บทที่ 545 ทำอะไรไม่ถูกเลย บอบบางเหลือเกิน
ในขณะที่กินอาหารเย็นที่โรงอาหาร เวินจิ้งได้รับสายตากศาสตราจารย์ส้ง
โครงการวิจัยและพัฒนายาใหม่ที่พัฒนาร่วมกันโดย มหาวิทยาลัยFและบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปได้กลับมาร่วมมือกันเหมือนเดิมแล้ว แต่ว่าตอนนี้ ผู้รับผิดชอบหลักได้ถูกโอนย้ายจากบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปมาเป็นมหาวิทยาลัยF และคนที่รับผิดชอบนั้นได้ถูกกำหนดให้เป็นโจวเซินแล้ว
“เวินจิ้ง เธอก็ร่วมอยู่ในโครงการนี้แต่แรกแล้ว งั้นฉันจะไม่หานักศึกษาคนอื่นอีก เธอก็ติดตามโจวเซินเหมือนเดิม โอเคไหม?”
ทันทีที่ส้งเชนพูดสิ่งนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าเธอได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว และเวินจิ้งก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธได้
“แล้วแต่ศาสตราจารย์เลยค่ะ”
ส้งเชนไม่รู้ถึงความอคติของความสัมพันธ์ระหว่างเวินจิ้งกับโจวเซิน เพราะโจวเซินเป็นนักศึกษาที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด และส่วนเวินจิ้งก็เป็นนักศึกษาที่มีผลการเรียนโดดเด่นคนหนึ่ง เธอจึงคิดว่าถ้าทั้งสองหากได้ร่วมมือกันมันจะดีที่สุด
เวินจิ้งรู้สึกหงุดหงิด เมื่อคิดถึงว่าต้องทำงานกับโจวเซิน มันจะทำให้มู่วี่สิงรู้สึกหึงหวงเธอรึเปล่านะ?
พรุ่งนี้เช้าไม่มีคาบเรียน เวินจิ้งวางแผนจะกลับไปที่การ์เด้นมูเจียวาน และตั้งใจไปบอกเรื่องนี้กับมู่วี่สิง
แต่เมื่อไปถึงการ์เด้นมูเจียวาน เธอได้รับโทรศัพท์จากมู่วี่สิงว่าคืนนี้เขาต้องผ่าตัดให้ผู้ป่วยในโรงพยาบาล
เวินจิ้งเพียงอยู่นี่อย่างคนเดียว แล้วค่อยกลับมหาลัยวันพรุ่งนี้
ในขณะนั้น ที่โรงพยาบาลกลาง
รถฉุกเฉินส่งผู้ป่วยหญิงอายุประมาณห้าสิบต้น ๆ เข้ามา เบื้องต้นตรวจพบว่าเธอเป็นโรคสมองอักเสบ และเป็นเวรของมู่วี่สิงพอดี เขาจึงต้องรับเคสนี้ไป
แต่เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ป่วยหญิงคนนั้น ถึงรู้ว่าเธอคือคุณนายหลิง
หลิงเหยามากับเธอด้วยสีหน้าที่ซีดจางมาก
“วี่สิง คุณต้องช่วยแม่ฉันนะ……แกชักและอาเจียนออกมามาก……” หลิงเหยากังวลจนพูดจาไม่รู้เรื่องแล้ว
“อื้ม ไม่ต้องกังวล” มู่วี่สิงพูดอย่างรัดกุม แล้วเข้าไปในห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว
หลิงเหยานั่งรออยู่ตรงหน้าทางเดิน เธอบอกเรื่องนี้กับพี่ชายแล้ว แต่เขาอยู่ประเทศC อย่างน้อยต้องใช้เวลาเดินทางหนึ่งวัน
จนกระทั่งตกดึก คุณนายหลิงถึงถูกย้ายออกมาอยู่ห้องผู้ป่วยทั่วไป
หลิงเหยาร้องไห้จนตาบวมไปหมด เธอตามหลังมู่วี่สิงและคอยฟังคำแนะนำจากเขา ในสายตาค่อย ๆ เหลือเพียงใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา
“คุณแม่จะตื่นมาเมื่อไหร่คะ”
“ประมาณสามชั่วโมงนะ”
“คืนนี้คุณจะอยู่ที่นี่ใช่ไหม?” หลิงเหยามองเขาด้วยความคาดหวัง
เธอทำอะไรไม่ถูกและรู้สึกบอบบางมาก
แต่ว่าสายตาของมู่วี่สิงยังคงเฉยเมยและเย็นชา
“เดี๋ยวจะมีหมอเวรอยู่”
“แต่ว่า……นอกจากคุณแล้ว หนูไม่ไว้ใจคุณหมอคนอื่น” หลิงเหยาดึงแขนเสื้อของมู่วี่สิงไว้
มู่วี่สิงสีหน้าเคร่งขรึม เขามองดูรายงานประวัติผู้ป่วยของคุณนายหลิง แล้วเงียบไปสักพัก
“ผมจะอยู่” ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
คุณนายหลิงเป็นคนมีบุญคุณต่อเขา ดังนั้นเขารู้สึกไว้ใจมากกว่าถ้าได้ดูอาการเอง
“วี่สิง ขอบคุณมากนะ!” หลิงเหยายิ้มด้วยน้ำตา
สีหน้าของมู่วี่สิงยังคงเฉยเมย เขากลับไปในออฟฟิศแล้ววิจัยอาการของคุณนายหลิงต่อ
เช้าวันรุ่งขึ้น คุณนายหลิงถึงค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา และเวลานั้น หลิงอี้ก็มาถึงแล้ว
ช่วงนี้สถานการณ์ของบริษัทหลิงซื่อไม่ค่อยดีมากนัก เขาจึงอยู่นานไม่ได้ กลับมาดูอาการคุณนายหลิงสักพักก็ต้องกลับประเทศ C แล้ว
เขาเข้ามาในออฟฟิศมู่วี่สิง “คุณหมอมู่ครับ อาการของคุณแม่ผมร้ายแรงมากไหม?”
“ใช่ครับ อาการสมองอักเสบนั้นร้ายแรงเหมือนกัน ตอนนี้มีการติดเชื้อขั้นรุนแรง จึงเป็นเรื่องรักษายากมาก” เรื่องนี้มู่วี่สิงไม่ได้บอกกับหลิงเหลา กลัวเธอจะรับไม่ได้
“คุณรักษาหายได้ใช่ไหม?”
“ผมมีประสบการณ์ในด้านนี้ แต่จะรักษาให้หายได้หรือไม่ ต้องดูสภาพร่างกายของผู้ป่วยด้วยเหมือนกัน”
“ฝากคุณด้วยนะครับ เรื่องนี้ อย่างบอกให้หลิงเหลาฟังนะครับ”
“ครับ เธอไม่รู้หรอก”
เมื่อเดินออกจากออฟฟิศ หลิงอี้รู้สึกหนักใจมาก ถึงแม้ความสัมพันธ์ของเขากับแม่ไม่ค่อยดีมากนัก เพราะเขาเติบโตมากับครอบครัวหลินตั้งแต่เด็ก และเพิ่งย้ายมาอยู่กับแม่ตอนโต
แต่ว่า เขาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์นี้มาก
เขาไม่อยากให้แม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้
“พี่ พี่จะกลับไปจริง ๆ เหรอ?” หลิงเหยาวิ่งออกมา
“ใช่ มีเรื่องอะไรรีบโทรหาพี่นะ เข้าใจไหม?” หลิงอี้พยายามปลอบใจเธอ
หลิงเหยาได้แต่พยักหน้า แล้วพิงอยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายสักพักก็จำต้องปล่อยมือเขา
เธอรู้สึกกลัวมาก
พี่ชายเธอเป็นที่พึ่งสำหรับเธอมาตลอด สำหรับหลิงอี้ก็คือเสาหลักในบ้าน
“พี่เสร็จธุระแล้วจะรีบกลับมานะ”
“โอเคค่ะ” จนกว่าพี่ชายจะเดินจากไป หลิงเหลาถึงจะกลับไปที่ห้องผู้ป่วย
“แม่ หนูอยู่ต่อที่หนานเฉิงดีไหม?” หลิงเหยาถามเบา ๆ
เธอไม่อยากจากเมืองนี้ไปเลยจริง ๆ ……
“เหยา ๆ ……” คุณนายหลิงรู้สึกไม่สบายใจมาก
“เอาเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว” หลิงเหยาหันหลังให้เธอ
เธอรู้สึกแย่มาก จนกระทั่งเห็นหน้ามู่วี่สิง เธอถึงยิ้มอีกครั้ง
“ผมจะเลิกงานแล้วนะ วันนี้มีคุณหมอหลายคน ถ้าคุณมีอะไรก็ถามพวกเขานะ หรือไม่ก็โทรหาผมโดยตรงได้” มู่วี่สิงพูดอย่างเคร่งขรึม
“ทราบแล้วค่ะ คุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ รบกวนคุณแล้วจริง ๆ” หลิงเหลาหยิบข้าวกล่องให้เขา
“นี่คือคนใช้ที่บ้านทำมาให้ คุณเอากลับไปทานได้ไหม?”
“ไม่เป็นไร คุณรีบกินเถอะ” มู่วี่สิงปฏิเสธ
เมื่อพูดจบ ร่างสูงยาวก็หายไปจากสายตาของหลิงเหยาอย่างรวดเร็ว
มู่วี่สิงไม่ได้กลับการ์เด้นมูเจียวาน แต่ตรงไปที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
ส้งวี่ยื่นเอกสารให้เขาฉบับหนึ่ง “โครงการวิจัยและพัฒนากับ มหาวิทยาลัยFกลับมาดำเนินการตามปกติแล้วนะครับ ทางเขาเสนอโจวเซินให้เป็นผู้รับผิดชอบหลัก”
เมื่อได้ยิน มู่วี่สิงรู้สึกตกใจ
เดิมทีเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องบอกมู่วี่สิง แต่เมื่อพูดถึงโจวเซิน เหมือนมู่วี่สิงถูกมองข้ามไป
“โจวเซิน” เขายิ้มอย่างเย็นชา
“ให้มันทำไป”
“หากมีข้อขัดข้องใด ๆ บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปสามารถเสนอขึ้นมาได้ครับ”
“ไม่จำเป็นหรอก”
หลักจากที่มู่วี่สิงเดินออกจากออฟฟิศ ส้งวี่นั่งลงที่โซฟาแล้วเหงื่อท่วมตัว
เขาโทรหาโจวเซิน “ทำตามที่คุณสั่งแล้ว ให้ผมเจอซือซือได้แล้วยัง?”
“ได้” โจวเซินรีบหันไปมองกล้อง
มู่ซือซือพักอยู่ในอพาร์ทเม้นต์ที่มีอาหารรสเลิศมากมายอยู่ตรงหน้า แต่เธอไม่ได้ขยับแม้แต่นิด
จนกระทั่งได้เห็นหน้าส้งวี่ในหน้าจอ
“ส้งวี่……” มู่ซือซือยังคงกระสับกระส่าย
เธอถูกขังอยู่ที่นี่เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว และไม่สามารถติดต่อโลกภายนอกได้ จนทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมาก
“ซือซือ เดี๋ยวก็ได้ออกมาแล้วนะ เชื่อผม” ส้งวี่พูดอย่างจริงจัง
มู่ซือซือรู้สึกอยากร้องไห้ เมื่อเห็นบอดี้การ์ดยืนอยู่มากมาย เธอรู้ตัวว่าตัวเองถูกกักขังตัวไว้
ดูจากสถานการณ์แล้ว คนที่ถูกบีบบังคับคือตัวของส้งวี่
“คุณไม่ต้องกังวลหรอกนะ พวกเขาไม่กล้าทำร้ายฉันหรอก” มู่ซือซือกระซิบพูด
ส้งวี่บีบกำปั้นไว้แน่น ๆ ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดใจ
เมื่อวางสายวิดีโอคอลลง สายถูกตัดไปที่การสนทนาเดิม “โจวเซิน ต้องทำอย่างไรนายถึงยอมปล่อยคน!”
“รอฟังข่าวจากผม”
เมื่อเสียงนี้พูดจบ สายของโจวเซินก็ถูกตัดไป
ส้งวี่ฟาดโทรศัพท์ทิ้งและกำผมตัวเองไว้ด้วยความโมโห จนทำให้ผู้ช่วยที่กำลังจะเข้ามารายงานความคืบหน้าต้องรู้สึกตกใจและทำตัวไม่ถูก
ด้านนอกอาคาร มู่วี่สิงเพิ่งเข้าไปในรถ เกาเชียนหันมารายงาน “ท่านประธานมู่ครับ มีข่าวคืบหน้าของคุณหญิงซือซือแล้วนะครับ”