Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 571

ตอนที่ 571

บทที่ 571 ไม่ได้หึง

เช้าวันนั้นมู่วี่สิงไม่ได้ไปมหาลัย หลังจากที่เวินจิ้งโทรหาเขา แล้วก็ไปหาเจียงฉีแทน

เธอยังไม่ทันได้กินข้าวเช้า พอเจียงฉีรู้เข้า ก็ห่ออาหารให้ทันที

“เจียงฉี จริงๆแล้วฉันยังไม่หิว” เวินจิ้งรู้สึกขัดเขิน

เธอไม่อยากรบกวนเจียงฉี

“ไม่เป็นไร คุณกินก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกเราค่อยเริ่มกัน” เจียงฉีแสดงยิ้มอ่อนโยนออกมาบนใบหน้า

เขาหล่อมาก พอยิ้มขึ้นมาเลยมีทำพลังทำลายล้างสูง

แต่เพราะเธอได้เจอกับผู้ชายที่หล่อเหลาสมบูรณ์แบบอย่างมู่วี่สิงตลอดเวลา เลยดูเหมือนว่าเสน่ห์ของผู้ชายคนอื่นก็ไม่ได้ดึงดูดขนาดนั้น ในสายตาเธอ

เมื่อกินอาหารเที่ยงง่ายๆเสร็จ ทั้งคู่ก็เริ่มคุยกัน

ครั้งนี้งานที่ทั้งสองทำเสร็จด้วยกัน ไม่เพียงแต่เป็นการบ้านเท่านั้น ถ้าผ่านการอนุมัติจากศาสตราจารย์เฉิน งานนี้ก็สามารถเป็นหัวข้อวิจัยใหม่ได้ และยังสามารถตีพิมพ์ในวารสารวิชาการที่มีชื่อเสียงได้ด้วย

เจียงฉีก็คาดหวังเรื่องนี้อยู่ ดังนั้นจึงทุ่มเทและใส่ใจเวินจิ้งมาก

หัวข้อที่พวกเขากำลังทำคือการศึกษาปฏิกิริยาของเกลือแอมโนเนีย เจียงฉีมีความสามารถมากกว่าที่เวินจิ้งคาดเสียอีก ความรู้หลายๆจุดเขาก็สามารถอธิบายออกมาได้อย่างละเอียด

แต่เวินจิ้งอ่อนในด้านนี้ ทำให้ระหว่างที่เจียงฉีกล่าวออกมา เธอจึงต้องเสริมความรู้ไปด้วย

จนกระทั่งตกเย็น ทั้งคู่ถึงได้กำหนดทิศทางของหัวข้อ

“หิวหรือยัง” เจียงฉียิ้ม สายตาเต็มไปด้วยความสนิทสนม

เวินจิ้งลูบคอน้อยๆ เธอหิวจริงๆ

เวลาผ่านไปเร็วมาก

“ไปกัน ผมเลี้ยงมื้อดึก ผมว่างานนี้พวกเราทำกันมาเยอะแล้ว” เจียงฉีประเมินความคืบหน้า

“เหมือนว่าฉันจะเป็นตัวถ่วงแล้ว” เวินจิ้งรู้สึกอึดอัดใจ

“ที่ไหนกัน พวกเราก็เป็นกลุ่มเดียวกัน ยังไงก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว” เจียงฉีพูดให้กำลังใจ

ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเจียงฉีก็ดังขึ้นมา เวินจิ้งจึงหยุดเดิน และหันกลับไป

และทันทีที่หันกลับไป เธอก็เห็นเงาของคนคนหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า และกำลังจะโจมตีท้ายทอยของเธอ เวินจิ้งดึงสติกลับมาได้ แต่ก็ไม่สามารถต่อสู้ได้เลย

เจียงฉีที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่นั้นหันกลับมา และรีบวิ่งมาจับข้อมือของคนร้ายไว้ได้ทัน แต่เพราะตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว เวินจิ้งจึงเห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายไม่ชัด

คนร้ายหนีไปอย่างรวดเร็ว และเจียงฉีก็ไม่ได้ตามไป แต่เลือกที่จะเดินมาหาเธอและถาม “ไม่เป็นไรใช่มั้ย”

เวินจิ้งส่ายหน้าด้วยใบหน้าซีดเผือด

แต่คนเมื่อกี้เป็นคนประเภทไหนกัน

เธอยังคงกลัวอยู่ไม่น้อย

“อยากแจ้งความมั้ย”

เวินจิ้งพยักหน้า จากนั้นก็มีเสียงของเจียงฉีตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “แถวนี้กล้องวงจรปิดเสีย แสดงว่าอีกฝ่ายคงจะเตรียมการมาดี”

“คุณเลือดไหล!” เธอพูดออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นก็รีบหยิบทิชชู่จากกระเป๋าออกมาอย่างรวดเร็ว

เพราะเป็นนักเรียนแพทย์ อุปกรณ์ทางการแพทย์เธอจึงพกติดตัวไว้เสมอ

“ไม่เป็นไร” เจียงฉียิ้มออกมาบางๆ

แต่เพราะรอยแผลลึกไม่น้อย ทำให้สีหน้าเขาดูไม่ค่อยดีเหมือนกัน

“พวกเราไปโรงพยาบาลกันเถอะ” เวินจิ้งพันแผลเบื้องต้นให้เจียงฉีแล้ว แต่ก็ยังต้องจัดการอีกอยู่ดี

“เวินจิ้ง คงต้องรบกวนคุณแล้ว” เจียงฉีลูบหัวตัวเอง ด้วยความลำบากใจ

“พูดอะไรแบบนั้น คุณมาช่วยปกป้องฉันจากคนคนนั้น ฉันสิที่รบกวนคุณ ขอโทษด้วยนะคะ” เวินจิ้งพูด

ถ้าให้พูดกันจริงๆ เจียงฉีเจ็บตัวก็เพราะเธอ

เจียงฉีมองเธอ พร้อมทั้งมีความรู้สึกแปลกๆผ่านเข้ามาในสายตาของเขา

เมื่อถึงโรงพยาบาล เวินจิ้งก็รออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เพราะเวลานี้มีแต่แผนกฉุกเฉินเท่านั้นที่เปิดบริการ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกครั้ง เป็นเธอเองที่ไม่ได้ยินเสียง ทั้งๆที่มู่วี่สิงก็โทรหาเธอแล้วหลายสาย

เธอจึงรีบรับโทรศัพท์ในทันที

“จิ้งจิ้ง ยังไม่กลับหอหรอ” น้ำเสียงของมู่วี่สิงค่อนข้างเย็นชา

“เจียงฉีได้รับบาดเจ็บ ฉันมาโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเขา”

“ดึกขนาดนี้แล้ว เดี๋ยวผมจะไปรับคุณกลับมา” น้ำเสียงของมู่วี่สิงหนักแน่น

เวินจิ้งขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรไป

“โอเค”

เมื่อดูเวลา ก็พบว่ามันเกือบเที่ยงคืนแล้ว

ไม่นานประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก แต่คนที่เดินออกมากลับไม่ใช่เจียงฉี แต่เป็นคุณหมอที่เดินออกมาพร้อมสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก “แผลของคนไข้ติดเชื้อ ต้องอยู่รอดูอาการหนึ่งคืนครับ”

“แผลของเขาติดเชื้อร้ายแรงมั้ยคะ”

“ครับ ผมสงสัยไว้แผลของเขาได้รับยาพิษอื่นๆด้วย”

เวินจิ้งขมวดคิ้ว พอคิดไปถึงชายคนร้ายคนนั้น สีหน้าของเธอก็ยิ่งเคร่งขึ้น

เมื่อมาถึงห้องผู้ป่วย เวินจิ้งก็เดินเข้าไป พร้อมทั้งเทน้ำอุ่นให้กับเจียงฉี

“ขอโทษนะ” เธอพูดออกมาอย่างรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไร ผมโอเคจะตาย”พูดจบ เจียงฉีก็เบ่งกล้ามโชว์ตามไปด้วย

แต่แค่แป๊บเดียวเขาก็หมดแรงจนหลับไป

เวินจิ้งจับแขนของเขา และเมื่อเห็นรอยแผลที่เริ่มดำขึ้นมา สายตาเธอก็ยิ่งร้อนแรงขึ้น

“เวินจิ้ง…”

ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก และตอนที่มู่วี่สิงเดินเข้ามาก็ทันได้เห็นตอนเวินจิ้งจับแขนของเจียงฉีพอดี

ดวงตาเธอมีน้ำตาคลออยู่

ชายหนุ่มเม้มริมฝีปาก จากสีหน้าที่อบอุ่นก็กลายเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที

“มู่วี่สิง” เวินจิ้งปล่อยมือจากเจียงฉี พร้อมวิ่งมาอย่างรวดเร็ว

แต่ในตอนที่เวินจิ้งกำลังจะจับมือใหญ่ของเขานั้น เขาก็หลบหลีกไป

และในวินาทีต่อมา เขามาจับมือเล็กพร้อมจูงเดินออกไปด้วยกัน

“มู่วี่สิง…ฉัน…ฉันยังไม่กลับ” กว่าเธอจะรู้ตัว ก็ถูกมู่วี่สิงลากให้เดินออกมาจากห้องผู้ป่วยแล้ว

แผ่นหลังของเขาเย็นชา ไม่ได้คิดจะหยุดเพราะคำพูดของเวินจิ้งเลยสักนิด

“มู่วี่สิง…” เวินจิ้งเพิ่งจะรู้ชัดในตอนนี้ว่ามู่วี่สิงกำลังโกรธ

แล้วเขาโกรธเรื่องอะไรล่ะ

“เจียงฉีต้องนอนที่โรงพยาบาล ฉันอยากกลับดึกหน่อย” เมื่อเดินเข้ามาในลิฟต์ต์ เวินจิ้งจึงมองเขาแล้วพูด

มู่วี่สิงหันกลับมา สายตาที่ดำมืดและล้ำลึกนั้นทำให้เธอกลัวเล็กน้อย

เวลานั้นเวินจิ้งสั่นน้อยๆ

สีหน้าของมู่วี่สิงน่ากลัวจริงๆ

“ผมไม่อนุญาต”

เวินจิ้งอึ้งไป ไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์ของมู่วี่สิงนัก

“แต่ฉันอยากอยู่” เธอก็เริ่มโมโหแล้ว

“จิ้งจิ้ง คุณมีความสัมพันธ์อะไรกับเขา” จู่ๆมู่วี่สิงก็เดินเข้ามาประชิดเธอ พร้อมยกแขนยาวขึ้นและในเวลานั้นเวินจิ้งก็ตกไปอยู่ในอ้อมกอดเขาทันที

อากาศรอบๆตัวต่างก็เป็นกลิ่นกายของผู้ชายอย่างมู่วี่สิง

“พวกเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน” เวินจิ้งพูดอย่างตรงไปตรงมา

”งั้นก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน คงไม่ต้องให้รอทั้งคืนหรอกมั้ง”

เวินจิ้งขมวดคิ้ว และก็ดูเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ อย่าบอกนะว่ามู่วี่สิงหึงเธอกับเจียงฉี

“คุณหึงหรอ” เธอโพล่งออกไป

เมื่อได้ยิน สีหน้าของมู่วี่สิงก็ยิ่งเคร่งขรึมขึ้น

“เปล่า” เขาพูดเสียงเย็น พร้อมด้วยสีหน้าแปลกๆ

เวินจิ้งขยับเข้าไปใกล้เขาอีกก้าว พร้อมกอดเอวเขาไว้ “คุณไม่ต้องหึงแล้ว เจียงฉีช่วยฉันเขาถึงได้รับบาดเจ็บ ฉันก็เลยรู้สึกผิด”

มู่วี่สิงขมวดคิ้วมุ่น วินาทีที่เวินจิ้งกอดเขา ใจเขาก็อ่อนลงในทันที

เขาหรี่ตาลงพร้อมดึงเวินจิ้งออก

“ผมไม่ได้หึง” น้ำเสียงของเขาเย็นชา

แต่เวินจิ้งก็ไม่เชื่อ ยิ่งเขาผลักเธอออกเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเข้าไปชิด

เธอถูกแก้มกับหน้าอกของเขา พร้อมพูดเสียงเขา “ไม่หึงก็ไม่หึง งั้นพรุ่งนี้ฉันค่อยมาก็ได้”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท