บทที่492 ฉันไม่ต้องการให้คุณช่วย
“คุณนายหลิน คุณมาทำอะไร” มู่เฉิงนั่งลง ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
“ฉันมารับลูกสาวฉัน” พูดจบ หลินเวยก็เดินขึ้นไปทางชั้นสอง
เธอพาคนมาด้วยไม่น้อย ตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับคนของมู่เฉิงหน้าบ้านพัก
“ผมจะส่งเธอไป ให้ห่างจากหลานชายผม คุณก็คงจะพอใจ ไม่ใช่หรอ?” มู่เฉิงพูดอย่างเจ้าเฒ่าเจ้าเล่ห์
สีหน้าหลินเวยดูเคร่งขรึม “ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ในเมื่อเด็กทั้งสองรักกัน ฉันก็จะไม่คัดค้าน”
ยังไม่ทันได้ก้าวขึ้นบันได บอดี้การ์ดก็มาขวางเธอไว้แล้ว
หลินเวยขมวดคิ้ว คนของเธอก็เข้ามาไม่ได้ มู่เฉิงระวังตัวมาก
“มู่เฉิง!” หลินเวยโมโหแล้ว
“อย่าเสียเวลาเลย คุณขึ้นไปตอนนี้ ก็ไม่เจอเวินจิ้งแล้ว”
“คุณ……มู่เฉิง……” หลินเวยหน้าซีด เห็นได้ชัดว่าตัวเองไม่สามารถต่อกรกับบอดี้การ์ดได้ ทันใดนั้นก็โดนล็อคแขนแล้วเอาตัวออกไป
“ครอบครัวเราทั้งสองไม่ควรนับญาติกันแต่แรกแล้ว” มู่เฉิงส่ายหัว
และในเวลานี้ มู่วี่สิงก็มาถึงจนได้ เอาคนลุยเข้ามาในบ้านพัก มู่เฉิงมองหน้าหลานคนนี้ ด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบ
ในเมื่อตอนนี้ คนก็ไปแล้ว
“คุณปู่!” อารมณ์ยังคงนิ่งเหมือนปกติ แต่ความจริงมู่วี่สิงโมโหมาก
“มีอะไร พาคนมาเยอะแยะ ทำปู่ตกใจหมดเลย” มู่เฉิงนั่งนิ่งบนโซฟาแล้วดื่มชา
“เวินจิ้งอยู่ไหนครับ?” มู่วี่สิงไม่อ้อมค้อม มองหน้าปู่ มือทั้งสองก็กำหมัดแน่นแล้ว
“หลานถามผิดคนแล้ว ปู่จะรู้ได้ไงว่าเวินจิ้งอยู่ไหน”
สีหน้ามู่วี่สิงดูเคร่งขรึม ผลักบอดี้การ์ดออก แล้วก็ตรงขึ้นไปชั้นสอง
หาทั่วทุกห้องแล้ว ก็ไม่เจอเวินจิ้ง มู่วี่สิงขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง ก็ยังมีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่ และในสายตา เห็นเครื่องบินส่วนตัวกำลังบินขึ้นไปอย่างเร็ว
ใบหน้าที่เคร่งขรึม สั่งเกาเชียนที่อยู่ด้านหลัง “รีบตามไป!”
ลงมาห้องรับแขก มู่เฉิงยังคงนั่งนิ่งดื่มชา
มู่วี่สิงไม่ได้หยุด แต่เดินหน้าเครียดออกไป
แต่มู่เฉิงเรียกเขาไว้
“มู่วี่สิง ถ้าวันนี้หลานไม่ออกจากโรงพยาบาล หลานก็จะไม่มีวันหาเธอเจอ!” มู่เฉิงพูดทิ้งท้าย
มู่วี่สิงไม่ได้หยุดเดิน
ขึ้นรถ ลี่หนานเฉิงมองคนข้าง ๆ ด้วยความกังวล ตั้งแต่ออกมาจากบ้านพัก มู่วี่สิงก็ไม่พูดอะไรสักคำ
“ถึงแม้จะไปต่างประเทศแล้ว แต่ก็ยังสามารถหาเจอได้” ผู้ชายตัวโตอย่างเขาก็ไม่รู้จะปลอบใจคนยังไง
อำนาจตระกูลลี่กระจายไปทั่วโลก แค่กระดิกนิ้ว ไม่มีทางที่จะหาไม่เจอ
“อืม หนานเฉิง ขอบคุณ”
“ถ้าจะขอบคุณฉัน ส่งฉันกลับไปที่บ้านก่อน ชายแก่หาฉันแล้ว” สีหน้าลี่หนานเฉิงดูหงุดหงิด
ช่วงดึก มู่วี่สิงกลับไปที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ด้วยความที่มู่ซือซือเป็นห่วงพี่ชาย เลยให้ส้งวี่ไปเป็นเพื่อนเธอ
“พี่ค่ะ ได้ข่าวเวินจิ้งมั้ยค่ะ?”
“คุณปู่ส่งเธอไปต่างประเทศแล้ว” มู่วี่สิงพูดเสียงเบา หลังพิงไปที่หน้าต่าง ดูท่าทางเขาเศร้ามาก
“คุณปู่ใช้อำนาจเกินไปแล้ว!”
“ซือซือ เธอกลับไปกับส้งวี่เลย พี่ไม่เป็นไร”
มู่ซือซือมองดูพี่ชาย ดูเขาเหนื่อยล้ามาก และเหมือนกับว่าจะไม่คิดที่จะพักเลย
“พี่ กลับบ้านกับหนู” มู่ซือซือจ้องหน้าพี่ชาย ลากเก้าอี้มา
“พี่ยังต้องเคลียงานของบริษัทต่อ”
“พรุ่งนี้ค่อยทำ ตอนนี้พี่ต้องการการพักผ่อน!”
ถ้าพี่ชายไม่กลับไป เธอกลับไปก็ไม่สบายใจอยู่ดี
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว จ้องไปที่ส้งวี่ที่ยืนด้านหลังมู่ซือซือ “ส้งวี่ ส่งซือซือกลับบ้านไปก่อน”
“ซือซือก็แค่เป็นห่วงคุณ” ส้งวี่ไม่ขยับตัว
เขารู้นิสัยของมู่ซือซือดี พี่ชายไม่กลับ เธอก็ไม่กลับ
มู่วี่สิงต้านน้องสาวไม่อยู่ ถือว่าแพ้ทางน้องสาว
ในโลกนี้เขายอมผู้หญิงอยู่แค่สองคน คนแรกคือเวินจิ้ง อีกคนก็มู่ซือซือ
มู่วี่สิงไม่ได้กลับไปที่บ้านใหญ่ เพราะว่ามู่เฉิงอยู่ เขากลัวว่าเขาจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้และกระตุ้นอารมณ์ปู่ของเขา
ยังไงเขาจะต้องหาให้เจอ
หลังจากส่งมู่ซือซือกลับบ้านแล้ว มู่วี่สิงก็ไปที่การ์เด้นมูเจียวาน
บ้านที่ว่างเปล่า ที่นี่เป็นที่ที่มู่วี่สิงและเวินจิ้งช่วยกันตกแต่งออกแบบ มันเป็นเรือนหอของพวกเขา
แต่ตอนนี้ มีแค่เขา
เปิดไวน์หนึ่งขวด เกาเชียนก็ส่งข้อความมาให้เขา เครื่องบินส่วนตัวของมู่เฉิงเป็นของตระกูลมู่ ตอนนี้ตรวจสอบได้ว่าเครื่องบินลงจอดที่ประเทศB
แต่ตำแหน่งที่ชัดเจน ยังเช็คไม่ได้
นึกถึงคำพูดของมู่เฉิง……นายไม่มีวันหาเธอเจอ มู่วี่สิงก็บีบแก้วไวน์จนแตก
แก้วบาดมือเขาจนเลือดออก แต่เขาก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
ฝืนหลับตาลง เขารีบตรงไปที่สนามบิน
เวลานี้ ที่ประเทศB
เพิ่งลงจากเครื่อง อากาศที่หนาวเย็นทำให้เวินจิ้งจามหลายครั้ง
ถูกจับแล้วเอาตัวเข้าไปบนรถ เธอมองบอดี้การ์ดสองคนทั้งสองข้าง “ปล่อยฉัน……”
แต่ก็ไม่มีใครตอบเธอ บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่นั่งข้างเธอนิ่งเหมือนรูปปั้น
เมื่อรถขับไปถึงทางด่วน เวินจิ้งเห็นเพียงตึกที่ไม่คุ้นตา และไม่รู้ว่าที่นี่คือประเทศอะไร
มู่เฉิงโอนย้ายการเรียนให้เธอ ตอนอยู่บนเครื่องบินเธอได้รับข้อความเกี่ยวกับการโอนย้ายจากมหาวิทยาลัยหลินไห่ แต่ก็ไม่รู้ว่า มู่เฉิงจัดให้เธอไปเรียนที่ไหน
ถ้าเธอได้เข้าเรียนจริง ๆ มู่วี่สิงก็ต้องตามหาเธอจากการเคลื่อนไหวนี้ได้
เธอหนีไม่ได้ ได้แต่รอให้เขาหาเธอจนเจอ
ทันใดนั้น รถก็เหยียบเบรกกะทันหัน เวินจิ้งยังไม่ทันได้ตั้งตัว บอดี้การ์ดทั้งสองก็โดนลากออกจากรถแล้ว ต่อมาเธอก็โดนล็อคแขนแล้วลากออกมา พาไปขึ้นรถอีกคัน
หันไปมอง เหมือนเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย
โจวเซิน
เวินจิ้งตาเบิกโต ประตูรถด้านหลังกำลังจะปิด เธอก็รีบเปิดประตูลงจากรถ
แต่ก็ช้าไปแล้ว ประตูรถถูกล็อคไว้แล้ว
โจวเซินมองดูอาการร้อนรนของเวินจิ้งอย่างนิ่งเฉย
“คุณคิดจะทำอะไร!” เวินจิ้งจ้องไปที่ผู้ชายตรงหน้า
เธอไม่เชื่อ ว่าเขาจะมาช่วยเธอ
“ผมช่วยคุณอยู่นี่ไง ไม่ใช่หรอ?” โจวเซินพูดเสียงต่ำ
“ฉันไม่ต้องการให้คุณช่วย” เวินจิ้งพูดอย่างเย็นชา
“เป็นผู้หญิง บางทีก็ต้องฝึกอ่อนโยนหน่อย” โจวเซินยื่นมือออกมาแล้วโอบเอวเล็ก ๆ ของเวินจิ้งได้อย่างง่ายดาย
เวลานี้ เธอก็เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเขา
ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยทำให้เธอต่อต้านอย่างหนัก แล้วยกมือขึ้นตบไปที่หน้าของชายที่อยู่ตรงหน้า
โจวเซินตาไวเอามือจับไปที่ข้อมือของเธอไว้ก่อน ดวงตาสีดำจ้องเธออย่างดุดัน
“คุณผู้หญิง เล็บแหลมคมจริง ๆ ”
เวินจิ้งยิ้มอย่างเย็นชา “คุณปล่อยฉันนะ!”
เธอดิ้นสู้ แต่ยิ่งดิ้นเท่าไหร่ โจวเซินก็ยิ่งจับแขนเธอแรงขึ้นเท่านั้น
“ยังไงผมก็ไม่ปล่อย คุณอยู่ในมือผม เวินจิ้ง ผมเตือนคุณให้นะ คุณอย่าดื้อเชื่อฟังคำพูดผม” โจวเซินพูดอย่างเย็นชา
เวินจิ้งหน้าซีด มองไปที่โจวเซินด้วยความกลัว ท่าทางที่เย็นชาของเขาทำคนตกใจมาก
หลุดพ้นจากการกระทำของมู่เฉิง แต่ก็มาเจอแบบนี้ นี่มันหนีเสือปะจระเข้จริง ๆ
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป โจวเซินพาเธอมาถึงวิลล่าหลังหนึ่ง ตกแต่งเป็นแนวยุโรปย้อนยุค มองไปทางไหนก็หรูหราสวยงามไปหมด
เขาจับข้อมือเธอไว้ แล้วดึงลากเธอเข้าไป
“โจวเซิน คุณต้องการทำอะไรกันแน่!” เวินจิ้งจ้องไปที่ด้านหลังของเขา
“คุณเป็นผู้หญิงของมู่วี่สิง คุณว่าผมจะทำอะไรล่ะ?” โจวเซินยกมุมปากขึ้นแล้วยิ้มอย่างเย็นชา
เวินจิ้งรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว