หลายวันต่อมา เวินจิ้งก็ไม่ได้เจอมู่วี่สิง

หลิงเหยามาเยี่ยมทุกวัน เวินจิ้งก็ไม่น่าจะเบื่อเกินไป

แต่เมื่อมู่วี่สิงไม่อยู่ ไม่ว่าจะเป็นหลิงเหยาก็รู้สึกแปลกๆ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท