Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 554

ตอนที่ 554

บทที่ 554 ยอมอย่างง่ายดาย

ในเช้าตรู่ แสงแดดยามเช้าได้สาดส่องลอดเข้ามาจากหน้าต่าง เวินจิ้งลืมตาขึ้น ใบหน้าอันหล่อเหลาของมู่วี่สิงได้วิ่งแล่นเข้ามาในม่านตาเธอ

เวินจิ้งยกมือขึ้นลูบไล้ที่แก้มของเขาลงมาที่หนวดเครา เส้นหนวดเครากระทบฝ่ามือ รู้สึกคันยิกๆ แต่ก็รู้สึกดี

เธอเริ่มติดใจการเล่นแบบนี้ มือนั้นจึงลูบไล้ไปมา

เมื่อเงยขึ้น ถึงกับผงะทันที เพราะมู่วี่สิงกำลังจ้องมองมาที่เธอ

เขา…..ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร

แก้มเวินจิ้งค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง แล้วรีบหดมือลงในทันใด

แต่มู่วี่สิงที่ไวกว่าได้คว้าข้อมือของเธอมาจับไว้ แล้วพลิกตัวขึ้น เวินจิ้งก็ถูกกดทับไว้ด้านล่าง

ลมหายใจที่เย้ายวนมีเสน่ห์ค่อยๆเริ่มปกคลุม

เวินจิ้งกะพริบตา สัมผัสได้ชัดเจนถึงอุณหภูมิที่ร้อนผ่าวบนเรือนร่างของมู่วี่สิง

“มู่วี่สิง ฉันเหนื่อยจังเลย” เวินจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาๆและนุ่มนวล

ในเวลานี้ เธอรู้ดีว่ามู่วี่สิงต้องการอยากทำอะไร

สายตาของชายผู้นี้ได้จับจ้องมองเวินจิ้ง ลูกกระเดือกกระดกไปมา

เขาพลิกตัวแล้วทอดกายลงนอน คว้าเวินจิ้งมากอดไว้ในอ้อมแขน แล้วจูบลงเบาๆที่หน้าผากเธอ

“จิ้งจิ้ง”

“วันนี้คุณไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรือ” เวินจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ไปหลังตอนเที่ยง ตอนเช้าอยากอยู่เป็นเพื่อนคุณก่อน”

“เดี๋ยวฉันจะต้องไปมหาวิทยาลัย” เวินจิ้งมองไปที่เขา

จากนั้นเธอหยิบโทรศัพท์ นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาแล้ว

มู่วี่สิงที่นัยน์ตารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ได้จับฝ่ามือเธอแล้วสอดประสานนิ้วมือทั้งสิบเข้าด้วยกัน ชิดร่างกายที่สูงยาวเข้าหาเธอ “พักนี้อยู่กับโจวเซินบ่อยหรือ”

เวินจิ้งเม้มปาก ไม่มีการพูดใดๆอยู่ชั่วขณะ

ช่วงนี้เธอต้องทำงานวิจัยร่วมกับโจวเซิน จึงทำให้เจอกันบ่อยจริงๆ แต่แน่นอนก็ยังมีเพื่อนนักเรียนคนอื่นด้วย

“คงประมาณนั้น” น้ำเสียงเวินจิ้งแผ่วเบา

คางของเธอถูกบีบในวินาทีต่อมา เธอจึงต้องสบตากับมู่วี่สิงจังๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ผมหึง” อารมณ์ขี้น้อยใจของเขาตอนนี้ไม่ต่างไปจากเด็กน้อย

เวินจิ้งอดที่จะขำไม่ได้ จึงได้หัวเราะออกมาพร้อมกับยื่นมือไปแตะที่หน้าอันหล่อเหลาของมู่วี่สิง “แล้วทำไมคุณถึงต้องการปล่อยงานวิจัยไปละ”

“อืม ไม่ได้ต้องการ” มู่วี่สิงหรี่ตา

เวินจิ้งมองดูชายที่อยู่ตรงหน้า เวลาที่อยู่ด้วยกันมากับมู่วี่สิงก็นานพอสมควร แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่มีนิสัยที่จะยอมอะไรง่ายๆ คิดๆแล้วงานวิจัยชิ้นนี้ มู่วี่สิงคงได้วางแผนไว้นานแล้ว

“ตอนนี้ความรับผิดชอบตกเป็นของโจวเซิน ฉันจึงเจอเขาทุกวัน” เวินจิ้งพูดเบาๆ

นี่ก็ไม่ใช่ความต้องการของเธอ จึงทำได้เพียงแค่รักษาระยะห่างจากโจวเซินไว้

“ถ้ามีปัญหาอะไรบอกให้ผมทราบทันทีรู้ไหม”

“รู้แล้วค่ะ” เวินจิ้งยิ้มพร้อมมองดูชายรูปหล่อที่อยู่ตรงหน้า ก้มศีรษะลงแล้วค่อยๆจูบอย่างนิ่มนวล

เป็นอะไรที่วิเศษเมื่อมีมู่วี่สิงอยู่ข้างๆ

เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ มู่วี่สิงได้ส่งเธอมาที่มหาวิทยาลัย เมื่อลงจากรถเห็นโจวเซินที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้

โจวเซินที่รูปร่างสูงใหญ่เดินผ่านหน้ารถ หันศีรษะมา สบเข้ากับสายตาที่เย็นเยียบของมู่วี่สิง

เขาชะงักการเดิน แล้วเผยอริมฝีปากโค้งขึ้นเพื่อท้าทาย

มู่วี่สิงที่จับพวงมาลัยอยู่ นิ้วมือที่กำไว้อย่างแน่น

จนกระทั่งโจวเซินได้ข้ามทางม้าลายไป เขาเหยียบคันเร่ง รถก็ได้พุ่งออกอย่างรวดเร็ว

“คืนดีกับมู่วี่สิงแล้วหรือ” โจวเซินที่ตามเวินจิ้งจนทัน

“พวกเราก็ไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อย” เวินจิ้งพูดเบาๆ

“จริงหรือ” อารมณ์บนใบหน้าโจวเซินดูหมองหม่น

เวินจิ้งเดินเข้าไปที่ห้องวิจัยก่อน ส่วนโจวเซินเดินไปที่ห้องสำนักงาน พอได้ยินคำรายงานจากลูกน้อง สีหน้าของเขาเริ่มปกคลุมด้วยความดุดัน

“คนอยู่ที่ไหน”

“บ้านใหญ่ตระกูลมู่”

“ไอ้พวกไร้ประโยชน์!” โจวเซินชายตามองอย่างเยือกเย็น ยกเท้าขึ้นเตะลูกน้องที่นั่งคุกเข่าอยู่อย่างแรง

หลังจากนั้นเขาโทรศัพท์หาส้งวี่

“ประธานโจว”

“รายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเป็นของปลอม ส้งวี่คุณช่างเจ้าเล่ห์นักนะ” น้ำเสียงโจวเซินเย็นเยียบราวกับอยู่ในฤดูหนาว

ได้ยินดังนั้น ส้งวี่ยิ้มเยาะ “ผมจะไปเจ้าเล่ห์สู้ประธานโจวได้อย่างไร”

“ดูเหมือนว่าเมื่อได้คนอยู่ไปอยู่มือแล้ว ก็ไม่อยากจะคบค้าสมาคมกับผมแล้วนะ”

“โจวเซิน คุณก็น่าจะรู้ แต่ไหนแต่ไรมาผมเป็นคนตระกูลมู่ เรื่องที่คุณให้ผมทำ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าซือซืออยู่ในกำมือคุณ ผมไม่มีทางที่จะให้ความร่วมมือเด็ดขาด”

“มันสายไปแล้ว ที่คุณขโมยข้อมูลบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ผมได้โทรแจ้งตำรวจแล้ว คุณไม่มีทางหนีความผิดนี้ไปได้

“ถ้าอย่างนั้นผมก็จะรอประธานโจวแจ้งความจับผม แต่ว่าความผิดนี้ คุณคงต้องรับผิดชอบกับผมด้วยแล้วละ เพราะผมมีหลักฐานทั้งหมดอยู่ในมือ”

เมื่อสิ้นประโยค ส้งวี่ก็วางโทรศัพท์ลงทันที

ไม่ไกลออกไป มู่วี่สิงที่นั่งอยู่บนโซฟา นัยน์ตาที่ลุ่มลึก

“วี่สิง” ส้งวี่เดินเข้ามาหา

“คุณช่วยซือซือออกมา ทำไมถึงต้องปิดบังผมด้วย ผมทำงานให้กับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปด้วยใจที่ซื่อสัตย์สุจริต” น้ำเสียงส้งวี่โกรธเล็กน้อย

เขาคิดว่า มู่วี่สิงสงสัยที่เขาสมรู้ร่วมคิดกับโจวเซินชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เฉยเมย “ส้งวี่ นายคิดมากไปแล้ว ผมอยากให้คุณทำให้โจวเซินเข้าใจผิด ตอนนี้เขารับช่วงการวิจัยของยาห่ายหยางนี่คือผลลัพธ์ที่ผมต้องการต่างหาก

โจวเซินสามารถเป็นผู้รับผิดชอบการวิจัยของยาห่ายหยางแทนที่มู่วี่สิงได้อย่างง่ายดายนั้น ส้งวี่มีส่วนให้การช่วยเหลือไม่น้อยจริงๆ แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นความตั้งใจของมู่วี่สิงที่ยอมปล่อยมือไปอย่างง่ายดาย

ส้งวี่มองไปมู่วี่สิงด้วยความตะลึง

“เรื่องนี้ผมไม่โทษคุณ เพื่อความปลอดภัยของซือซือแล้ว คุณถึงต้องทำแบบนั้น แต่ว่าตอนนี้โจวเซินคงหมดความอดทนแล้ว ยิ่งเขากระวนกระวายก็ยิ่งสับสนง่ายขึ้น” มู่วี่สิงพูดอย่างเย็นชา

ถือแก้วไวน์ที่อยู่ตรงหน้าขึ้น เขาเขย่ามันแล้วจิบเบาๆ รอยยิ้มของเขาก็มีรอยของเหลวแดงๆติดที่ริมฝีปาก

ส้งวี่เม้มริมฝีปากที่บอบบาง ในเวลานี้ราวกับว่าเขาเห็นใบหน้าที่แท้จริงของมู่วี่สิง

ไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าผู้ใด ชายผู้นี้จะดูเป็นสุภาพบุรุษอ่อนโยน แต่วิธีการที่เขาใช้ช่างน่ากลัวและอันตรายพอสมควร

จนกระทั่งถึงช่วงค่ำ เวินจิ้งได้ทำงานที่อยู่ในมือเสร็จ แต่โจวเซินเพิ่งจะมาเอาในเวลานี้

“รุ่นพี่ นี่เป็นผลรายงานการวิจัยของวันนี้” เวินจิ้งนำรายงานของเพื่อนคนอื่นยื่นให้แก่เขา

“โจวเซินชำเลืองดูครู่เดียว และสายตาก็กลับจ้องมาที่ร่างของเวินจิ้ง

เธอไม่ชินที่ถูกเขาจ้องมองเช่นนี้

“ถ้าหากไม่มีอะไรแล้วขอตัวกลับหอพักก่อนนะคะ”

“ทานข้าวด้วยกันก่อนสิครับ” น้ำเสียงโจวเซินพูดเชิงออกคำสั่ง

“ฉันทานคนเดียวก็ได้ค่ะ” เวินจิ้งเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

“เวินจิ้ง คุณหลบผม” โจวเซินดักหน้าเธอ ความเยือกเย็นในดวงตาโจวเซินยิ่งมากขึ้นในค่ำคืนเช่นนี้

เวินจิ้งมองเขาอย่างหน่ายแหนง “ฉันไม่ได้หลบคุณ เพียงแต่ไม่อยากใกล้ชิดกับรุ่นพี่มากเกินไป”

คำปฏิเสธของเธอช่างตรงไปตรงมา

โจวเซินได้ค่อยๆกำหมัดขึ้น สีหน้าปรากฏความน่ากลัว เวินจิ้งจึงทำการถอยหลังออก

เขาเห็นความกลัวจากแววตาเธอ จึงทำให้เขาลดอารมณ์สีหน้าให้เบาลง

“เวินจิ้ง บอกผมมาว่าทำไมคุณถึงกลัวผม” โจวเซินเดินเข้ามาใกล้

แต่เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้หนึ่งก้าว เวินจิ้งกลับถอยหลังหนึ่งก้าว

“หากคุณไม่ตอบ ผมจะไม่ปล่อยคุณกลับ” โจวเซินขึงตาใส่

เวินจิ้งกัดริมฝีปากแล้วมองดูโจวเซินค่อยๆพูดขึ้น “โจวเซินคุณบังคับกันเกินไปแล้ว”

“จริงหรือ” โจวเซินขมวดคิ้ว เหมือนกำลังครุ่นคิดกับคำพูดที่เวินจิ้งพูดออกมา

“ระหว่างเรา สามารถรักษาระยะห่างได้ไหม” เวินจิ้งพูดด้วยเสียงโทนต่ำ

อยู่กับโจวเซินแล้วรู้สึกเครียดกดดัน

อีกทั้งเธอทราบดีที่โจวเซินกำลังตามจีบเธอ แต่ไม่สามารถตอบสนองได้ ก็ต้องหาทางหลบเป็นธรรมดา

แต่ผู้ชายคนนี้กลับไม่ยอมอะไรอย่างง่ายๆ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท