บทที่ 505 หรือนี่จะเป็นชะตาของเราสอง
เวินจิ้งและอั้ยเถียนมาที่ห้องคนไข้ ซูยิงฟื้นแล้ว แต่ลี่หนานเฉิงไม่ได้เข้ามาด้วย
เห็นหญิงสาวนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยในสภาพโรยรา เวินจิ้งหวนนึกอยู่ว่าเมื่อครู่พวกหล่อนยังเฝ้ารอให้ทารกน้อยลืมตาขึ้นมาดูโลกอย่างสุขสันต์หรรษากันอยู่เลย ทว่าผ่านไปไม่เท่าไร ทารกน้อยผู้นี้ก็จากไปเสียแล้ว
“ยิงยิง เมื่อตะกี้หมอบอกว่า เธอเหมือนจะกินยาทำแท้งน่ะ” อั้ยเถียนเอ่ยขึ้นอย่างหวั่นใจ
สีหน้าซีดเผือดของซูยิงพลันเปลี่ยนสี เอามือกุมท้อง ไม่เอ่ยอะไรไปครู่หนึ่ง
หล่อนจะใจดำอำมหิตถึงขนาดฆ่าลูกของตัวเองได้อย่างไรกัน
นอกเสียจากว่า… อาหารการกินประจำวันของหล่อนจะผิดปกติ
“คนที่อยากฆ่าลูกของฉัน มีมากเหลือเกิน” ซูยิงหลับตาแน่นสนิท
สิ่งที่หล่อนไม่ได้บอกเวินจิ้งและอั้ยเถียนก็คือ ตั้งแต่หล่อนเริ่มตั้งท้องลูกคนนี้ หล่อนก็หวาดหวั่นพรั่นใจอยู่เสมอ
คุณปู่ลี่มือไม้ยาวนัก เขาหมายที่จะเอาชีวิตลูกของหล่อนไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว
อันที่จริงยันมาได้ถึงสี่เดือน ก็เหนือความคาดหมายของซูยิงมากแล้ว
“ยิงยิง” เวินจิ้งพึมพำ แต่แล้วก็ไม่พูดอะไร
ดูภายนอกรักหวานชื่นระหว่างลี่หนานเฉิงกับซูยิง ดูราบรื่นเหมือนเมื่อแรก และก็ได้รับการยอมรับจากตระกูลลี่แล้ว แต่อันที่จริง เกรงว่าจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ยามนี้ เสียงฝีเท้าสายหนึ่งดังเข้ามาจากหน้าประตู ลี่หนานเฉิงเดินเข้ามา เวินจิ้งกับอั้ยเถียนจึงเดินออกไปอย่างรู้สถานการณ์
ซูยิง หลุบตาลงต่ำ ในดวงตาเต็มไปด้วยแววหม่นหมองเศร้าสร้อย
ขอบตาแดงรื้น แต่อย่างไรเสียหล่อนก็ยังขบริมฝีปากแน่นไม่ยอมให้ตนหลั่งน้ำตาออกมา
“ยิงยิง ผมขอโทษ…” ลี่หนานเฉิงว่าพลางแทบจะทิ้งตัวลงคุกเข่าอยู่ข้างเตียง
มือน้อย ๆ ของซูยิงถูกเขาเกาะกุมเอาไว้แน่น หล่อนสัมผัสถึงความทุกข์ใจของเขาได้อย่างแจ่มแจ้ง
“เมือหนานเฉิง หรือนี่จะเป็นชะตาของเราสอง” ซูยิงพลันยิ้มขื่น
แต่สิ่งที่ค่อย ๆ ตามมาหลังรอยยิ้ม คือน้ำตาอุ่น ๆ ที่ไหลพรากเต็มดวงหน้า
ลี่หนานเฉิงโผเข้ามา ก่อนจะค่อย ๆ ประจงจูบซับน้ำตาบนใบหน้าของหล่อนอย่างทะนุถนอมจนเกลี้ยง
ทว่าซูยิงยิ่งร้องก็ยิ่งเกรี้ยวกราด กอดลี่หนานเฉิงไว้แน่น หล่อนกล่าวอย่างแข็งขืน “ฉันจะแก้แค้นให้ลูกของฉันให้ได้”
…
ด้านนอก เพราะยังเป็นห่วงซูยิงอยู่ เวินจิ้งจึงไม่ยอมจากไปไหน
จนกระทั่งดึกสงัดลี่หนานเฉิงถึงได้เดินออกมา ซูยิงหลับไปแล้ว ความเหน็ดเหนื่อยบนใบหน้าของเขาปิดเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
“พวกคุณกลับไปเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว”
มู่วี่สิงโอบปลอบเวินจิ้ง ก่อนจะหันไปทางลี่หนานเฉิงแล้วกล่าว “ถ้าต้องการให้ผมช่วยอะไร ก็บอกมาได้เสมอ”
ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ทว่าเวินจิ้งยังคงเสียใจอยู่
ระหว่างทางที่พาซูยิงมาส่งโรงพยาบาลเมื่อครู่ หล่อนพยายามรักษาทารกในครรภ์เอาไว้ตลอดทาง แต่นึกไม่ถึงว่า ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ได้
“มู่วี่สิง คุณรู้หรือไม่ว่าใครต้องการฆ่าลูกของซูยิง?” พอขึ้นรถ เวินจิ้งก็หันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างกาย
“คนของ ตระกูลลี่” มู่วี่สิงขมวดคิ้วมุ่น
เด็กคนนี้ เกิดมาผิดเวลาจริง ๆ
ตอนนี้ฐานะของซูยิงในตระกูลลี่ยังไม่มั่นคง คนใจดำอำมหิตของตระกูลลี่ พวกนั้นไหนเลยจะยอมทนดูหล่อนคลอดลูกออกมาแย่งสมบัติหน้าตาเฉย
แต่เห็นได้ชัดว่าขณะที่ทั้งสองกำลังดื่มด่ำความสุขในช่วงตั้งท้องนั้น มีหลายเรื่องที่ไม่ได้คิดป้องกันไว้
“แต่… ที่อยู่ในท้องซูยิงก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลลี่ นะ!” น้ำเสียงของเวินจิ้งเดือดดาล
นั่นมันหนึ่งชีวิตนะ ชีวิตคนเป็น ๆ เลยนะ!
ทำไมคนตระกูลลี่ถึงได้ใจทมิฬหินชาติขนาดนี้
มู่วี่สิงยื่นมือเข้ามา ย่นคิ้วเล็กน้อย
“เดิมทีตระกูลลี่ก็เหมือนทะเลลึกที่มองไม่เห็นก้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เป็นที่ ๆ กลืนคนไม่คายกระดูก” มู่วี่สิงกล่าวเสียงเรียบ
เขารู้จักกับลี่หนานเฉิงมาตั้งหลายปีแล้ว ย่อมรู้ตื้นลึกหนาบางใน ตระกูลลี่อยู่ไม่น้อย
แต่ว่า เขาไม่อยากให้ลี่หนานเฉิงกลับไปที่ตระกูลลี่อยู่แล้ว
เพียงแต่ ความแค้นบางอย่างก็มิอาจละวางได้ เขาจำต้องสั่งสมบ่มแค้นรอวันชำระ
หลังจากนั้นมา ถ้าเวินจิ้งและอั้ยเถียนมีเวลาว่างก็มักจะมาอยู่เป็นเพื่อนซูยิง ร่างกายของหล่อนก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ลี่หนานเฉิงกลับมาหาหล่อนน้อยลง
“ช่วงนี้ลี่หนานเฉิงยุ่งเรื่องอะไรอยู่น่ะ หรือว่างานสำคัญกว่าเมียอย่างนั้นเหรอ?” เวินจิ้งบ่นอุบอิบอย่างไม่สบอารมณ์
“ระยะนี้เขารับช่วงสืบทอดกิจการของตระกูลลี่อยู่ไม่น้อย ปกติก็ไม่ค่อยจะมีเวลาว่างอยู่แล้ว ฉันเข้าใจดี”ซูยิงกล่าวเสียงเรียบ ราวกับคุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้อยู่แล้ว
“แล้วเธอล่ะ ตอนนี้คิดได้หรือยังว่าจะไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยไหน?” ซูยิงเอ่ยถามยิ้ม ๆ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ได้ยินว่าช่วงนี้บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยF ในเมืองหนาน ใกล้จะได้ฤกษ์เปิดทำการแล้ว สาขาวิชาแพทยศาสตร์ของ มหาวิทยาลัยF ก็อยู่อันดับต้น ๆ ของโลก หล่อนเลยอยากจะลองสมัครดู
ถ้าหากสอบติด อย่างนั้นก็จะได้ไม่ต้องไปจากเมืองหนานแล้ว
“ตอนนี้ฉันกำลังดูมหาวิทยาลัยF อยู่ ช่วงนี้ก็กำลังเตรียมตัวเรื่องสัมภาษณ์นี่แหละ”
เรื่องนี้หล่อนเคยคุยกับหลินเวยเอาไว้แล้ว เจ้าหล่อนถึงกับติดต่อมหาวิทยาลัยก่อนเจ้าตัวจะติดต่อเองเสียอีก เพื่อให้เวินจิ้งได้มีโอกาสเข้าสัมภาษณ์ ซึ่งก็คือเดือนหน้า
แต่ตอนนี้หล่อนยังไม่ได้เตรียมตัวเลยสักนิด
“ทั้งชื่อเสียงและคำบอกเล่าเกี่ยวกับ มหาวิทยาลัยF นี่ไม่เลวเลยนะ เผลอ ๆ ยังสูงกว่ามหาวิทยาลัยหลินไห่ด้วยซ้ำ เวินจิ้ง ฉันสนับสนุน”
“ขอบคุณที่ให้กำลังใจนะ ฉันจะลองดู”
“แต่ มหาวิทยาลัยF อยู่ที่ ประเทศF นี่ เรื่องของเธอกับมู่วี่สิงไม่กลายเป็นรักระยะไกลหรอกเหรอ?” ซูยิงพลันนึกขึ้นได้
“ก็ฉันดู ๆ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยF ในเมืองหนาน ไว้อยู่ ถึงได้ว่าจะลองดูไงล่ะ”
“ห่างจากมู่วี่สิงไม่ได้เลยสินะ เวินจิ้ง ฉันล่ะอิจฉาเธอจริง ๆ” ซูยิงพลันกล่าวอย่างทอดถอน
ในสายตาหล่อน ความรักระหว่างเวินจิ้งกับมู่วี่สิงดูจะราบรื่นอยู่เสมอ แต่ของหล่อนกับลี่หนานเฉิงนี่สิ เหมือนสวรรค์จะชอบส่งอุปสรรคมาขัดขวางพวกหล่อนอยู่ไม่น้อย ขลุกขลักเหลือเกิน
หล่อนไม่นึกเลยว่า หล่อนกับลี่หนานเฉิงจะยืนหยัดมาจนถึงวันนี้ได้
แต่การแท้งครั้งนี้ ทำให้หล่อนรู้สึกอยากจะถอนตัวจริง ๆ
“ฉันกับเขาเหรอ? ตอนนี้คุณปู่มู่ไม่ยอมให้พวกเราอยู่ด้วยกัน เราสองคนเองก็ลำบาก” เวินจิ้งหน้าสลด
ตอนนี้มู่วี่สิงไม่ยอมกลับบ้านใหญ่เลย เกรงว่าคุณปู่มู่คงยิ่งชังน้ำหน้าหล่อนเข้าไปอีก
“ฟู่ คุณปู่คงจะคิดได้สักวันแหละ ขอแค่เธอกับมู่วี่สิงไม่ยอมแพ้” ซูยิงกล่าวให้กำลังใจ
เวินจิ้งรั้งอยู่จนตกค่ำถึงออกมา เป็นเพราะเรื่องมหาวิทยาลัยหลินเวยเลยให้หล่อนกลับไปที่ ตระกูลหลิน สักครั้ง แต่ตอนนี้มู่วี่สิงมารับหล่อนแล้ว
พอรู้ว่าเวินจิ้งจะกลับตระกูลหลิน มู่วี่สิงก็ไม่ได้ว่าอะไร
ดูออกว่า ช่วงนี้มู่วี่สิงคงจะยุ่งมาก หลายวันมานี้เขาเอาแต่ขลุกอยู่ในห้องทำงานจนดึกดื่น ตอนเวินจิ้งหลับไปแล้ว มู่วี่สิงก็ยังไม่ได้มานอนข้างกายด้วยซ้ำ
สิ่งที่หล่อนทราบก็คือ เขาเพิ่งคืนสู่ตำแหน่งในโรงพยาบาลได้ไม่นาน ทั้งยังต้องรับช่วงดูแลอาการของโจวหย่านอีก เทียวไปเทียวมาระหว่างบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปกับโรงพยาบาล มู่วี่สิงทำแบบนี้แทบจะไม่ได้พักผ่อนเลยด้วยซ้ำ เวินจิ้งยิ่งเป็นห่วงเข้าไปใหญ่
“ถ้าผ่าตัดโจวหย่านเสร็จ คุณจะว่างขึ้นบ้างไหม” เวินจิ้งกอดเขาพลางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
มู่วี่สิงลูบศีรษะหล่อนอย่างเอ็นดู “ว่าง”
“การผ่าตัดรักษาหล่อนยุ่งยากไหม?”
อย่างน้อย ก็มีแต่มู่วี่สิงที่มีประสบการณ์ในการผ่าตัดนี้
“อื้อ ยุ่งยากมาก”
แม้แต่มู่วี่สิงยังบอกว่ายุ่งยาก เวินจิ้งก็รู้แล้ว
“หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีนะ” หล่อนพึมพำ
ไม่เช่นนั้น ต่อไปสิ่งที่โจวหย่านจะมีมากขึ้นก็คือเวลาในการตอแยมู่วี่สิง
หล่อนไม่ชอบเลย
กลับมาถึงตระกูลหลิน คืนนี้เวินจิ้งกะว่าจะค้างที่ คฤหาสน์หลิน แล้วให้มู่วี่สิงกลับไป
เขาดูไม่ค่อยสบอารมณ์นัก พลางเดินตามเวินจิ้งเข้ามา
“ถ้าคุณจะค้าง ผมก็จะค้างที่นี่เป็นเพื่อนคุณ”
เวินจิ้งยู่ปากน้อย ๆ เหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร
ถึงอย่างไร ตอนนี้หลินเวยก็รู้สึกดีต่อมู่วี่สิงอยู่เสมอ อีกทั้ง คฤหาสน์หลิน ก็ไม่มีคนอื่นอาศัยอยู่
“วี่สิงก็มาด้วยเหรอ น้าเฉินยกชาดอกไม้มาอีกถ้วยค่ะ” หลินเวยสั่งกำชับ