บทที่496 ยังคงหัวดื้อ
มู่วี่สิงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เห็นสีหน้าท่าทางที่เป็นกังวลของเวินจิ้ง จับคางเธอขึ้นแล้วจูบลงไป
จูบจนเธอหอบหายใจไม่ทันและไม่พูดอะไรเลย แล้วเดินออกจากห้องไป
เวินจิ้งหงุดหงิด เมื่อดึงสติกลับมาได้ มู่วี่สิงก็ไม่อยู่ข้าง ๆ แล้ว
“ผู้ชายคนนี้ เป็นแบบนี้ตลอดเลย ทรมานร่างกายแค่ไหน!” เวินจิ้งรีบล้างหน้าแล้ววิ่งออกไป
รถเข็นอาหารเช้าเข้ามาเสิร์ฟพอดี มู่วี่สิงค่อย ๆ หยิบยกอาหารทีละจาน ๆ มาวางบนโต๊ะ เวินจิ้งเห็นแผ่นหลังที่เรียบของเขา ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาเลย
วิ่งเข้าไป เธอโอบกอดเอวของเขาจากด้านหลัง ใบหน้าของเธอแนบชิดไปที่แผ่นหลังที่เย็นชาของเขา
“มู่วี่สิง คุณปู่ไม่ยอมให้เราอยู่ด้วยกัน” เธอพูด
เหมือนว่าอุปสรรคครั้งนี้ จะข้ามไปไม่ง่ายเลย
“อย่าสนใจคุณปู่” มู่วี่สิงพูดเสียงเย็นชา
“แต่ว่า นั่นคุณปู่คุณนะ”
วิธีการจัดการของมู่เฉิง ตอนนี้เธอเคยประสบกับตัวเองแล้ว กลัวว่าต่อจากนี้ ถ้าเธออยู่กับมู่วี่สิง ชีวิตก็จะไม่สงบสุขแน่
เธอกลับไม่กลัวเลย แต่ว่า เธอเป็นห่วงมู่วี่สิง
“ผมจะจัดการเรื่องคุณปู่เอง ไม่ต้องกังวล นะ?” มู่วี่สิงหันหลัง แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมกอด
เวินจิ้งกัดปาก ไม่ตอบ
จะช้าหรือเร็วเธอและมู่วี่สิงก็ต้องกลับไปที่เมืองหนาน
“เราจะกลับไปเมื่อไหร่?”
“ช่วงนี้ อยู่ที่ประเทศBไปก่อน ดีมั้ย?” เขาถามเธอ
ตอนนี้ เขายังไม่อยากกลับไปเลย
เวินจิ้งมองหน้ามู่วี่สิงด้วยความประหลาดใจ แม้ว่ามู่เฉิงจะใช้อำนาจจัดการย้ายเรื่องเรียนให้เธอเรียบร้อยแล้ว แต่ตัวเธอเองยังไม่ได้ยินยอม น่าจะยังกลับไปที่มหาวิทยาลัยหลินไห่ได้
แต่กังวลว่ามู่เฉิงจะทำอะไรอีก
“ฉันจะกลับไปที่มหาวิทยาลัย วันหยุดใกล้หมดแล้ว”
“มู่เฉิงใช้อำนาจทำเรื่องลาออกให้เธอแล้ว”
ในที่สุด
เวินจิ้งหน้าซีด ปลายนิ้วจับไปที่เสื้อเชิ้ตของมู่วี่สิง ไม่มีสติอยู่นาน
“ตอนที่ฉันอยู่บนเครื่องบิน คนของมู่เฉิงเอาเอกสารเรื่องโอนย้ายมหาวิทยาลัยให้ฉัน ย้ายมามหาวิทยาลัยที่ประเทศB แต่ฉันยังไม่ได้ยินยอมเลย มู่เฉิงจะทำได้ยังไง……”
“มหาลัยที่ประเทศBได้รับคุณเข้าเรียนแล้ว” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
ในเมื่อเป็นแบบนี้ จึงเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะจัดการเรื่องนี้
ตั้งแต่แรกผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัยหลินไห่ก็ไม่ได้ยินดีที่เวินจิ้งเข้าเรียนที่นั่น ตอนนี้มู่เฉิงต้องการไล่เธอออก คนเหล่านั้นยินดีมากอยู่แล้ว
“ในที่สุดมู่เฉิง……ก็จัดการได้เร็วมาก” สีหน้าเวินจิ้งดูเย็นชา
“คุณอยากจะกลับไปที่มหาวิทยาลัยหลินไห่ ต้องรอให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน”
อย่างน้อย ก็ให้เขาจัดการอิทธิพลพวกนั้นก่อน เขาถึงจะสามารถปกป้องเวินจิ้งให้ดีได้ ถึงจะวางใจให้เธอกลับไป
“มู่วี่สิง ถ้ามันลำบากมาก ก็ช่างมันเถอะ” เวินจิ้งถอนหายใจ
ตอนนี้เธอยังเป็นนักศึกษาอยู่ ถ้าไม่อยู่ที่มหาวิทยาลัยหลินไห่ ก็ย้ายไปที่มหาวิทยาลัยในต่างประเทศก็ได้
มู่เฉิงย้ายเธอมามหาวิทยาลัยที่ประเทศB ก็เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ไม่อยากทำให้มู่วี่สิงลำบาก เธอสามารถเข้าเรียนที่นี่ได้
แต่ว่า เธอไม่อยากยอมรับในสิ่งที่มู่เฉิงจัดการให้เธอ
เป้าหมายของเขาก็คือ แยกเธอออกจากมู่วี่สิง
“ผมจะไม่ยอมให้คุณต้องลำบากใจ” น้ำเสียงของมู่วี่สิงเย็นชาขึ้นมาก
“ฉันรู้ แต่ว่า ฉันไม่อยากให้คุณต้องมาลำบากเพราะฉันแล้ว” เวินจิ้งกอดเขาไว้แน่น มู่วี่สิงทำเพื่อเธอมามากพอแล้ว
“คุณเป็นคุณนายของตระกูลมู่ ทำอะไรเพื่อคุณ ผมเต็มใจและยินดีมาก ช่วงนี้ก็อยู่ที่ประเทศB ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว” มู่วี่สิงพูดพลางออกคำสั่งด้วย
เวินจิ้งทำหน้ามุ่ย จ้องสายตาที่จริงจังของเขา ไม่พูดอะไร
…….
ตระกูลโจว
โจวเซินยืนอยู่ที่หน้าต่าง เขาหลับตาลงอย่างช้า ๆ
“จนผู้ช่วยเข้ามารายงานตัว เขาถึงหันกลับมา
“คุณหนูสองพักเข้าไปในบ้านใหญ่ของตระกูลมู่แล้วค่ะ”
“อืม แล้วมู่วี่สิงล่ะ?”
“มู่วี่สิงและคุณเวินอยู่ที่โรงแรมเจียดือ ทั้งสองคนยังไม่ได้ออกไปไหนค่ะ”
โจวเซินสูบบุหรี่ เหมือนจะรู้ว่ามู่วี่สิงคงยังไม่กลับไปที่เมืองหนานในตอนนี้
“ออกไปได้แล้ว”
สักพัก มือถือก็ดังขึ้น เป็นสายจากโจวหย่าน
เธออยู่บ้านตระกูลมู่มันน่าเบื่อมาก มู่วี่สิงก็ไม่กลับมาสักที เธอไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่นี่มีประโยชน์อะไร
แต่คุณปู่ได้จัดเตรียมไว้แล้ว เธอก็ไม่อยากจะขัดความต้องการของเขา
“พี่ มู่วี่สิงไปไหนแล้ว?อาทิตย์นี้เขาก็ไม่ได้เข้าตรวจที่โรงพยาบาล”
“ช่วงนี้เขาไม่ได้อยู่ที่เมืองหนาน”
“แล้วเขาจะกลับมาเมื่อไหร่?”
“น่าจะอีกหนึ่งเดือน” โจวเซินเดา
ตอนนี้เวินจิ้งจะกลับเมืองหนาน มู่วี่สิงต้องจัดการเรื่องที่มหาวิทยาลัยให้เรียบร้อยก่อน ไม่งั้นเวินจิ้งก็เข้าเรียนไม่ได้
“นานขนาดนั้นเลยหรอ……” โจวหย่านแสดงอาการผิดหวัง
“อยู่ที่บ้านตระกูลมู่ไปก่อน ทำดีกับมู่เฉิงให้มาก ๆ เธอถึงจะได้แต่งงานกับมู่วี่สิงเร็ว ๆ “
โจวหย่านเงียบ ความจริงเธอไม่ได้คาดหวังอะไรขนาดนั้นแล้ว
ความรู้สึกของมู่วี่สิงที่มีต่อเวินจิ้ง เธอก็รู้ดีแก่ใจ
ที่มู่วี่สิงไม่กลับมา เพราะอยากจะหลบหน้าเธอมั้ง
คิดแบบนี้แล้ว โจวหย่านก็ยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยว
เพิ่งวางสายได้ไม่นาน มู่ซือซือก็เคาะประตูเข้ามา
เรื่องที่โจวหย่านเข้ามาในบ้าน เธอก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
พี่ชายก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ แต่เธอก็ยังดันทุรังจะเข้ามา แม้จะรู้ว่าเป็นความต้องการของคุณปู่ด้วย แต่เธอก็ไม่พอใจอยู่ดี
“คุณโจว ที่คุณเข้ามา เป็นความต้องการของพี่ชายคุณใช่มั้ย?” มู่ซือซือถาม
“ใช่” โจวหย่านพยักหน้า
“พี่คุณกับปู่ฉันตกลงอะไรกันไว้” มู่ซือซือถามด้วยความสงสัย
“ฉันไม่รู้ พี่ไม่พูดเรื่องพวกนี้กับฉัน เขาบอกให้ฉันเข้ามารอมู่วี่สิง ฉันก็แค่ลองมาดู อีกอย่าง ฉันก็ไม่กล้าขัดคำสั่งเขา” โจวหย่านพูดด้วยความเศร้า
ตั้งแต่โดนมู่วี่สิงไล่ออกจากเมืองหนาน หลังจากที่เธอกับแม่เข้าไปที่ตระกูลโจว ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปราวฟ้ากับดิน
อารมณ์ของพี่ชายไม่แน่นอน เธอกลัวมากเวลาที่เขาโกรธ เธอเลยต้องฟังคำพูดของเขา
“คุณกลัวพี่ชายคุณมาก?”
โจวหย่านไม่พูดอะไร แต่มู่ซือซือดูออก ต้องใช่แน่ ๆ
ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรดีเลย
หลังจากออกไปแล้ว เธอก็รีบโทรหาพี่ชาย
“โจวหย่านถามอะไรก็ไม่รู้ เธอน่าสงสารมาก ถูกโจวเซินใช้งาน” มู่ซือซือพูด
“อืม” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
“ช่วงนี้สุขภาพร่างกายคุณปู่ไม่ค่อยดี เอาแต่คิดตลอดว่าอยากให้พี่กลับมา ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านจะคิดได้หรือยัง แต่ตอนนี้โจวหย่านยังอยู่ เดาว่าเขายังคงหัวดื้อ”
“ให้หมอมาอยู่ที่บ้านค่อยดูอาการตลอด”
“ฉันก็คิดแบบนี้ แต่คุณปู่ดื้อรั้น ไม่ยอม” มู่ซือซือพูดด้วยความหงุดหงิด
เธอพูดอะไรไม่ได้เลย ส้งวี่พูดก็ไม่มีประโยชน์
เกรงว่ามู่เฉิงเอาแต่เฝ้ารอมู่วี่สิงกลับมา
“ร่างกายของตัวเอง ท่านยังไม่ใส่ใจพี่ก็ไม่อยากยุ่งแล้ว” พูดจบ มู่วี่สิงก็วางสายไป
แต่ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี สั่งให้เกาเชียนจัดหมอไปที่บ้าน ไม่สนว่ามู่เฉิงจะยินยอมหรือไม่ จัดการตามสถานการณ์เบื้องต้นไปก่อน
เวินจิ้งอ่านหนังสืออยู่ คำพูดที่มู่วี่สิงพูดไปทั้งหมดเธอก็ได้ยิน
สำหรับมู่เฉิง แต่ก่อนรู้สึกว่าเขาเป็นคุณปู่ที่อ่อนโยนคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ ความคิดที่มีต่อมู่เฉิง เขาเป็นคนที่ดื้อรั้นและเผด็จการ