บทที่ 598 ไม่อยากเจอเขาอีกตลอดไป
เมื่อมาถึงโรงแรมซียี่ เวินจิ้งก็เดินลากเท้ามานั่งรอที่ห้องโถงของโรงแรม เวลาเดินผ่านไปทุกวินาที จนกระทั่งเป็นช่วงเวลากลางคืน
เลยเวลาสี่ทุ่มไปสักพัก เวินจิ้งถึงได้เริ่มก้าวเท้า แต่ยังไม่ทันได้เดินเข้าไปในลิฟต์ เจียงฉีก็กำลังเดินมาทางเธอพอดี ทั้งสองจึงเอ่ยทักทายกัน
“เวินจิ้ง? ดึกขนาดนี้มาทำอะไรเหรอ?” เจียงฉีเป็นแพทย์จากเมื่องหนานเฉิง แพทย์คนอื่นๆและนักวิชาการหลายๆคนต่างก็พักอยู่ที่นี่หมด
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ฝีเท้าหยุดชะงัก ไม่อยากบอกเจียงฉีเลยว่าตัวเองมาหามู่วี่สิง
“มีธุระส่วนตัวนิดหน่อยน่ะ” เวินจิ้งพูดเรียบๆ
ถึงเวินจิ้งจะไม่ได้พูดออกมา แต่เจียงฉีก็พอจะเดาออก น้ำเสียงของเขาเลยเข้มขึ้นหลายเท่า “มาหามู่วี่สิงเหรอ?”
เวินจิ้งตอบอืม จากนั้นก็เตรียมก้าวเดินเข้าไปในลิฟต์
เจียงฉีกลับเดินตามเธอเข้ามา เหมือนมีเรื่องอะไรจะพูดแต่ก็ไม่พูด
“เจียงฉี มีอะไรเหรอ?” เวินจิ้งช้อนตาขึ้นไปมอง
“ตอนนี้มู่วี่สิงกำลังมีความสุขกับหลิงเหยา เวินจิ้ง คุณอย่าไปรบกวนพวกเขาเลย” ผ่านไปพักใหญ่ เจียงฉีถึงได้พูดประโยคนี้ออกมา
แต่คำพูดประโยคนี้กลับทำให้เวินจิ้งหน้าซีดเผือด
ร่างกายของเธอสั่นเทิ้มเบาๆ กัดริมฝีปากเอาไว้แน่น
“ฉันมาหามู่วี่สิงเพราะเรื่องงาน เจียงฉี” น้ำเสียงของเวินจิ้งสั่นนิดๆ
“ทางที่ดีก็ควรจะเป็นอย่างนี้ เวินจิ้ง ผมเห็นคุณเป็นเพื่อนหรอกนะถึงอยากจะเตือนเอาไว้ ผมไม่อยากให้คุณเสียใจ”
“งั้นเหรอ?” สีหน้าของเวินจิ้งยังคงเรียบนิ่งเหมือนเดิม
เธอไม่คิดว่าคนอื่นจะสามารถเข้ามาก้าวก่ายความคิดของเธอได้
“มู่วี่สิงแต่งงานกับโจวหย่านแล้วไม่ใช่เหรอ?” จู่ๆเวินจิ้งก็ถามขึ้นมา
จริงๆแล้วคำพูดนี้มันอัดอั้นอยู่ในใจมานานแล้ว หลังจากที่เธอออกมาจากเมืองหนานเฉิง โจวเซิ่งกับเลี่ยวหยงก็กำลังจัดการเรื่องหย่ากันพอดี โจวหย่านยังไงก็ต้องไปอยู่ฝั่งเลี่ยวหยงอยู่แล้ว ด้านโจวเซินก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องของโจวหย่านให้เธอฟังเลยสักครั้ง
เธอนึกว่ามู่วี่สิงอยู่กับโจวหย่านมาตลอด แต่ตอนนี้ข้างกายเขากลับเป็นหลิงเหยา
“โจวหย่าน?” เมื่อพูดถึงชื่อนี้ เจียงฉีก็ขมวดคิ้ว “เธอเสียชีวิตได้สามปีแล้วนะ”
“ว่าไงนะ?” เวินจิ้งสะเทือนไปทั้งร่าง ผ่านไปนานสติก็ไม่กลับมาสักที
เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง…..
ไม่ใช่ว่าเธอแต่งงานกับมู่วี่สิงแล้วหรอกเหรอ? แต่สุขภาพของโจวหย่านในช่วงนั้นก็ไม่ค่อยดีจริงๆ
แต่แล้วทำไมมู่วี่สิงยังแต่งงานกับเธอล่ะ
คำถามนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาในสมอง แต่ไม่ทันไร ลิฟต์ก็มาจอดตรงชั้นบนสุดแล้ว
“เวินจิ้ง ผมรู้ว่าคุณเป็นคนฉลาด ตอนนี้ชีวิตของทุกคนกำลังดี และหลิงเหยาก็กำลังมีความสุขมาก” เวินจิ้งขบริมฝีปาก เข้าใจความหมายที่เจียงฉีจะสื่อในทันที
แต่ว่าสามปีก่อน เธอสัมผัสได้ว่าเจียงฉีชอบหลิงเหยามาก แล้วตอนนี้……
ในหัวของเวินจิ้งวุ่นวายไปหมด หลังจากที่เดินออกมาจากลิฟต์ เจียงฉีก็ไม่ได้เดินตามมาแล้ว เธอจึงรู้สึกเริ่มเย็นไปทั่วทั้งร่างขึ้นมาชั่วขณะ
เรื่องที่โจวหย่านจากโลกนี้ไปแล้ว คนในตระกูลโจวไม่เคยพูดถึงเลยสักครั้ง เธอจึงไม่เคยรับรู้ข่าวคราวเลยสักนิด
เมื่อสลัดความคิดยุ่งเหยิงในหัวทิ้งไป เธอก็สงบลง จากนั้นก็ยกมือขึ้นไปเคาะประตู
ประตูเปิดออกด้วยระบบอัตโนมัติ มองไปแค่แวบเดียวเวินจิ้งก็เห็นชายหนุ่มนั่งรออยู่บนโซฟา
เธอจึงส่งเสียงพูดขึ้นมาว่า “ศาสตราจารย์มู่ ฉันไม่ค่อยสะดวกที่จะเข้าไป รบกวนคุณเซ็นเอกสารแล้วเอาออกมาให้ฉันด้วย”
เวินจิ้งยืนอยู่หน้าประตู เธอตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่เข้าไป
สีหน้าของมู่วี่สิงยังคงเรียบนิ่งเหมือนเดิม เมื่อได้ยินที่เธอพูด ก็เงยหน้าขึ้นไปมอง ริมฝีปากบางกระตุกขึ้นมานิดๆจนไม่เห็นเป็นรอยยิ้ม จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยคำชี้ขาด “ถือเข้ามา”
“ฉันไม่สะดวก” เวินจิ้งยืนกราน
มู่วี่สิงไม่ได้พูดอะไรอีก ทำงานในมือต่อไป เมินเวินจิ้งไว้ซะอย่างนั้น
เจตนาชัดมาก ว่าถ้าเวินจิ้งไม่ถือเข้ามา เขาก็จะไม่เซ็นให้
บรรยากาศยังคงไม่มีใครยอมใคร เวินจิ้งวางแผนไว้ว่าจะกลับ เธอยอมให้ผอ.ไม่พอใจยังจะดีกว่าถูกมู่วี่สิงปั่นประสาทแบบนี้ เมื่อคิดได้แบบนี้ เธอก็หมุนตัวเตรียมที่จะกลับ
แต่ในครรลองสายตา กลับเห็นหลิงเหยาในชุดกระโปรงสีขาวกำลังเดินมาทางเธอ เมื่อเห็นเวินจิ้ง ใบหน้าที่เดิมทีมีรอยยิ้มก็พลันเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว
“เวินจิ้ง ทำไมไม่ไปผุดไปเกิดสักที!” ในน้ำเสียงของหลิงเหยาไม่สามารถปกปิดความเกลียดชังเอาไว้ได้เลย
“ฉันก็ไม่ได้อยากมาหรอกนะ” เวินจิ้งพูดเสียงเรียบ
“ปากว่าตาขยิบล่ะสิไม่ว่า แกคงยังไม่ได้ชอบมู่วี่สิงอยู่หรอกใช่ไหม?” หลิงเหยาขวางทางเอาไว้
“มู่วี่สิงในตอนนี้ ไม่มีอะไรให้ฉันชอบเลยสักนิด”
“คนแพ้ก็ชอบก่อกวนไปทั่วนั่นแหละ ใครจะไปรู้ว่าในใจแกคิดยังไง” หลิงเหยาพูดเหน็บแนม
และในตอนนี้เอง ที่เสียงของมู่วี่สิงดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“หลิงเหยา”
“วี่สิง คุณยังไม่ได้กินข้าวเลย เราไปหาอะไรกินกันไหม” หลิงเหยาไม่มองเวินจิ้งอีกต่อไป เดินเลยไปหามู่วี่สิง
“รอแป๊บหนึ่ง”
“ได้ค่ะ” หลิงเหยาเดินตามมู่วี่สิงเข้าไปในห้องด้วยรอยยิ้ม
เวินจิ้งไม่ได้หันไปมอง แต่ในใจกลับรู้สึกเจ็บปวดเอามากๆ
ไม่รู้ว่าตัวเองเดินออกมาตอนไหน เวินจิ้งรู้สึกได้แค่ว่าเรี่ยวแรงบนร่างกายถูกดูดไปหมด หัวเริ่มหนักขาเริ่มอ่อน เธอพิงผนังลิฟต์เอาไว้ กัดริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ให้น้ำตาหลั่งไหลออกมา
เธอไม่อยากเจอมู่วี่สิงอีกแล้ว ไม่อยากเจอเขาอีกตลอดไป
ความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนใจจะขาดแบบนี้ เธอเคยสัมผัสมันมาแล้วมาสามปีก่อน มันเจ็บลึกถึงเพียงนี้เลยล่ะ
เมื่อเดินออกมาจากโรงแรม เวินจิ้งก็เดินเหม่อตลอดทาง จนกระทั่งเดินชนเข้ากับอ้อมกอดของใครบางคน เธอจึงเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างเลื่อนลอย สายตาเธอสบเข้ากับสายตาเย็นชาแต่ก็ดูเจ็บปวดของโจวเซิน
“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” เธอพูดเสียงเบา
“คำถามนี้ผมควรเป็นคนถามคุณมากกว่า”
“ฉันมาหามู่วี่สิง” เวินจิ้งไม่ได้ปิดบัง ไหนๆแล้วการที่เธอจะไปไหนมาไหนก็ไม่เคยจะปิดโจวเซินได้เลยสักครั้ง
“ตามคำขอของผอ.?” โจวเซินหรี่ตาลง
“อืม” เมื่อมาอยู่ต่อหน้าโจวเซิน เวินจิ้งก็ปรับอารมณ์ตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
“ผมจะจัดการให้เอง ต่อไปนี้ไม่ต้องมาเจอมู่วี่สิงแล้วนะ”
“อืม” เวินจิ้งยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น
แต่ว่า กรอบตากลับเริ่มแดงก่ำอย่างอดไม่ได้ วินาทีถัดมา โจวเซินก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดทันที แรงกอดของเขาแน่นมาก จนเวินจิ้งไม่มีสติมาผลักเขาออกมา
“เวินจิ้ง เมื่อไหร่คุณจะชินกับการพึ่งพาผมสักที” น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความเสียใจ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว คิดว่าตัวเองฟังผิดไป โจวเซินจะมามีน้ำเสียงแบบนี้ได้ยังไง
“โจวเซิน คุณปล่อยฉันก่อน เรากลับกันเถอะ” เวินจิ้งถอนหายใจ ออกแรงผลักเขาออก
แต่ว่าในเวลานี้ โจวเซินกลับไม่ยอมปล่อยมือเลย
บริเวณไม่ไกล มู่วี่สิงเดินออกมาจากลิฟต์พร้อมหลิงเหยา สายตาของทั้งสองต่างทอดมองไปยังร่างสองร่างที่กำลังยืนกอดกันอยู่หน้าโรงแรม
หลิงเหยาเหลือบมองมู่วี่สิง แม้ว่าเขาจะแสดงออกมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่อันที่จริงเขาเก็บซ่อนอารมณ์เก่งจะตายไป
ขณะเดินทางกลับบ้าน เวินจิ้งเอนพิงเบาะอย่างรู้สึกอ่อนล้า แม้ว่าสามปีมานี้โจวเซินจะดูแลใส่ใจเธอมาตลอด แต่ไม่เคยทำอะไรเกินขอบเขตเลยสักครั้ง แต่ว่าช่วงนี้ เพราะการปรากฏตัวของมู่วี่สิง เขาก็เหมือนจะซ่อนความรู้สึกในใจเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป
เวินจิ้งต่อต้านเขาอยู่ตลอด เธอคิดว่าหลังจากที่หลินเวยกลับมา เธอจะพูดเรื่องย้ายออกจากคฤหาสน์โจว
เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ เวินจิ้งก็ตั้งใจว่าจะตรงกลับห้องเลย แต่โจวเซินกลับเรียกเธอเอาไว้ “คุณยังมีไข้อ่อนๆอยู่เลย กินยาแล้วค่อยนอนนะ พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปไหว้น้าเจี่ยน”
เวินจิ้งพยักหน้าช้าๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก รับเอาน้ำอุ่นกับยามากินอย่างนิ่งๆ รู้สึกแย่เอามากๆ เธอกลับเข้าไปนอนในห้องอย่างรวดเร็ว แต่ในฝันก็มีแต่ภาพสนิทสนมของมู่วี่สิงกับหลิงเหยา พวกเขาอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านหลังหนึ่ง พวกเขาทำเรื่องที่เธอและมู่วี่สิงเคยทำร่วมกันมาก่อนทั้งหมด เธอคิดว่า มู่วี่สิงจะมีเธอแค่คนเดียว แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น…….