บทที่493 วางแผน
ดังนั้น โจวเซินจึงตั้งเป้าไปที่มู่วี่สิง?
ในขณะที่ไม่ได้สติอยู่ โจวเซินก็ปล่อยมือเธอ
เวินจิ้งได้รับอิสระแล้ว ก็ถอยห่างจากผู้ชายตรงหน้า
แต่หน้าประตูมีบอดี้การ์ดที่ใส่สูทสองคนเฝ้าอยู่ เธอก็ไม่มีทางหนีไปได้
ไม่นาน ก็มีสาวใช้หนึ่งคนเข้ามา ถามเวินจิ้งว่าชอบทานอะไรอย่างสุภาพ จะได้ไปเตรียมอาหารค่ำ
“ฉันไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น” เวินจิ้งพูดอย่างเย็นชา
สาวใช้อึ้ง และไม่รู้จะทำอย่างไร
โจวเซินทิ้งก้นบุหรี่แล้วเดินเข้ามา “ทำไม จะอดอาหาร?เวินจิ้ง ผมไม่บังคับให้คุณกินอะไร ถ้าหิวตาย คุณก็ไม่ได้เจอมู่วี่สิงแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ใบหน้าเวินจิ้งก็ซีดขาว
“เมื่อไหร่คุณจะปล่อยฉันไป” เธอถามเสียงต่ำ
“บอกสาวใช้ก่อน คุณชอบกินอะไร” โจวเซินทำเสียงแข็ง
เวินจิ้งกัดริมฝีปาก “ไม่มีอะไรที่ฉันไม่ชอบ”
“ดูว่าทางเมืองหนานมีอาหารอะไรบ้าง ทำอาหารพื้นบ้าน” โจวเซินสั่ง
สาวใช้รีบไปจัดเตรียม
“คุณจะปล่อยฉันไปเมื่อไหร่?” เวินจิ้งยังคงถามต่อ
“ดูพฤติกรรมของคุณ ถ้าคุณเอาแต่ชักสีหน้า ผมอารมณ์ไม่ดี ก็ไม่ปล่อย” โจวเซินนั่งลงบนโซฟา ขายาวของเขาไขว่ห้างขึ้นและแววตาที่ดูเย็นชา
เวินจิ้งยิ้มอย่างเย็นชา เธอถูกลักพาตัวมา จะให้ยิ้มออกได้ยังไง
เวลาอาหารค่ำ สาวใช้ทำอาหารพื้นบ้านทางฝั่งเมืองหนานไม่น้อย รสชาติก็ใช้ได้ แต่เวินจิ้งไม่มีความอยากอาหาร เลยกินได้ไม่เยอะ
ตรงข้ามกับโจวเซิน อาหารหลายอย่างถูกเขากินจนหมด
เวินจิ้งจ้องมองผู้ชายตรงหน้าตั้งแต่ต้นอย่างไร้อารมณ์
ไม่รู้ว่ามู่วี่สิงจะอยู่ที่ประเทศBหรือยัง ความจริงวันนี้ เป็นวันหมั้นของพวกเขา ทั้งหมดได้จัดเตรียมไว้หมดแล้ว
แต่ก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอย่างกะทันหัน
มู่เฉิงยืนกรานไม่ให้เธอและมู่วี่สิงได้อยู่ด้วยกันแล้ว
เมื่อคิดแบบนี้ เวินจิ้งก็รู้สึกสิ้นหวังแล้ว
เธอคาดหวังว่าความดีของเธอและการแต่งงานจะทำให้ผู้ใหญ่ยอมรับและยินดี แต่ตอนนี้……
“คิดถึงมู่วี่สิง?” เสียงพูดของชายหนุ่มทำเธอดึงสติกลับมา
“ใช่” เวินจิ้งยอมรับ
เธอคิดถึงเขามากจริง ๆ
ช่วงนี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น ทำให้เธอรู้สึกเครียดและอึดอัด
“ไม่ช้าเขาก็คงหาเจอและมาประเทศB” โจวเซินยกมุมปากขึ้น
หรือว่า ตอนนี้อาจจะถึงแล้วก็ได้
เวินจิ้งตาเป็นประกาย และมีใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
สีหน้าของโจวเซินก็เคร่งขรึมขึ้นกว่าเดิม
ทันใดนั้นก็กินอะไรไม่ลง เขาวางตะเกียบลงแล้วเดินขึ้นชั้นบน
ไม่มีโจวเซินค่อยอยู่ข้าง ๆ เวินจิ้งรู้สึกโล่งสบายใจมาก
แต่ไม่มีมือถือติดต่อใครเลย มันรู้สึกน่าเบื่อ
เวลานี้ มู่วี่สิงเพิ่งมาถึงประเทศB
เกาเชียนกำลังตามดูคนของมู่เฉิง แต่ปรากฏว่า เวินจิ้งไม่ได้กับพวกเขา
“ตามความเคลื่อนไหวของโจวเซิน!” เขาพูดอย่างเย็นชา
เมื่อถึงโรงแรม ไม่นานลี่หนานเฉิงก็มาถึงแล้ว
“โจวเซินมีตึกที่ประเทศBเป็นร้อย ข้อมูลนี้มันกว้างเกินไป” ลี่หนานเฉิงขมวดคิ้ว
ไม่คิดว่าอิทธิพลของตระกูลโจวในประเทศBจะมากขนาดนี้
“ให้คนไปเฝ้าที่บริษัทสาขาโจวซื่อ”
“อืม แต่ถ้าว่าโจวเซินเป็นคนเอาตัวเวินจิ้งไป แล้วเขาต้องการอะไร?” ลี่หนานเฉิงถามด้วยความสงสัย
“หรือว่าต้องการขู่นาย?พรรคพวก ศัตรูของนายเยอะไปแล้วนะ”
พูดจบ ลี่หนานเฉิงก็ได้รับสายตาพิฆาต แล้วเงียบไป
“เขาเป็นพี่ชายของโจวหย่าน นายคิดว่าฉันจะมีปัญหาอะไรกับเขา?” มู่วี่สิงพูดเบา ๆ
เรื่องบางเรื่อง ตอนนี้เขาก็ยังหาข้อมูลไม่ได้
“ตอนนี้คุณปู่ของนายร่วมมือกับโจวหย่าน ฉันได้ข้อมูลมาว่าโจวเซินกับมู่เฉิงเคยติดต่อกัน พวกเขาน่าจะร่วมมือกันทำอะไรสักอย่าง” ลี่หนานเฉิงนึกขึ้นได้
ก็ในวันที่มู่วี่สิงเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการ โจวหย่านปรากฏตัวขึ้นในห้องก็เป็นแผนของโจวเซิน
“คุณปู่มีอำนาจในมือไม่น้อย และโจวเซินก็มีความทะเยอทะยาน ไม่แปลกที่ทั้งสองจะร่วมมือกัน” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
“ดูเหมือนว่า คุณปู่ของนายจะมีไม้ตายอยู่” ลี่หนานเฉิงจับที่คางของเขา
“ถึงยังไง ฉันก็จะไม่ปล่อยให้เขากังวล” มู่วี่สิงยกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา
คนตระกูลมู่ ชินกับการวางอุบายใส่กันตั้งนานแล้ว
“ตอนนี้ร่างกายของมู่เฉิงไม่เหมือนแต่ก่อน แต่เขาก็ไม่กลัวว่านายจะทำอะไรเขาได้” ลี่หนานเฉิงหลับตาลง
ยังมาวางแผนชีวิตหลานชายตัวเองแบบนี้
……
กลางดึก เวินจิ้งสะดุ้งตื่นจากความฝัน มองดูห้องที่ยังคงสว่างอยู่ เธอไม่กล้าที่จะปิดไฟด้วยซ้ำ
ถึงจะล็อคประตูแล้ว แต่ไม่รู้ว่าไอ้โรคจิตอย่างโจวเซินจะเข้ามาเมื่อไหร่
ถอนหายใจออกมา เธอนอนไม่หลับแล้ว เดินไปที่ระเบียง ลมหนาวพัดผ่านมา
ที่แท้ที่นี่ก็ติดทะเล
ห้องที่เธอพักอยู่ชั้นสอง ด้านนอกเป็นสนามหญ้าที่กว้าง ถ้ากระโดดลงไปจากตรงนี้……
แต่เธอก็ยังรู้สึกกลัว อีกอย่างยังมีบอดี้การ์ดเฝ้าเต็มไปหมด
ได้แต่จ้องมองท้องฟ้าที่ค่อย ๆ สว่างขึ้น เช้าวันใหม่ก็มาถึงแล้ว
แม้ว่าจะล็อคประตูแล้ว แต่โจวเซินก็ยังมีกุญแจเปิดประตู
เวินจิ้งทำหน้านิ่งมองชายที่ใส่ชุดดำเดินเข้ามา
“เมื่อคืนหลับสบายมั้ย?” โจวเซินถามด้วยความเป็นห่วง แต่สีหน้าของเขาดูไม่แยแสเลย
“ไม่ต้องการความห่วงใยจากคุณ” เวินจิ้งพูดอย่างเย็นชา
โจวเซินยกมุมปากขึ้น ทำเหมือนว่าไม่เห็นอารมณ์โมโหของเธอ “ลงไปกินข้าวเช้า”
สาวใช้เอาชุดกระโปรงสีขาวเข้ามา เวินจิ้งถึงกับขมวดคิ้ว และรับมา ด้วยความไม่เต็มใจ
ไม่คิดว่าโจวเซินจะมีแผนอะไร
“ไปเดินเล่นกับผม”
เวินจิ้งมองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ “คุณโจวไม่กลัวว่าฉันจะหนีหรอ?”
“ถ้าคุณหนีไปได้ ก็ถือว่าคุณมีความสามารถ” รอยยิ้มที่ยากจะได้เห็นของโจวเซิน
แต่เมื่อเห็นเขายิ้ม เวินจิ้งกลับรู้สึกขนลุก
ถ้าได้ออกไป ก็จะมีโอกาสหนี เวินจิ้งไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปแน่นอน
“ได้”
เวินจิ้งนึกว่าที่โจวเซินพูดว่าออกไปเดินเล่น คือไปเดินเที่ยวห้าง แต่ไม่คิดว่าจะมาสนามกอล์ฟ
เธอเพิ่งสังเกตเห็นว่าวันนี้โจวเซินแต่งตัวสบายมาก เสื้อโปโลสีฟ้าอ่อนและกางเกงสีดำ เดินมาทางสนามกอล์ฟ ใส่หมวกปลายแหลมและถุงมือสีขาว
“คุณให้ฉันมาดูคุณตีกอล์ฟ?” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
วันนี้แดดแรงมาก ร้อนมาก……
“ไม่ได้หรอ?” โจวเซินเลิกคิ้ว ถือไม้กอล์ฟไว้แล้ว ยืนในท่าที่ถูกต้อง เห็นได้ชัดว่ามาตีกอล์ฟบ่อย
“แน่นอนว่าได้อยู่แล้ว” เวินจิ้งพูดอย่างเยาะเย้ย
ในขณะนี้ มีชายหญิงสองคนเดินมาจากไม่ไกล และเหมือนว่าจะรู้จักโจวเซิน
“ประธานโจว กลับมาประเทศBแล้ว” ท่าทางของถงจี้ดูนอบน้อมมาก
“ใช่” อารมณ์ของโจวเซินยังคงนิ่งอยู่
“คุณคนนี้คือ?” ถงจี้มองเวินจิ้งด้วยความประหลาดใจ
น้อยมากที่ข้างกายของโจวเซินจะมีผู้หญิง
“เวินจิ้ง” โจวเซินแนะนำอย่างเรียบง่าย ไม่ได้บอกสถานะของเธอ
“สวัสดีครับ คุณเวิน”
เวินจิ้งพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา
นั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านหลัง มองดูสนามหญ้าออกไปไกล ไม่ได้มองโจวเซินเลยด้วยซ้ำ
ความสัมพันธ์ของทั้งสอง คนนอกมองก็รู้ว่าไม่สนิทกัน
โจวเซินตีกอล์ฟกับถงจี้ ผู้หญิงที่ถงจี้พามาก็นั่งลงข้าง ๆ เวินจิ้ง
“สร้อยของคุณเวิน…..สวยมากเลยค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่อิจฉา
เวินจิ้งนิ่งไปสักพัก นี่เป็นสร้อยที่แม่ให้เป็นของขวัญวันหมั้น แน่นอนว่ามันต้องสวยอยู่แล้ว…..และมีคุณค่ามาก
“ขอบคุณค่ะ”
“คุณเป็นแฟนของคุณโจวหรอค่ะ?”
“ไม่ใช่ค่ะ” สีหน้าเวินจิ้งไม่พอใจเท่าไหร่
เมื่อถูกคนอื่นเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถานะของเธอและโจวเซิน มันรู้สึกไม่สบายตัวจริง ๆ