Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 522

ตอนที่ 522

บทที่ 522 เราเลิกกันเถอะ

การแข่งขันมีทั้งหมดสองรอบ ใช้เวลาต่อเนื่องกันคร่าวๆสามชั่วโมง

สถานที่จัดการแข่งขันคือห้องประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัย ภายในสถานที่แข่งมีนักศึกษาที่เข้าร่วมชมการแข่งขันนั่งอยู่เต็ม

เมื่อเห็นว่ามีผู้ชมเยอะขนาดนี้ เวินจิ้งก็กำฝ่ามือที่ชื้นไปด้วยเหงื่อแน่นโดยอัตโนมัติ

โจวเซินอยู่ข้างๆเธอ อารมณ์ห่วงใยล้นออกมาจากดวงตา

“เวินจิ้ง คุณทำได้” เสียงพูดให้กำลังใจของเขาดังขึ้นอยู่ข้างๆเธอ

เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นไปมอง แล้วพยักหน้าให้เบาๆ เมื่อหาที่นั่งของตัวเองเจอ ก็มองไปยังเหล่านักศึกษาที่อยู่ข้างล่างเวที สายตาของเธอกลับหยุดอยู่ตรงตำแหน่งแถบๆทางซ้าย

ทั้งๆที่ระยะห่างห่างกันถึงขนาดนี้ แต่แค่มองไปเพียงแวบเดียวเธอก็เห็นชายหนุ่มรูปหล่อที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวได้อย่างชัดเจน โครงหน้าที่สมบูรณ์แบบช่างเหมือนกับภาพสเก็ตช์ของพระเจ้า โดดเด่นเกินกว่าใคร

เมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเขา อารมณ์ของเวินจิ้งก็สงบลงอย่างแปลกประหลาด

เมื่อโจวเซินมองตามสายตาของเวินจิ้งไป ก็มองเห็นมู่วี่สิง ความเยือกเย็นในดวงตาก็ปรากฏออกมา

การแข่งขันโต้วาทีเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะรู้ว่ามู่วี่สิงอยู่ที่นี่ เวินจิ้งถึงได้พูดออกมาได้เป็นอย่างดี การแข่งขันรอบแรกดำเนินไปอย่างราบรื่น ต่อไปจะเป็นการแข่งขันรอบที่สอง มีเวลาให้พักครึ่งชั่วโมง

เวินจิ้งลงจากเวที แล้วมองไปยังทิศทางของมู่วี่สิง ถ้าเดินไปหา ต้องยุ่งยากมากแน่ๆ คงทำได้แค่รอให้การแข่งขันสิ้นสุดลงอย่างเดียวแล้วล่ะ

ในตอนนี้เอง ที่โจวเซินเดินเข้ามา “หลิงเหยาผ่าตัดเสร็จแล้วนะ”

“เธอเป็นยังไงบ้าง?” เวินจิ้งรีบเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

“รอให้การแข่งขันจบก่อน แล้วคุณค่อยไปเยี่ยมเธอก็แล้วกัน” โจวเซินไม่ได้พูดอะไรต่อ

แต่เมื่อเวินจิ้งได้ยินน้ำเสียงของเขา ก็พอจะเข้าใจได้

เด็กคงไม่อยู่แล้ว

ร่างกายของเธอสั่นขึ้นมานิดหน่อย ใบหน้าก็เริ่มซีดขาว

แต่ถ้านี่คือสิ่งที่หลิงเหยาเลือกแล้ว เธอก็จะเคารพการตัดสินใจของเพื่อน

ต่อมาการแข่งขันก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง เวินจิ้งปรับอารมณ์ให้ดี พยายามแสดงออกไปด้วยท่าทางที่ดีที่สุด

เพียงแต่ว่า ศักยภาพของทีมฝ่ายตรงข้ามก็แข็งแกร่งพอๆกัน การแข่งขันโต้วาทีจึงยืดเยื้ออยู่ได้ไม่นาน สุดท้ายก็เป็นโจวเซินที่โต้ความคิดเห็นข้อสุดท้ายกลับไปจนได้รับชัยชนะมา

เวินจิ้งค่อนข้างจะประหลาดใจ ตอนแรกเหมือนทีมของฝ่ายตรงข้ามจะกุมชัยชนะเอาไว้ในมือแล้วซะอีก แต่โจวเซินกลับพลิกเปลี่ยนสถานการณ์ได้ ชัยชนะในการแข่งขันโต้วาทีจึงได้มาอย่างกะทันหันเช่นนี้

“รุ่นพี่โจว คุณเก่งสุดๆไปเลย!” เพื่อนนักศึกษาค่อยๆทยอยเข้ามายกนิ้วโป้งให้กับโจวเซิน

การแข่งขันในครั้งนี้ โจวเซินได้ทำความดีงามครั้งใหญ่เอาไว้

เวินจิ้งจึงกล่าวชื่นชมเขา แต่สำหรับโจวเซินแล้ว ท่าทีของเธอก็ยังคงดูไม่แยแสเขาเหมือนเดิม หลังจากรับรางวัลเสร็จ เธอก็รีบตรงไปที่โรงพยาบาลอย่างอดรนทนรอไม่ไหว

ตอนที่กำลังเดินอยู่บนถนนเธอก็โทรหามู่วี่สิง คิดไม่ถึงว่าเขาจะขับรถมาด้วย

เมื่อเวินจิ้งนั่งประจำบนเบาะข้างคนขับ ก็พูดขึ้นว่า “หลิงเหยาอยู่ที่โรงพยาบาล พวกเรารีบไปกันเถอะ”

“อืม” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว

“เธอคงไม่เป็นอันตรายอะไรแล้วใช่ไหม?” เวินจิ้งถามกระวนกระวาย

มู่วี่สิงเพิ่งจะได้รู้เรื่องนี้ เพราะมู่ซือซือเป็นคนบอกเขาให้เขาเตรียมหมอไว้ให้

แต่โจวเซินส่งหมอไปก่อนหน้านั้นแล้ว

“ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่หลังจากผ่าตัดทำแท้ง คงต้องใช้เวลาฟื้นตัวอย่างน้อยครึ่งเดือน”

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล มู่วี่สิงก็พาเวินจิ้งไปยังห้องพักผู้ป่วย แต่เขาเลือกยืนรออยู่หน้าประตู

มู่ซือซือก็มาถึงที่นี่แล้ว กำลังนั่งเฝ้าหลิงเหยาอยู่ ด้านหลิงเหยาก็ไม่พูดอะไรสักคำตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้

เวินจิ้งเดินเข้าไปใกล้ๆ เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของหลิงเหยา ก็รู้สึกสงสารขึ้นมา

“พวกแกกลับไปเถอะ ไม่ต้องมาปลอบใจฉันหรอก ฉันไม่เป็นอะไร” หลิงเหยายิ้มออกมาอย่างฝืนๆ

“เหยาเหยา ทำไมแกต้องทำแบบนี้…….” มู่ซือซือร้องไห้ จนตาแดงไปหมดแล้ว

เมื่อได้ยินแบบนั้น หลิงเหยาก็หลุบตาลง หางตาเหลือบมองไปทางมู่วี่สิงที่อยู่ข้างนอกโดยอัตโนมัติ

“ฉันยังเรียนอยู่ แล้วจะมีลูกได้ยังไง”

“แต่ว่า…ถ้าท้องก็ยังสามารถเรียนต่อได้นะ”

“ฉันต้องอยู่ที่โรงพยาบาลประจำ ตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงฝึกงาน มีลูกคงไม่สะดวกเท่าไหร่ พวกแกวางใจเถอะ ฉันรู้ตัวว่ากำลังทำอะไร”

ตอนนี้ดึกมากแล้ว มู่ซือซือกับเวินจิ้งจึงไม่ได้อยู่ค้างนาน เจียงฉีไม่ได้มาหาเพราะกำลังโกรธ แต่มู่ซือซือก็โทรไปหาเขา

เรื่องที่หลิงเหยาท้องจนถึงแท้ง เจียงฉีถูกเธอปิดบังเอาไว้ทั้งหมด แบบนี้แล้วเขาจะโกรธไม่ได้เลยเหหรอ?

แต่สุดท้ายก็ใจอ่อน เขาไม่ได้ไปไหนเลย แค่นั่งรออยู่ชั้นหนึ่งของโรงพยาบาล

จนกระทั่งถึงช่วงฟ้าใกล้สาง เจียงฉีถึงได้ขึ้นไป

หลิงเหยาไม่ได้นอน นัยน์ตาไร้ชีวิตชีวามองออกไปนอกหน้าต่าง ขนาดเจียงฉีเข้ามาในห้องแล้วก็ยังไม่รู้ตัว

“เหยาเหยา” เมื่อเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาที่ข้างหู

หลิงเหยาถึงได้ค่อยๆหันกลับมา

ใบหน้าของเธอไม่มีความรู้สึกใดๆ ไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่เวลาเธอได้เจอเจียงฉีเธอมักจะเผยรอยยิ้มสดใสออกมา

“คุณไม่ต้องการลูกของเราขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสียงของเจียงฉีสั่นๆเหมือนจะร้องไห้

เด็กคนนั้น ไม่ได้ผิดอะไรเลย

“ใช่” หลิงเหยาพูดออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว

เจียงฉีเบิกตากว้าง ใบหน้าปกคลุมไปด้วยความหม่นหมอง

เขากำหมัดแน่น แล้วเดินเข้าไปใกล้ทีละก้าว ในดวงตาแดงฉานไปหมด

แต่หลิงเหยากลับทำเหมือนไม่เห็น ถึงขนาดที่เขาเข้ามาใกล้ ก็ยังทำแค่ผลักเขาออก

“เจียงฉี เราเลิกกันเถอะ” ประโยคนี้ถูกพูดออกมาจากปากของเธอ อย่างเรียบนิ่ง

“คุณว่าอะไรนะ?”

“ฉันพูดว่า เราเลิกกันเถอะ” น้ำเสียงและท่าทางของหลิงเหยาดูเย็นชาถึงขั้นสุด

เจียงฉีเนื้อตัวสั่น แทบจะสะเทือนไปทั้งตัว

“ผมไม่ยอม!” เจียงฉีตะคอกออกมา กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดผุดขึ้นมา

หลิงเหยานอนหันหลังให้ ไม่สนใจชายหนุ่มที่หัวใจกำลังแตกสลายอยู่ข้างหลัง

เมื่อหลับตาลง หยดน้ำตาก็ค่อยๆกลิ้งลงมาจากหางตาของเธอช้าๆ

ผ่านไปพักใหญ่ เสียงฝีเท้าของคนเบื้องหลังก็ค่อยๆไกลออกไป หลิงเหยาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็คลำหาโทรศัพท์แล้วต่อสายหาพี่ชาย

“พี่คะ ฉันจำเรื่องในอดีตได้แล้ว พี่อย่าโกหกฉันอีกเลย”

……

เวินจิ้งไม่สบายใจเรื่องของหลิงเหยาเลยสักนิด เมื่อเข้ามานั่งในรถก็เอาแต่บอกไม่ให้มู่วี่สิงออกรถไปไหน

จนกระทั่งเห็นเจียงฉีเดินออกมาอย่างหมดกำลังใจ เธอถึงได้เปิดประตูรถลงไป

“เจียงฉี หลิงเหยาเป็นยังไงบ้าง?”

“ผมไม่รู้ เราเลิกกันแล้ว”

“เลิกเหรอ?” เวินจิ้งนิ่งอึ้ง ช่วงที่ผ่านมาหลิงเหยากับเจียงฉีก็ดูรักกันดีมาตลอด แต่ตอนนี้ต้องมาเลิกกันเพราะเรื่องลูกงั้นเหรอ?

“คุณเป็นคนบอกเลิกหรือเปล่า?” สีหน้าของเวินจิ้งขุ่นมัวลง

“เปล่า เหยาเหยาเป็นคนบอกเอง เธอ….เธออยากเลิกกับผม!” พูดจบ เจียงฉีก็เกินจากไปอย่างเยือกเย็น

เมื่อเวินจิ้งกลับเข้ามาในรถ เสียงของมู่วี่สิงที่อยู่ข้างๆก็ดังขึ้นมา “พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่แล้วกัน พวกเรากลับบ้านกันก่อนเถอะ”

“รบกวนคุณแย่” เวินจิ้งถอนหายใจออกมา

พรุ่งนี้มีเรียน แต่เธอก็ลาไว้แล้วล่ะ ตอนเช้ามาเยี่ยมหลิงเหยาแล้วค่อยกลับไปเรียนก็แล้วกัน

“คุณไม่ต้องกังวลเรื่องของหลิงเหยาขนาดนั้นก็ได้ เข้าใจไหม?” มู่วี่สิงพูดเสียงเข้ม

“เธอเป็นเพื่อนฉันนะ ฉันจะไม่กังวลเรื่องของเธอได้ยังไงกัน!” เวินจิ้งพึมพำเสียงเบา

“หลายเรื่อง ก็เป็นเธอที่หาเรื่องใส่ตัวเองทั้งนั้น” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว

“มู่วี่สิง คุณหมายความว่ายังไง?” เวินจิ้งมองเขางุนงง

แต่มู่วี่สิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่เวินจิ้งกลับรู้สึกว่าท่าทีของมู่วี่สิงดูแปลกๆไป

แต่เมื่อความง่วงเข้ามาจู่โจม สมองของเธอเริ่มจะไม่รับรู้อะไรแล้ว คิดอะไรไม่ออกแล้วเหมือนกัน

วันรุ่งขึ้น มู่วี่สิงมาส่งเธอที่โรงพยาบาล “คุณกลับไปที่โรงพยาบาลเถอะ เดี๋ยวอีกสักหน่อยฉันกลับไปมหาลัยเอง”

เวินจิ้งไม่อยากให้มันกระทบกับงานของมู่วี่สิง

“ผมจะรอคุณ”

เวินจิ้งรู้ว่าคงแย้งเขาไม่ได้ จึงรีบไปที่ห้องพักผู้ป่วย

ในตอนนี้เอง ที่โทรศัพท์ของมู่วี่สิงส่งเสียงขึ้นมา เมื่อเห็นเป็นสายจากหลิงอี้ เขาจึงมุ่นคิ้วน้อยๆ

“มู่วี่สิง อยู่ให้ห่างจากน้องสาวผมนะ!”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท