บทที่ 594 ปะทะเข้ามาในสายตาของเธอโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ทันทีที่เสียงเพลงในงานดังขึ้นมา เวินจิ้งก็เดินตามมารดาออกมาจากประตูส่วนกลางของโรงแรมที่ฉลุลวดลาย ซึ่งหันหน้าสู่ทะเลสาบสีฟ้าคราม เป็นภาพวิวที่งดงามเอามากๆ
เวินจิ้งไม่ได้ก้าวเดินตามมารดาต่อ เดินมาได้ครึ่งทางเดินก็หยุดฝีเท้าลง ข้างกายของเธอนั้นมีโจวเซินอยู่ด้วย
เมื่อเธอค่อยๆละสายตาออกจากแม่ หางตาของเธอก็มองเห็นร่างกายที่คุ้นเคยของใครบางคน
ร่างกายของเธอสั่นระริก จนเกือบจะยืนไม่อยู่
โชคดีที่โจวเซินโอบเธอเอาไว้ได้ทัน เวินจิ้งถึงได้รีบเก็บสายตากลับมา
ใบหน้าหล่อเหลาที่เธอเอาแต่ฝันถึงตลอดสามปีที่ผ่านมา สุดท้ายก็ทำให้เธอเสียการควบคุม
ณ ตำแหน่งไม่ใกล้ไม่ไกล สายตาของมู่วี่สิงกลับไม่ได้มองมาเวินจิ้ง ข้างกายเขาคือหลิงเหยาที่สวมใส่ชุดเดรสสีดำ ทั้งสองคนยืนอยู่ใกล้กันมาก
“คืนนี้เราจะกลับไปที่เมืองหนานเฉิงไหม?” เสียงของหลิงเหยาดังขึ้นมาข้างๆหูของเขา
“คุณกลับไปก่อนเลย ผมยังมีธุระต้องทำอยู่ที่นี่” มู่วี่สิงเอ่ยเสียงเย็นชา
“ฉันอยู่ด้วยได้ไหม?” หลิงเหยามองเขาอย่างคาดหวัง
“คุณใกล้จะสอบแล้ว” มู่วี่สิงเตือนความจำเธอ
หลิงเหยากัดริมฝีปาก กวาดตามองไปทางเวินจิ้งอย่างแนบเนียน จากนั้นก็รีบเก็บสายตากลับมา
เวินจิ้งอยู่ที่นี่ แล้วเธอจะกลับไปที่เมืองหนานเฉิงอย่างสบายใจได้ยังไง
เพียงแต่ว่า เธอเองก็ไม่กล้าขัดคำพูดของมู่วี่สิง
“งานเลี้ยงจบ พรุ่งนี้ฉันจะรีบกลับ”
หลังจากที่พิธีแต่งงานจบลงอย่างเป็นทางการ แขกทั้งหมดก็เคลื่อนย้ายกันเข้ามาในงานเลี้ยง
เวินจิ้งสาละวนอยู่รอบกายมารดา กว่าจะถึงตอนดื่มแสดงความยินดีให้กับคู่บ่าวสาวเธอก็เหนื่อยเอามากๆแล้ว โจวเซินรับเอาแก้วในมือของเธอมาถือไว้ “คุณกินอะไรสักหน่อยแล้วไปพักเถอะ”
“แต่ว่า…..” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
“ไม่มีแต่ ผมไม่ให้คุณชนแก้วหรอก”
ถ้าไม่มีแก้วเหล้า เวินจิ้งก็ดื่มแสดงความยินดีไม่ได้
เธอจึงนั่งลงบนโต๊ะ สายตาก็อดสอดส่องมองหาร่างกายของใครคนนั้นอย่างช่วยไม่ได้
เธอไม่รู้เลยว่ามู่วี่สิงจะมาร่วมงานด้วย มันเป็นอะไรที่น่าแปลกใจเอามากๆ
และที่ทำให้เธอแปลกใจเข้าไปใหญ่ก็คือ ผู้หญิงข้างกายของมู่วี่สิงไม่ใช่โจวหย่าน แต่กลับเป็นหลิงเหยา
แต่เขาแต่งงานกับโจวหย่านไม่ใช่หรอกเหรอ?
เธอส่ายหน้าสั่งให้ตัวเองหยุดคิดมาก เรื่องของมู่วี่สิงไม่เกี่ยวกับเธอสักหน่อย
เธอยกไวน์แดงตรงหน้าขึ้นมา แล้วดื่มเข้าไปรวดเดียวจนหมด
ณ มุมมุมหนึ่ง สายตาคมปลาบคู่หนึ่งมองมาที่เวินจิ้งตลอด นัยน์ตาลึกล้ำค่อยๆเครียดเขม็งขึ้นมา
“ผมจะออกไปสูบบุหรี่” มู่วี่สิงทิ้งคำเอาไว้ จากนั้นก็ออกมาจากงานเลี้ยงอย่างรวดเร็ว
หลิงเหยากำลังพูดคุยอยู่กับเพื่อนที่รู้จัก พอหันกลับมาอีกที ก็ไม่เห็นร่างของมู่วี่สิงแล้ว
แต่เมื่อมองไปแล้วเห็นว่าเวินจิ้งยังอยู่ในงาน เธอจึงเบาใจลงบ้าง
แต่เพียงไม่นานหลังจากนั้น เวินจิ้งที่ดื่มเยอะพอประมาณ ก็ตั้งใจว่าจะไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำ แต่ว่าเดินจนสุดทางเดินก็ยังไม่เห็นห้องน้ำ แต่กลับเดินมาถึงสระว่ายน้ำกลางแจ้งแทน และภาพร่างสูงใหญ่ของใครบางคนก็ปะทะเข้ามาในสายตาของเธอโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
เธอและเขา ไม่ได้อยู่ใกล้กันเหมือนอย่างนี้มานานเท่าไหร่แล้ว
สิบเมตร แปดเมตร ห้าเมตร ฝีเท้าของเวินจิ้งเดินเข้าไปใกล้เขาเรื่อยๆ
จนสุดท้าย ในตอนที่อยู่ห่างเขาแค่หนึ่งเมตรเธอก็หยุดฝีเท้าลง
ปลายนิ้วของเขากำลังคีบบุหรี่เอาไว้ แล้วยกขึ้นมาสูบและปล่อยควันสีขาวออกมาจนเกิดแสงวูบวาบ แผ่นหลังของเขาทำให้เวินจิ้งรู้สึกราวกับเป็นคนแปลกหน้า
ชั่วทันใดนั้นเธอก็ได้สติ จึงหันหลังกลับเตรียมที่จะเดินออกไป
เธอเข้ามาหาเขาทำไม
แต่ทันทีที่หันหลังกลับ เสียงแหบพร่าของเขาก็ดังขึ้นมา
“จิ้งจิ้ง” เสียงของเขา ทุ้มต่ำและนิ่งสงบ
เหมือนจะยังมีความรู้สึกหลงใหลหลงเหลืออยู่บ้างเล็กน้อย
เวินจิ้งคงรู้สึกไปเองมากกว่า เขาจะยังมีน้ำเสียงแบบนั้นให้เธอได้ยังไง
เธอไม่หยุดฝีเท้า เดินออกไปอย่างไม่คิดหันหน้ากลับมา เพียงแต่ว่าฝ่ามือที่ยังคงหลงเหลือกลิ่นบุหรี่อยู่จู่ๆก็ยื่นออกมา รู้ตัวอีกที เธอก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคยเสียแล้ว
น้ำตาใกล้จะไหลออกมาเต็มที แต่เธอก็กัดริมฝีปากกลั้นมันเอาไว้
“คุณมู่ ระมัดระวังท่าทีของคุณด้วย!” เวินจิ้งพูดออกมาอย่างโมโหน้อยๆ
แต่มู่วี่สิงไม่เพียงแค่ไม่ปล่อย ตรงกันข้ามกลับดันเธอเข้ากำแพงอย่างแรง นัยน์ตาสีดำขลับหรี่ลงอย่างลุ่มลึก มือเรียวยาวที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นบุหรี่บีบคางของเธอเอาไว้
“ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย” มู่วี่สิงพูดขึ้นมาอย่างนึกสนุก
มู่วี่สิงที่เป็นแบบนี้ ทำให้เวินจิ้งรู้สึกแปลกหน้ามากจริงๆ
เธอดันอกของเขาออก เพื่อห้ามไม่ให้เขาขยับเข้ามาใกล้
แต่เมื่อริมฝีปากของเขายิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กลิ่นบุหรี่หนักๆที่ปะปนไปกับกลิ่นกายเฉพาะตัวของเขา ก็แทบจะพรากวิญญาณของเธอไป
เธอต้านทานเขาได้ที่ไหนกัน
เธอหลับตาลงอย่างคล้อยตาม และมันแทบจะเป็นการกระทำที่ทำไปโดยอัตโนมัติ
แต่ยังไม่ทันจะได้จูบ ริมฝีปากบางของเขาก็เอ่ยพูดขึ้นมาข้างๆหูของเธอด้วยประโยคล้อเลียน “เวินจิ้ง คุณกำลังรออะไรอยู่งั้นเหรอ?”
ตอนที่ลืมตาขึ้นมา มู่วี่สิงก็เดินออกไปไกลแล้ว
แต่กลิ่นเฉพาะตัวของเขายังคงวนเวียนอยู่ใกล้ๆปลายจมูก ไม่จางหายไป
อย่างกับฝันไป
น้ำตาไหลลงมาทันที หัวใจของเธอมันเจ็บปวดเหลือเกิน
ในตอนที่โจวเซินเดินมาเจอเวินจิ้ง ก็เห็นว่าเธอกำลังนั่งอยู่บริเวณขอบสระ แสงจันทร์ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนปกคลุมใบหน้างดงามของเธอเอาไว้ จนทำให้เจ็บปวดหัวใจไปด้วย
เธอตกอยู่ในอารมณ์นี้ได้ยังไง?
เพราะว่าเจอมู่วี่สิงหรือเปล่า?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ โจวเซินก็กำหมัดแน่น ผ่านไปนานพอสมควรถึงได้เดินเข้าไปหา
“งานเลี้ยงจบแล้ว พ่อกับแม่ขึ้นห้องไปแล้วนะ”
“อืม คืนนี้คงรบกวนคุณแย่” เวินจิ้งคลี่ยิ้มออกมาบางๆ
โจวเซินช่วยกันเธอออกมาจากการดื่มเหล้าแสดงความยินดี เธอจึงผ่อนคลายลงเยอะมาก
“คุณก็รู้ว่าผมไม่อยากได้ยินคำพูดที่ดูเกรงใจแบบนี้” โจวเซินกดเสียงต่ำ
“ขอโทษที ฉันชินน่ะ”
“งั้นก็เปลี่ยน เวินจิ้ง มันยากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เวินจิ้งไม่ได้พูดอะไร เธอรู้ว่าโจวเซินต้องการอะไร แต่เธอก็ไม่รู้จะตอบเขากลับยังไงดี
เมื่อทั้งสองกลับมาถึงคฤหาสน์โจวเพราะเวินจิ้งดื่มมานิดหน่อยจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว โจวเซินจึงสั่งคนใช้ให้ไปทำซุปแก้แฮงค์มาให้เธอ แต่เวินจิ้งกลับไม่กิน
ไหนๆตอนนี้ก็เมาแล้ว งั้นขอคิดถึงผู้ชายคนนั้นตามที่ใจต้องการจะได้ไหม?
ไม่ปฏิเสธ ว่าสามปีมานี้ เธอคิดถึงเขามากๆ
แต่เมื่อนึกถึงคำพูดสั่งเสียของผู้เป็นแม่ นึกถึงคำพูดล่าสุดที่มู่วี่สิงพูดกับเธอ เธอก็ไม่กล้าที่จะบากหน้าไปหามู่วี่สิงเลยจริงๆ
ที่สำคัญก็คือ เขาแต่งงานแล้ว
ทุกอย่างมันมาถึงขั้นที่เอาอะไรคืนมาไม่ได้แล้ว
เมื่อความรู้สึกเจ็บปวดปานใจจะขาดจู่โจมเข้ามา เวินจิ้งก็หลับตาลง ปล่อยให้ตัวเองดำดิ่งอยู่กับความเจ็บปวดเหล่านี้ เจ็บนั่นแหละถูกแล้ว
ขณะเดียวกัน ณโรงแรมกุยลี่
มู่วี่สิงพักอยู่ในห้องพักชั้นบนสุด เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมา ก็มีเสียงคนเคาะประตู เขาจึงใส่ชุดลำลองสบายๆจากนั้นก็เดินไปเปิดประตู
“วี่สิง ฉันเห็นว่าเมื่อเย็นคุณยังไม่ได้กินอะไรเลย ฉันเลยเอาขนมมาให้” หลิงเหยายื่นกล่องขนมสวยๆเข้าไปให้
“อืม ขอบคุณ” เขารับมา
“คุณจะกลับเมื่อไหร่เหรอ?” หลิงเหยายังไม่กลับ
“วันจันทร์หน้า”
“ยุ่งขนาดนั้นเลยเหรอ?” ดวงตาของหลิงเหยาไม่สามารถปกปิดความเหงาหงอยเอาไว้ได้
“อืม ดึกมากแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
พูดจบ มู่วี่สิงก็ปิดประตูลง
หลิงเหยายืนอยู่หน้าประตู ตั้งแต่วินาทีที่มู่วี่สิงได้เจอเวินจิ้ง เธอก็สังเกตได้อย่างชัดเจนว่าอารมณ์ของเขาเปลี่ยนไป
แต่ว่า เธอก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงดี
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้ ว่ามู่วี่สิงจะไม่กลับไปหาเวินจิ้งอีกแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไม ในใจของเธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี