Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 579

ตอนที่ 579

บทที่ 579 ใจชายยากแท้หยั่งถึง

หลังจากนั้น มู่วี่สิงก็ดึงแขนของเธอไป ทำให้เวินจิ้งต้องเดินขึ้นไปในรถ

“พรุ่งนี้คุณไม่จำเป็นต้องมาโรงพยาบาล” น้ำเสียงของเขาค่อนข้างอ่อนลง

เวินจิ้งอึ้ง จากนั้นจึงอธิบายให้เขาฟังด้วยน้ำเสียงที่ดี “มู่วี่สิง ถ้าเจียงฉีกับฉันทำการบ้านเสร็จแล้ว ฉันจะไม่ติดต่อกับเขาอีก”

“อือ” ใบหน้าของชายหนุ่มยังคงเฉยเมย

เวินจิ้งมุ่ยปากเล็กน้อย ใครบอกว่าใจหญิงนั้นยากแท้หยั่งถึง

เห็นได้ชัดว่าใจชายต่างหากยากแท้หยั่งถึง

เมื่อกลับมาที่หอพัก เวินจิ้งก็นึกถึงของขวัญที่เจียงฉีมอบให้เธอได้ เธอจึงเปิดกล่องของขวัญ และพบว่ามันเป็นหนังสือคู่มือที่เต็มไปด้วยบันทึกการผ่าตัด

หนังสือเขียนโดยเจียงฉี มันเป็นความรู้ที่มองข้ามได้ง่าย แต่มันสำคัญมาก

เวินจิ้งตกตะลึงของขวัญชิ้นนี้ไม่แพง แต่มีความหมายมาก

สำหรับเธอมันดีมากจริงๆ

เธอวางมันไว้อีกฝั่ง ก่อนจะรีบทุ่มเทให้กับการเรียนจนดึกดื่น เจียงฉีก็โทรมา

ทั้งคู่คุยกันเรื่องรายงานที่เพิ่งทำเสร็จไปไม่นาน กว่าจะเสร็จเวินจิ้งก็แทบจะหลับไปบนโต๊ะ

“เวินจิ้งไปนอนเถอะ ขอโทษนะ ฉันลืมดูเวลา” น้ำเสียงที่อ่อนโยนของเจียงฉีดังเข้ามา

“โอเค”

ก่อนวางสายเธอพึมพำว่า “คราวหลังถ้าดึกเกินอย่าโทรมาแล้วกัน ไม่งั้นถ้าแฟนฉันรู้จะโกรธเอา”

อีกฝั่ง ใบหน้าของเจียงฉีตกตะลึง เขาบีบโทรศัพท์แน่นและวางสายในทันที

หลังจากนั้นไม่นานหลิงเหยาก็โทรมา

“ฉันจะกลับหนานเฉิงอาทิตย์หน้า”

“ต้องให้ฉันไปรับไหม”

“พี่ชายของฉันจะไปรับฉันคุณมีรถไหม” น้ำเสียงของหลิงเหยาค่อนข้างแดกดัน

แต่เจียงฉีไม่โกรธ

“คุณโอนเงินมาให้ผมตั้งมากมาย ผมก็เลยเอาไปซื้อรถแล้ว” เจียงฉีตอบไปตรงๆ

“คุณจีบเวินจิ้งติดรึยัง”

“ยัง” น้ำเสียงของเจียงฉีค่อนข้างหงุดหงิด

“เจียงฉีตอนแรกนายจีบฉันยังไง นายก็แค่จีบเวินจิ้งอย่างนั้น ”

“คนที่เธอชอบคือมู่วี่สิง” น้ำเสียงของเจียงฉีเริ่มขมขื่น

ในเวลานั้นหลิงเหยาชอบเขา เขารู้สึกได้ ดังนั้นการจีบจึงเป็นไปอย่างราบรื่น

เพียงแต่ว่าตอนนี้หลิงเหยาไม่มีความรู้สึกใดๆให้เขาแล้ว แต่เขาก็ยังเต็มใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อเธอ

“ผู้หญิงยังไงก็อ่อนไหวง่าย อ่อนโยนหน่อยเข้าใจมั้ย”

เจียงฉีวางสายโทรศัพท์ และสิ่งที่เวินจิ้งพูดก็ค่อยๆเกิดขึ้นในใจของเขา

เขาหลับตาลงอย่างคิดหนัก

สัปดาห์ถัดไปจากนั้น เวินจิ้งใช้เวลาเกือบทั้งหมดในการทำการบ้าน โดยตั้งใจจะทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุด

มีการติดต่อกับมู่วี่สิงน้อยลง ทำให้เธอไม่รู้แม้กระทั่งว่าเขากำลังเดินทางไปต่างถิ่น จนกระทั่งเธอโทรหาเขาไม่ติด เธอถึงเพิ่งจะรู้

เธอถามเกาเชียนในภายหลังถึงได้รู้

สภาพจิตใจของเธอดิ่งลงในทันที

“เกิดอะไรขึ้น” เจียงฉีที่อยู่ข้างๆ ถามด้วยความกังวล

เวินจิ้งดึงสติกลับมาและส่ายหัว

“นายส่งการบ้านแล้วหรือยัง”

“อืม ฉันคิดว่าวิทยานิพนธ์ของเราจะทำให้ศาสตราจารย์เฉินพอใจอย่างแน่นอน” น้ำเสียงของเจียงฉีภูมิใจมากเวินจิ้งยิ้มเธอมั่นใจในความเก่งของเจียงฉี

หลังจากทำการบ้านเสร็จแล้ว เธอก็เตรียมที่จะกลับไปที่หอพักเพื่อนอนสักงีบ แต่เจียงฉียังก็ยืนยันที่จะไปส่งเธอ

“เจียงฉี ขอบคุณสำหรับของขวัญของคุณ แต่อย่าให้อะไรฉันอีกเลยในอนาคต” เวินจิ้งหยุดเดิน ราวกับคิดอะไรขึ้นมาได้

“เธอไม่ชอบหรอ” ใบหน้าของเจียงฉีดำมืดลงเล็กน้อย

“ชอบ … แต่ว่า ฉันไม่ต้องการรบกวนนาย” เวินจิ้งมองเขาอย่างจริงจัง

แม้ว่าเธอจะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เจียงฉีจะชอบเธอ แต่เธอก็อยากจะลดความเป็นได้ให้น้อยที่สุด

“ฉันไม่คิดว่ามันรบกวน ตราบใดที่เธอชอบ” น้ำเสียงของเจียงฉีพูดออกมาอย่างเป็นมิตร

เวินจิ้งกัดริมฝีปากและหลบสายตาของเขา

เธอหันหลังกลับไปที่หอพักโดยไม่พูดอะไรอีก

แต่เจียงฉีก็เรียกเธออีกครั้ง

“ฉันจะไปโรงพยาบาลเพื่อตามผลในวันพรุ่งนี้ ฉันอยากได้ใครสักคนอยู่เคียงข้าง”

“เพื่อนร่วมคณะจำเป็นต้องไปอยู่ข้างๆด้วยหรอ” เวินจิ้งขมวดคิ้ว

“ไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนฉันเวินจิ้ง มีแต่เธอเท่านั้น”

เวินจิ้งขมวดคิ้ว เธอรู้สึกถึงความโดดเดี่ยวของเจียงฉีเสมอ แต่เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะไม่มีเพื่อนอยู่รอบตัว

“เป็นไปได้ยังไง”

“เธอคิดว่าอย่างไงล่ะ” เจียงฉีมองไปที่เวินจิ้ง

เธอ … เธอจะรู้ได้อย่างไร

“อาจารย์มู่เคยตั้งเป้าโจมตีฉันมาก่อน”

เมื่อเจียงฉีพูดออกมา ใบหน้าของเวินจิ้งก็ซีดลง ก่อนเธอจะโพล่งออกมาว่า “มู่วี่สิงไม่ได้ตั้งเป้าโจมตีนาย”

“เมื่อก่อน ตอนนายถูกทำร้าย มู่วี่สิงเป็นคนช่วยคุณเคลียร์ความสัมพันธ์ ก่อนโทรแจ้งตำรวจ เขาไม่ต้องการทำร้ายคุณ” เวินจิ้งอธิบาย

“เวินจิ้งเธอยังไม่รู้จักเขาดี”

“เจียงฉี” เวินจิ้งโกรธเล็กน้อย

เธอทนไม่ได้ที่คนอื่นพูดเรื่องแย่ๆ เกี่ยวกับมู่วี่สิง

“ฉันขอโทษ ฉันอารมณ์ร้อนเกินไป” เจียงฉีหรี่ตาลงและลดน้ำเสียงลง

“เจียงฉี นายต้องการบอกว่า มู่วี่สิงเป็นคนยุยงให้นักศึกษามหาวิทยาลัย F เลิกคบกับนายอย่างนั้นหรอ” ดวงตาของเวินจิ้งกลายเป็นเย็นชา

เจียงฉีเม้มริมฝีปากของเขาโดยไม่ปฏิเสธ

“ทำไมเขาถึงต้องทำแบบนั้น”

“ใครๆก็ดูออก ความรู้สึกของฉันที่มีต่อเธอ” ความรู้สึกในดวงตาของเจียงฉีก็เปิดเผยออกมาอย่างตรงไปตรงมา จนเวินจิ้งรู้ตัว

เธอยืนอยู่กับที่นานมาก ก่อนจะได้สติกลับมา

มู่วี่สิงก็เตือนเธอเหมือนกัน

แต่เธอไม่เชื่อ

“เจียงฉีทำไมนาย …” เธอพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

คนที่เจียงฉีชอบคือหลิงเหยา

“ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่เวินจิ้งฉันชอบอยู่กับเธอมาก ถ้าอยู่กับเธอฉันจะผ่อนคลายและสบายใจมาก” เจียงฉีกำหมัดแน่น ดวงตาของเขาขมขื่น

แต่เวินจิ้งไม่เคยมองเขา

“หยุดพูดซะ” หลังจากพูดออกไป เวินจิ้งก็วิ่งกลับหอทันที

เธอไม่ต้องการฟังอะไรทั้งนั้น

เธอเปิดโทรศัพท์โทรไปหามู่วี่สิง แต่สายของเธอก็ยังคงถูกโอนไปยังกล่องจดหมายข้อความดังเดิม

ตามข้อมูลเที่ยวบินที่ให้มาโดยเกาเชียน ตอนนี้มู่วี่สิงยังไม่ลงเครื่อง

เธอหลับตาลง และคำพูดของเจียงฉีก็ดังขึ้นในใจของเธออีกครั้ง

ไม่ไม่…

เพียงแค่เจียงฉีพูดแบบนั้นออกมา แน่นอนว่าทุกคนจะไม่สงสัยอะไรเลย

เวินจิ้งนอนอยู่บนโต๊ะ ไม่รู้ว่าเธอหลับไปตอนไหน และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาเช้าวันรุ่งขึ้น ก็มีสายที่ไม่ได้รับหลายสาย เธอจึงโทรกลับในทันที

“มู่วี่สิง” เวินจิ้งเรียกเขา

“ไม่สบายเหรอ” มู่วี่สิงได้ยินเสียงขึ้นจมูกของเธอ

“สบายดี … ฮัจชิ่ว!” ก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอก็จามออกมาด้วยความหนาวซะก่อน

เมื่อคืนเธอนอนหลับอยู่บนโต๊ะ โดยที่เธอไม่ได้ห่มผ้าด้วยซ้ำ เธอน่าจะเป็นหวัด

“จิ้งจิ้ง ฉันจะให้บอดี้การ์ดไปซื้อยาให้เธอ”

“ไม่ต้อง ฉันจะซื้อเอง แล้วทำไมคุณจะไม่อยู่ตั้งหลายวันไม่บอกฉัน”

เวินจิ้งพูดอย่างไม่พอใจ

“เมื่อวานคุณบอกว่าอย่ารบกวน” น้ำเสียงของมู่วี่สิงสลดลง

เวินจิ้งรู้สึกผิดมากขึ้นที่พูดอย่างนั้นออกไป แต่เธอพูดแบบนั้นเพียงเพราะเธอต้องการทำการบ้านให้เสร็จโดยเร็วที่สุด

เธอจะรู้ได้ไงว่ามู่วี่สิงจะไปทำธุระกะทันหัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท