Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 634

ตอนที่ 634

บทที่ 634 ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะมาก็มา

เวินจิ้งมีคำพูดในใจมากมายที่อยากจะถาม อยากถามถึงสาเหตุการเสียชีวิตของโจวหย่าน อยากถามว่าเขาตกลงปลงใจกับหลิงเหยาแล้วใช่ไหม แล้วเด็กคนนั้นใช่ลูกเขาหรือเปล่า แล้วเขากับไป๋ซีตอนนี้คือสถานะแบบไหนกัน

เพียงแต่ว่าเธอไม่รู้จะถามคำถามเหล่านี้กับเขาในฐานะอะไร แล้วถ้าคำตอบที่ได้หากทำให้เธอเสียใจ อย่างนั้นแล้วสู้ไม่ทราบอะไรตั้งแต่ต้นไม่ดีกว่าหรือ

“อย่ารอให้บริษัทหลินซื่อล้มก่อน แล้วค่อยมาเสียใจทีหลัง”

มู่วี่สิงหันหลังกลับแล้วได้หายไปจากสายตาของเวินจิ้งในทันใด

แต่ว่าคำพูดของเขายังคงฝังผลึกอยู่ในใจของเวินจิ้ง ทำให้รู้สึกชาไปทั้งตัว

เวลานี้โทรศัพท์ได้ดังขึ้น เป็นสายโทรเข้าจากโจวเซิ่ง

“พ่อ”

“เสี่ยวจิ้ง ผมอาจจะไม่สามารถกลับไปประเทศFได้ในเร็วๆนี้ แต่ว่าวางใจได้ ไอ้สารเลวโจวเซินก็ไม่สามารถกลับไปได้เช่นกัน ส่วนเวยเวยแม่ของหนูคงต้องให้ฝากหนูดูแลไปก่อนนะ”

“ได้ค่ะ ไม่ทราบว่าประสบกับปัญหาอะไรหรือคะ” เวินจิ้งถามด้วยความเป็นห่วง

“อืม ตอนนี้ผมได้มัดตัวไอ้ลูกไม่รักดีไว้แล้ว อำนาจต่างๆในฝั่งยุโรปผมจะค่อยๆริบคืนมาจากมือของเขา

เวินจิ้งประหลาดใจ ไม่คิดว่าโจวเซิ่งจะสามารถทำถึงเพียงนี้

ตระกูลโจวมีเพียงโจวเซินที่เป็นลูกชายคนเดียว เดิมทีทุกอย่างของตระกูลโจวนั้นจะตกทอดไปสู่เขา แต่ว่าโจวเซิ่งจะริบคืนทุกสิ่งอย่างมาจากมือของเขา ถ้าอย่างนั้นต่อไปสิ่งเหล่านี้จะตกทอดไปถึงใคร

ถึงอย่างไรนี่ไม่ใช่สิ่งที่เวินจิ้งเป็นกังวลในตอนนี้ สิ่งที่เธอเป็นกังวลที่สุดคือการที่โจวเซินอาจเปิดเผยหลักฐานที่ซัดทอดเอาความผิดแม่ของเธอ

ถ้าหากเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโจวเซิน อย่างนั้นก็จะสามารถรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาความผิดเขาได้

แต่ว่าโจวเซิ่งกับโจวเซินเป็นพ่อลูกกัน โจวเซิ่งคงไม่อาจจะทำแบบนี้ได้ลงคอ

เมื่อวางสายลง แต่จิตใจเวินจิ้งยังไม่สงบลง

แม่คือผู้ถูกใส่ร้าย ผู้กระทำผิดตัวจริงคือโจวเซินต่างหาก

แต่แค่อาศัยความสามารถของเธอที่มีในตอนนี้ ก็ไม่เพียงพอที่จะสามารถสืบค้นความจริงอะไรได้

ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงหซู่เฟินขึ้น บางทีให้เธอช่วยสืบค้นคงจะดีไม่น้อย

ประสิทธิภาพของหซู่เฟินน่าจะได้ข้อมูลที่เร็วกว่า แต่ว่าความเคลื่อนไหวของโจวเซินดำเนินการอยู่เมืองนอกทั้งหมด ดังนั้นจะให้สืบค้นหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์นั้นโอกาสช่างน้อยเหลือเกิน

“คุณเวินคะ ฉันคิดว่าคงจำเป็นต้องใช้คนจากต่างประเทศมาช่วยในการสืบค้นถึงจะได้ข้อมูล” หซู่เฟินพูดอย่างลำบากใจ

เวินจิ้งกดเข้าหว่างคิ้วด้วยความตึงเครียด “คุณออกไปก่อน”

เธอผลักกองเอกสารที่อยู่ตรงหน้าออก สมองเหมือนถูกมัดปมไว้ เธอจึงผ่อนคลายด้วยการดูข่าวสารไปเรื่อยๆสักพัก

แต่ว่าสายตาของเธอได้จดจ่อเข้ากับข่าวสารที่เกี่ยวกับเขตขั้วโลกเหนือ

“มีกลุ่มนักวิชาการที่มีชื่อเสียงของทีมวิจัยและพัฒนาได้ติดอยู่ในธารน้ำแข็งเขตขั้วโลกเหนือตอนนี้ การให้การช่วยเหลือยังคงยากลำบากมาก…..”

มือที่จับเมาส์ไว้ได้แข็งทื่อ เธอนึกขึ้นทันทีว่าหยูจิ่งห้วนนั้นก็อยู่เขตขั้วโลกเหนือในตอนนี้

และตอนนี้หยูจิ่งห้วนก็ไม่ติดต่อเธอมานานแล้ว เวินจิ้งจึงได้รีบโทรหาเขาผ่านทางอินเทอร์เน็ตทันใด แต่ว่าสัญญาณฝั่งทางโน้นไม่ค่อยดี และไม่การตอบรับใดๆ

เธอขมวดคิ้ว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะทำให้จิตใจสงบได้

เขาอีกนานแค่ไหนถึงจะได้กลับมา แล้วเมื่อไรถึงจะสามารถยืนยันรายชื่อนักวิชาการเหล่านี้ได้

คิดแล้วคิดอีก ตอนนี้หยูจิ่งห้วนทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลหนานเฉิง มีมู่วี่สิงเป็นผู้อำนวยการในขณะนี้ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับหยูจิ่งห้วน เป็นไปไม่ได้ที่มู่วี่สิงจะไม่ทราบเรื่อง

เธอรีบหยิบกระเป๋าและออกไปทันที ปลายทางที่เธอมุ่งไปคือโรงพยาบาลหนานเฉิง

เป็นช่วงกลางวันพอดี พระอาทิตย์ที่สาดส่องเจิดจ้าลงมาอย่างแผดเผา

มู่วี่สิงที่ยังคงทำงานอยู่ ดังนั้นเธอจึงมุ่งหน้าไปที่แผนกประสาทวิทยา เพื่อถามพยาบาลถึงได้รู้ข้อมูลว่าวันนี้มู่วี่สิงมีภารกิจการผ่าตัด และใช้เวลาอีกนานกว่าจะแล้วเสร็จ

เธอทำได้แค่เพียงนั่งรออยู่ที่ระเบียงทางเดิน เวลาแต่ละนาทีได้เดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพระอาทิตย์ลับไปท้องฟ้าได้มืดสนิทลง

เธอติดตามข่าวคราวจากอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา แต่ว่าตอนนี้ยังคงไม่มีอะไรที่คืบหน้า และยังคงไม่มีการประกาศรายชื่อผู้ที่ติดอยู่ในนั้น

เธอนั่งอยู่ไม่ติดที่ จึงเดินไปเดินมาที่ระเบียงทางเดิน ในที่สุดเวลาใกล้จะเที่ยงคืนมู่วี่สิงก็ออกมาจากห้องผ่าตัด

เธอรอให้เขาคุยอธิบายอาการคนไข้ให้ครอบครัวฟังเสร็จก่อน เวินจิ้งถึงได้ก้าวเข้าไปหาเขา

เมื่อเห็นเวินจิ้ง มู่วี่สิงถึงกับขมวดคิ้ว “มีเรื่องหรือ”

“ใช่ค่ะ ฉันต้องการอยากจะคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว”

เวินจิ้งเดินตามมู่วี่สิงไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการที่อยู่ชั้นบนสุด ชายคนนั้นได้ถอดเสื้อกาวน์ของหมอออก เผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ห่อหุ้มร่างกายที่แน่นตึงไว้ เขาได้ทำการปลดกระดุมเม็ดบนออก ลูกกระเดือกที่เซ็กซี่ของเขาได้กระดกไปมา

สายตาของเวินจิ้งจ้องจดจ่ออย่างไม่ละสายตา

“พูดมาครับ” มู่วี่สิงทำการพับแขนเสื้อขึ้น แล้วนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ตรงข้าม

และตรงหน้าเขายังมีเอกสารกองหนาวางอยู่ ดูเหมือนจะเป็นเอกสารที่เขาต้องจัดการ

“คุณมีข่าวคราวเกี่ยวกับหยูจิ่งห้วนไหม” เวินจิ้งถามเขาด้วยความกระสับกระส่าย “ฉันเห็นข่าวว่ามีคนติดอยู่ที่เขตขั้วโลกเหนือ…..”

“คุณคิดว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับเขาหรือ” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา

“ฉันแค่เป็นห่วง…..” สีหน้าเวินจิ้งซีดเซียว

“ผมขอโทรศัพท์สักครู่” มู่วี่สิงโทรศัพท์หาเกาเชียนอย่างรวดเร็ว

เวินจิ้งที่ก้มหน้าอยู่ กุมมือบีบนิ้วอย่างกระวนกระวาย จนกระทั่งมู่วี่สิงวางโทรศัพท์ลง

“ผู้ที่ติดอยู่ในนั้นเป็นบุคลากรที่เป็นทั้งศาสตราจารย์และแพทย์ของทีมวิจัยและพัฒนาโรงพยาบาลหนานเฉิงจริง” เรื่องด่วนเช่นนี้มู่วี่สิงควรจะได้รับแจ้งตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว แต่เป็นเพราะเขาติดภารกิจการผ่าตัด

ได้ยินดังนั้นเวินจิ้งถึงกับถอดสีหน้า “แล้วเมื่อไรจะสามารถให้การช่วยเหลือออกมาได้ จิ่งห้วนเขา…..”

“ดูเหมือนคุณจะเป็นห่วงเขาจริงๆ”น้ำเสียงมู่วี่สิงที่บ่งบอกเชิงแน่ใจ

เวินจิ้งกัดปาก และไม่มีการปฏิเสธแต่อย่างใด

“เขาเป็นแฟนของฉัน” เสียงของเวินจิ้งที่ค่อนข้างดังในตอนนี้

มู่วี่สิงกลับหัวเราะออกมาด้วยความเย็นชา “ถ้าหากผมบอกว่าเขาอาจจะไม่สามารถกลับมาได้แล้วละ”

ดวงตาเวินจิ้งเบิกกว้าง สีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

“เป็นไปไม่ได้” เธอพูดอย่างหนักแน่น

“มู่วี่สิง เขาเป็นลูกน้องของคุณ คุณส่งคนไปช่วยเขาสิ!”เวินจิ้งพูดด้วยความโกรธ

แต่ว่าชายที่เธอเผชิญหน้าอยู่กลับยังคงสงบนิ่ง

“ตอนนี้สนามบินเขตขั้วโลกเหนือได้ถูกปิดระงับ นอกจากหน่วยกู้ภัยแล้วก็ไม่มีใครที่จะสามารถเข้าไปได้”

“ตอนนี้คุณจึงทำได้แค่เฝ้าดูอย่างนิ่งดูดายอย่างนั้นสิ”

“คุณเวิน ผมคิดว่าตอนนี้คุณควรจะสงบสติอารมณ์ให้ใจเย็นก่อน” มู่วี่สิงได้ถือน้ำเย็นแก้วหนึ่งมาให้เธอ

เวินจิ้งที่กำลังหอบอยู่ เธอรับไม่ได้กับท่าทีที่สงบนิ่งไม่รู้สึกรู้สาของมู่วี่สิง

หยิบแก้วน้ำที่อยู่ตรงหน้าขึ้นแล้วดื่มจนหมด

“คุณคิดจะทำอย่างไรต่อไป” เธอถามขึ้นด้วยอารมณ์ที่เย็นลง

มู่วี่สิงเอนกายอย่างขี้เกียจลงบนโซฟา แล้วจ้องดูโทรศัพท์ เกาเชียนที่กำลังรายงานสถานการณ์ความคืบหน้าในเขตขั้วโลกเหนือให้เขาได้รับทราบ

“รอ”

“รอไม่ได้ จิ่งห้วนอาจได้รับอันตรายได้” เวินจิ้งบ่นพึมพำ “คุณเป็นคนส่งเขาไปทำงานนอกสถานที่ คุณก็ต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของเขา”

“แล้วไง หรือคุณเวินจะไปเขตขั้วโลกเหนือด้วยตัวเอง” มู่วี่สิงเงยหน้าขึ้นในทันใด

ดวงตาที่เฉียบคมของเขา “เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยของเขตขั้วโลกเหนือกำลังให้การช่วยเหลือแล้ว สิ่งที่พวกเราทำได้มากสุดในตอนนี้คือ รอฟังข่าวคราว”

เวินจิ้งกัดริมฝีปาก เธอเข้าใจความหมายของมู่วี่สิง

เป็นเพราะเมื่อสักครู่เธอใจร้อนมากไปจริงๆ ถึงได้มาหาเขา แต่ลึกๆภายในใจของเธอ เขานั้นยังคงเป็นคนที่เธอให้ความเชื่อใจได้มากที่สุด

จิตใต้สำนึกเช่นนี้ ให้เธอขจัดทิ้งอย่างไรก็ขจัดทิ้งไม่ได้

“ฉันทราบแล้ว” จบประโยค เธอหันหลังเพื่อจะกลับ

เพียงแต่มู่วี่สิงได้เรียกเธอให้หยุด

“ที่ที่ของผม ไม่ใช่ที่ที่คุณนึกอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป” คำพูดของชายคนนั้นฟังแล้วชวนขนลุก

เวินจิ้งตัวแข็งทื่อไปทั้งตัว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท