Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 568

ตอนที่ 568

บทที่568 ลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี

“คุณจะต้องเรียนหรือไม่เรียน ไม่ใช่ว่าผมแค่พูดออกมาเพียงประโยคเดียวก็ได้แล้วไม่ใช่หรือครับ” มู่วี่สิงเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะ

เวินจิ้ง : ……….

ทำไมตอนนี้เธอถึงได้มีความรู้สึกว่าศาสตราจารย์มู่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้กันนะ…..

“มู่วี่สิง คุณต้องเข้มงวดหน่อยสิคะ”

“อืม ในเมื่อจิ้งจิ้งขอมาแบบนี้แล้ว พรุ่งนี้ผมจะทำให้คุณรู้ว่าผมเข้มงวดขนาดไหนนะ”

เวินจิ้ง : ……..

เธอรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก……

………..

วันถัดมา เวินจิ้งตื่นเร็ว จึงไปทานอาหารเช้าที่โรงอาหาร ช่วงนี้เจียงฉีเองก็เข้ามาเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาติดตามเฉินเหว่ยศาสตราจารย์ที่มีอำนาจทางด้านศัลยกรรม

เห็นเวินจิ้งแล้ว เขาจึงแวะเข้ามาทักทายก่อน

“วันนี้เธอมีเรียนของเฉินเหว่ยไหม?” เจียงฉีเอ่ยถาม

เวินจิ้งยิ้มพลางพยักหน้า “เป็นครั้งแรกของฉันเลยล่ะที่ได้ไปฟังวิชาของเขา ได้ยินชื่อเสียงของเขามานานแล้ว”

เฉินเหว่ยย้ายมาจากประเทศF ตอนนี้รับนักศึกษาบางส่วนของส้งเชนไป

“ช่วงแรกๆเขามีชื่อเสียงพอๆกับศาสตราจารย์มู่เลยนะ ฉันเองก็ชื่นชมเขามาตั้งนานแล้วเหมือนกัน ไม่คิดเลยว่าตอนนี้จะได้กลายมาเป็นนักศึกษาของเขาแล้ว”

“เป็นไปตามที่นายต้องการเลย ไม่ดีรึไง”

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องยกให้ที่เธอช่วยฉันเอาไว้ตอนนั้น” เจียงฉีมองเธอ

ทั้งสองคนนั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน หัวข้อในการพูดคุยของเจียงฉีนั้นสามารถทำให้เวินจิ้งตอบกลับไปได้อย่างสบายๆ ทำให้ตลอดช่วงเช้าเธอสามารถรักษารอยยิ้มของเธอเอาไว้ได้ตลอด

ตอนกลางวันเธอนัดมู่วี่สิงทานข้าวเอาไว้ เลิกเรียนแล้วเวินจิ้งจึงบอกลากับเจียงฉี

แต่เขากลับเรียกเธอเอาไว้ “เมื่อกี้นี้ที่ศาสตราจารย์เฉินให้ทำงานกลุ่มให้เสร็จ เธอว่าเราอยู่กลุ่มเดียวกันโอเคไหม?”

“ฉันได้อยู่แล้ว ฉันยินดีที่จะอยู่กับกลุ่มเด็กเรียนอยู่แล้วล่ะ” ดวงตาเวินจิ้งโค้งได้รูป

“วันนี้ช่วงบ่ายเธอว่างหรือเปล่า? ถ้าไม่อย่างนั้นตอนบ่ายพวกเราคุยกันหน่อยดีไหม?”

เวินจิ้งขมวดคิ้ว “ตอนบ่ายฉันมีทดสอบน่ะ อาจจะต้องเป็นคืนนี้หรือไม่ก็พรุ่งนี้แล้วล่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้หนึ่งทุ่มล่ะ?”

“ได้สิ”

เมื่อเคลียร์เรื่องเวลาได้แล้วนั้น เวินจิ้งจึงเขียนลงในบันทึกของเธอ แต่เธอก็ยังไม่มีเวลารวบรวมค้นหาข้อมูล เกรงว่าคืนนี้คงจะไม่ได้มีประสิทธิภาพอะไรมากมายซักเท่าไรนัก

แต่เมื่อครู่ท่าทางกระตือรือร้นของเจียงฉี อีกทั้งงานจะต้องส่งในสัปดาห์หน้า เวินจิ้งจึงไม่สามารถที่จะบอกปัดออกไปได้

ช่วงกลางวัน เนื่องจากว่ามู่วี่สิงติดงาน เวินจิ้งจึงทำได้เพียงแค่ต้องห่ออาหารมาให้เขา

ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่นั่งพิงอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน เวินจิ้งมองเขาอยู่ไกลๆ อดที่จะใจเต้นแรงขึ้นมาไม่ได้

ตอนนี้มู่วี่สิงเป็นศาสตราจารย์ของเธอ เวินจิ้งยังคงรู้สึกเหมือนกับฝันอยู่เช่นเดิม

“ศาสตราจารย์มู่” เดินเข้าไปใกล้ เธอเอ่ยเรียกเขาอย่างนอบน้อม แล้วรักษาระยะห่างจากเขาเอาไว้

มูวี่สิงเงยหน้าขึ้นมา แล้วโบกมือเรียกเวินจิ้ง “มานี่สิครับ”

“ค่ะ”

เพิ่งจะเดินเข้ามาใกล้ ทันใดนั้นเองมู่วี่สิงก็โอบเอวบางของเธอเข้ามา เวินจิ้นที่ยังไม่ทันตั้งตัวนั้นก็ล้มเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา

ลมหายใจของผู้ชายที่คุ้นเคย เป็นกลิ่นที่ดีมาก

เธอต้องกอดคอของมู่วี่สิงเอาไว้ถึงจะสามารถทรงตัวนั่งได้

แต่ท่าทางแบบนี้….ใกล้ชิดเกินไปแล้ว

ถึงแม้ว่าประตูจะปิดอยู่ แต่ก็สามารถมีคนเข้ามาได้ตลอดเวลา…..

เวินจิ้งก้มลงมองมู่วี่สิง คิดอยากจะหนีออกจากอ้อมกอดของเขา

เพียงแต่แรงของมู่วี่สิงนั้นเธอจะดิ้นหลุดออกมาได้อย่างไรกัน กลับยิ่งถูกเขากอดแน่นขึ้นไปกว่าเดิมเสียอีก…..

“ศาสตราจารย์มู่……”

“มู่วี่สิง…….”

ริมฝีปากบางของมู่วี่สิงยกขึ้น เห็นสีหน้าท่าทางของเวินจิ้งแล้วนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเขานั้นก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้น

กดเขาไว้ในอ้อมกอดตัวเองแล้วจูบเธอ เขาอยากลิ้มลองรสชาติตามใจเขาที่ไม่อาจจะหยุดได้นี้

จนกระทั่งเวินจิ้งหายใจหอบถี่…..

“คุณเกินไปแล้วนะคะ ฉันมาส่งอาหารให้คุณ ตอนนี้คุณเกือบจะกินฉันแทนแล้ว…..”เวินจิ้งบ่นพึมพำออกมา

มีความรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองตกหลุมพรางที่เขาวางไว้เสียอย่างนั้น….

“อืม ผมอยากจะกินคุณแล้วจริงๆ”

เวินจิ้ง : …….

“คุณรีบทานข้าวเถอะค่ะ ตอนบ่ายจะต้องไปห้องปฏิบัติการนะคะ ศาสตราจารย์!” เวินจิ้งพยายามเน้นคำที่เธอเรียกเขา

มู่วี่สิงไม่ได้ทรมานเธออีก จึงนั่งลงบนโซฟา และเพิ่งจะเริ่มทานข้าวนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น

เขาขมวดคิ้วแล้วรับสาย

“คุณมู่ ฉันเลี่ยวหยง”

ห้านาทีหลังจากนั้น มูวี่สิงถึงได้วางสายไป เบื้องต้นแล้วมู่วี่สิงไม่ได้พูดอะไรมาก ล้วนแต่เป็นเลี่ยวหยงที่เป็นฝ่ายพูดทั้งนั้น ดังนั้นเวินจิ้งจึงไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนนั้นพูดเรื่องอะไรกัน

“ทำไมหรือคะ?” เธอมองมู่วี่สิง

“วิชาห้องปฏิบัติการยกเลิกไปก่อนนะครับ ผมจะต้องไปที่โรงพยาบาลหนานเฉิงรอบนึงก่อนครับ”

“ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นคืนนี้คุณจะกลับมาที่มหาวิทยาลัยหรือเปล่าคะ?”

“น่าจะไม่ได้กลับมาครับ”

ในใจของเวินจิ้งนั้นมีความรู้สึกหงอยเหงาขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

มู่วี่สิงยังมีงานอื่น เธอจะมายึดติดแบบนี้กับเขาคนเดียวไม่ได้

ทานอาหารเสร็จแล้วนั้นมู่วี่สิงก็ออกไปเลยทันที และไม่นานเจียงฉีก็ส่งข้อความมา เวินจิ้งจึงบอกกับเขาไปว่ามู่วี่สิงมีธุระคลาสเรียนนั้นจึงถูกยกเลิกไป ทั้งสองคนจึงไปปรึกษาเรื่องงานกันที่ห้องเรียน

เวลานี้ ที่โรงพยาบาลหนานเฉิง

โจวหย่านถูกรถโรงพยาบาลส่งตัวมา มู่วี่สิงลงจากรถมานั้น เลี่ยวหยงก็วิ่งเข้ามาหาเขาด้วยใบหน้าที่ซีดขาว

“คุณหมอมู่ คุณจะต้องช่วยลูกสาวฉันด้วยนะ….”

เธอเองก็ไม่ทางอื่นถึงได้ต้องมาขอความช่วยเหลือจากมู่วี่สิงเช่นนี้

อาการป่วยของโจวหย่านนั้นไม่คงที่มาโดยตลอด จนเมื่อเช้านี้เธอมีอาการชักน้ำลายฟูมปาก ช่วงนี้เธอเองก็จัดหาหมอให้มาดูอาการของโจวหย่านอยู่ตลอด แต่จนถึงตอนนี้ไม่มีหมอคนไหนที่จะยอมที่จะมารักษาโจวหย่านเลย อาการป่วยของเธอนั้นซับซ้อนเกินไป

อีกทั้งสถานการณ์แบบเธอนี้ เกรงว่าจะมีเวลาอีกไม่มากแล้วเสียด้วยซ้ำ

“คุณนายโจว คุณปล่อยผมก่อนนะครับ ผมขอไปดูผู้ป่วยก่อน” อารมณ์ของมู่วี่สิงนั้นนิ่งมาก

เลี่ยวหยงค่อยๆปล่อยมือออก ดวงตาเปื้อนไปด้วยน้ำตา เธอแทบจะไม่มีแรงยืน จึงล้มลงไปนั่งอยู่บนพื้น

ช่วงนี้ตระกูลโจวกำลังรับมือกับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เธอเองก็ไม่แน่ใจว่ามู่วี่สิงจะสามารถช่วยโจวหย่านได้ เพียงแค่ต้องคว้าเอาไว้ก่อนเท่านั้น

ตอนนี้เห็นมู่วี่สิงมาแล้ว กลับรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างแล้ว

เวลานี้เองโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น โจวเซินโทรเข้ามานั้นจึงทำให้สีหน้าของเลี่ยวหยงนั้นเคร่งขรึมขึ้นมา

“แม่ ทำไมพาโจวหย่านส่งไปหามู่วี่สิงที่นั่น”น้ำเสียงของโจวเซินมีความโมโหอย่างปิดไม่มิด

“ไม่ส่งมาให้มู่วี่สิงที่นี่ แล้วจะให้น้องรอความตายรึไง!”

“ผมเคยบอกแล้ว ว่าผมจะไม่ให้เกิดอะไรขึ้นกับโจวหย่าน”น้ำเสียงของโจวเซินนั้นราวกับจมอยู่กับฤดูหนาว

เลี่ยวหยงยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “ในหัวของแกคอยแต่จะคิดเรื่องผลประโยชน์แล้วก็คิดแต่จะทำร้ายคนอื่น ชีวิตของหย่านหย่านแกเคยใส่ใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”

โจวเซินจับโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่น ความโมโหนี้ทำให้เขาแทบอดที่จะเขวี้ยงโทรศัพท์มือถือทิ้งไปเสียไม่ได้ แต่เวลานี้เขายังคงสามารถควบคุมตัวเองเอาไว้ได้

“ผมเห็นว่าเธอเป็นน้องสาวแท้ๆของผมมาโดยตลอด!”

“แต่ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนี้เลย ชีวิตของลูกสาวฉัน ฉันจะช่วยเธอเอง!”

“มู่วี่สิงมีแต่จะทำให้เธอต้องตาย” คำพูดนี้หลุดออกมาแล้วโจวเซินก็เขวี้ยงโทรศัพท์มือถือของทิ้งเสียงดัง ปึง

เลี่ยวหยงหลับตาลงอย่างช้าๆ เป็นเวลานานกว่าที่อารมณ์จะเย็นลง

โจวหย่านกำลังอยู่ในห้องฉุกเฉิน เธอที่นั่งรออยู่ทางด้านนอกด้วยความไม่สบายใจ จนกระทั่งหลังจากนั้นอีกสองชั่วโมง ในที่สุดก็เห็นมู่วี่สิงเดินออกมา

“คุณหมอมู่!”

มู่วี่สิงถอดหน้ากากอนามัยออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจังเป็นอย่างมาก

“เนื้องอกในสมองส่วนกลาง ผมได้ติดต่อให้ทางศาสตราจารย์ทางแผนกสมองมาแล้วครับ ค่ำๆหน่อยพวกเราจะร่วมกันตรวจโรคอีกครั้งนะครับ คุณนายโจววางใจได้ครับ”

“หย่านหย่านจะมีความเสี่ยงถึงชีวิตไหมคะ?” เลี่ยวหยงเอ่ยถามอย่างกังวล นี่คือสิ่งที่เธอกังวลที่สุด

“มีครับ” มู่วี่สิงพยักหน้า

จากสถานการณ์ของโจวหย่านในตอนนี้ ล้วนแต่มีความเป็นไปได้ที่จะยื้อต่อไปไม่ไหวได้ตลอดเวลา

คำพูดนี้ เขาไม่ได้บอกกับเลี่ยวหยง ตอนนี้อารมณ์ของเธอนั้นแทบจะแหลกสลายไปหมดแล้ว

ช่วงระยะเวลานี้เลี่ยวหยงออกไปหาขอร้องหมอไปทั่วทุกสารทิศ และคงจะพอทราบถึงความขัดแย้งระหว่างเขากับโจวเซิน จึงไม่ได้มาขอความช่วยเหลือจากเขา

แต่เขาเป็นหมอหลักในการรักษาโจวหย่านมาโดยตลอด สถานการณ์ของโจวหย่านเขาเข้าใจทั้งหมด

และก็คงจะมีเพียงแค่เขาเท่านั้นถึงจะสามารถรับมือต่อ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท