Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 648

ตอนที่ 648

บทที่ 648 นับวันยิ่งเข้มแข็ง

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ หัวใจของเวินจิ้งก็ว่างเปล่าไปหมด เธอรู้ว่าคืนนี้ตัวเองต้องนอนไม่หลับแน่ๆ ดังนั้นจึงไปจัดการเรื่องงานแทน

เพียงแต่ว่าหลังจากเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา ก็อดไม่ได้ที่จะค้นหาข่าวที่เกี่ยวกับตัวเอง

ไม่กี่วันก่อน ชื่อของเธอถูกทำข่าวบนหน้าเว็บไซต์ไปแล้วมากกว่าร้อยหน้า ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวที่เธอเข้าไปสอดแทรกความสัมพันธ์ของมู่วี่สิงกับหลิงเหยา แต่ว่าตอนนี้ข่าวคราวพวกนั้นกลับไม่มีแล้ว หายไปราวกับว่าไม่เคยเป็นข่าวมาก่อน

ขนาดกดเข้ามาแล้วหลายเว็บ ก็ยังไม่เจออะไร

แต่กระนั้นเวินจิ้งกลับไม่สบายใจเพราะเรื่องนี้เลยสักนิด ตกลงแล้วที่มู่วี่สิงทำแบบนี้เพราะแคร์ความรู้สึกของหลิงเหยา กลัวว่าข่าวพวกนั้นจะกระทบต่ออารมณ์ของหลิงเหยาสินะ?

แต่ว่าจริงๆแล้ว คนที่รู้เรื่องนี้ก็มีไม่น้อยเลย หลังจากอั้ยเถียนรู้เรื่องก็โทรมาหาเธอทันที แต่แม้แต่ตัวเวินจิ้งเองก็ยังไม่รู้ว่าต้องอธิบายยังไงดี

บางที มันไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเลยก็ได้ เพราะเธอทำอย่างนั้นจริงๆนี่นา

ในตอนที่ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นมา เวินจิ้งยังคงนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานเหมือนเคย เธอไม่ได้หลับเลยสักนิด

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงโทรศัพท์มาดึงสติเธอ เป็นสายจากเกาเชียน โทรมาบอกเรื่องการเดินทางของมู่วี่สิง “เขาต้องไปร่วมประชุมที่ต่างประเทศ คงไม่ได้อยู่ประเทศFราวๆเดือนหนึ่งนะครับ”

ก็คือจะบอกว่าเธอไม่ต้องมาอยู่ที่คอนโดแห่งนี้แล้วใช่ไหม?

เธอกดวางสายเงียบๆ ในตอนนี้รู้สึกโล่งใจลงไปเยอะเลย

เก็บของอยู่สักพัก ไม่นานเธอก็มาถึงที่บริษัทหลินซื่อ จากนั้นก็หมกมุ่นอยู่กับการทำงานทั้งวัน

ตอนแรกเธอคิดว่าวันนี้ต้องรู้สึกไม่สบายเพราะเมื่อวานไม่ได้นอนทั้งคืน แต่ก็เหมือนร่างกายของเธอจะชินกับการอดหลับอดนอนแบบนี้ไปแล้ว ตรงกันข้ามนับวันก็ยิ่งเข้มแข็งขึ้น

แผลน้ำร้อนลวกบนมือค่อยๆยุบลง แต่สีมันค่อนข้างจะดูน่าเกลียดไปหน่อย เพราะว่าทายาแล้ว เธอจึงไม่รู้สึกเจ็บอะไรมาก

นั่งทำงานทั้งวันจนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนถึงช่วงใกล้จะเลิกงาน หซู่เฟินก็เคาะประตูแล้วเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดูไม่ได้

“มีเรื่องอะไร?” เวินจิ้งยุ่งอยู่กับงานจนไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมอง

“รองประธานเว่ยเซวียนที่ทำงานด้วยกันมาตลอด วันนี้พูดถึงเรื่องลาออกด้วยล่ะ” หซู่เฟินถอนหายใจ

ได้ยินแบบนี้เวินจิ้งถึงได้เงยหน้าขึ้น ตอนนี้คนสำคัญของบริษัทเหลือไม่เยอะแล้ว เพราะมีเรื่องเกิดขึ้นกับบริษัทหลินซื่อ คนลาออกจากงานจึงมีไม่น้อยเลย แต่ว่าเว่ยเซวียนกับหซู่เฟินต่างก็เป็นคนที่คอยควบคุมกิจการทั้งหมดของบริษัทหลินซื่อ ถ้าเว่ยเซวียนลาออก คงมีผลต่อบริษัทหลินซื่อไม่น้อยเลย

“สาเหตุคืออะไร?”

“บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปฉกไปน่ะสิ” หซู่เฟินลอบมองสีหน้าของเวินจิ้งอย่างระมัดระวัง และก็เห็นสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างที่คิดเอาไว้

เวินจิ้งมุ่นคิ้ว ก่อนหน้านี้บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปยังช่วยเหลือบริษัทหลินซื่ออยู่เลย แล้วตอนนี้จู่ๆก็มาฉกเอาพนักงานไปหน้าตาเฉยเนี่ยนะ?

มู่วี่สิงหมายความว่ายังไงกันแน่?

“คุณออกไปก่อน” ผ่านไปนานเวินจิ้งถึงได้สงบลง จากนั้นก็ออกคำสั่ง

หซู่เฟินพยักหน้า “ในเมื่อเว่ยเซวียนจะลาออก งั้นฉันจะไปหาดูว่ามีใครเหมาะพอที่จะเลื่อนขึ้นมาตำแหน่งนี้ไหม แต่ว่าเว่ยเซวียนกุมข้อมูลของบริษัทไว้ไม่น้อยเลย ฉันกลัวว่า……”

“อืม ฉันรู้” เวินจิ้งหลับตา ในหัวตีกันยุ่งเหยิงไปหมด เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างหงุดหงิด จากนั้นก็ต่อสายหาเบอร์ที่คุ้นเคยอย่างไม่คิดลังเล

ขณะเดียวกัน มู่วี่สิงกำลังมาทำงานนอกสถานที่ที่ต่างประเทศ เพิ่งเข้าร่วมงานเลี้ยงเสร็จ และเพราะดื่มเหล้ามานิดหน่อย จึงรู้สึกค่อนข้างจะไม่สบายตัว

เมื่อเห็นว่าเวินจิ้งโทรมา เขาก็ชะงักนิ่ง จากนั้นเสียงที่นานๆทีจะเผยความอบอุ่นออกมาก็ดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบา “จิ้งจิ้ง มีอะไร?”

เกาเชียนคอยสังเกตการณ์อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นบอสทำสีหน้าอ่อนโยน ก็เดาได้ในทันทีว่าเป็นเพราะเวินจิ้ง จึงเลี่ยงออกมายืนอยู่บริเวณไกลๆ

ด้านเวินจิ้งกลับส่งเสียงหัวเราะเย็นๆออกมา เอ่ยถามเข้าประเด็นทันทีว่า “ทำไมบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปต้องมาชิงตัวรองประธานของบริษัทหลินซื่อไปด้วย?”

ได้ยินดังนั้น รอยยิ้มบนมุมปากของมู่วี่สิงก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเส้นตรง ดวงตากลับไปคมกริบเหมือนอย่างเคย จากนั้นก็พูดเนิบๆว่า “แล้วยังไง?”

“ก็คือ คุณยอมรับแล้ว?” เวินจิ้งพยายามใจเย็น แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่อาจปกปิดความดุดันในน้ำเสียงเอาไว้ได้

“เว่ยเซวียน……เหมือนผมจะเคยได้ยินชื่อนี้ ถ้าบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะชิงตัวมาจริงๆ มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?” เขากล่าวออกมาด้วยท่าทีเฉยเมย

“มู่วี่สิง อย่าลืมว่าคุณร่วมลงทุนกับบริษัทหลินซื่อด้วย ถ้าบริษัทหลินซื่อขาดทุน คุณก็จะขาดทุนด้วยเหมือนกัน!” เวินจิ้งพูดออกมาอย่างหลุดการควบคุม

หลังจากพูดจบ เธอก็คิดอะไรขึ้นได้

บางทีที่มู่วี่สิงลงทุนกับบริษัทหลินซื่ออาจจะแค่อยากปั่นหัวเธอเล่นก็ได้ เงินกู้แค่ไม่กี่ร้อยล้าน เกรงว่าคุณหมอมู่คงไม่เก็บมาใส่ใจหรอก

เพราะถึงอย่างไรดูจากพื้นเพฐานะของเขาแล้ว สิ่งที่เขาไม่เคยขาดเลยก็คือเงิน

“คุณยังอยากให้ฉันทำยังไงอีก? มู่วี่สิง ฉันอุตส่าห์ยอมมาอยู่ข้างๆตามที่คุณบอกแล้วนะ…..” เสียงของเวินจิ้งอ่อนแรงลง

ตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยมากๆ เหนื่อยกว่าการต้องผ่าตัดวันเว้นวันซะอีก

เธอเหนื่อยใจ เหนื่อยที่ต้องถูกทรมาน

เพราะไม่อยากได้ยินเสียงของมู่วี่สิงอีกแล้ว เธอจึงตัดสายโทรศัพท์ไปอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน สีหน้าของมู่วี่สิงก็ดำคล้ำเครียดจนดูน่ากลัว ริมฝีปากบางถูกเม้มไว้แน่น แรงโทสะแทบจะระเบิดออกมา

ผ่านไปนาน เขาถึงได้ค่อยๆกดหมายเลขโทรศัพท์ของส้งวี้

“นายอธิบายเรื่องของเว่ยเซวียน มา”

“ฉันอยากได้เขามาร่วมทีมค้นคว้ายาตัวใหม่ด้วย ฉันนึกว่านายจะไม่สนใจเรื่องนี้ซะอีก”

“เขาเป็นคนของบริษัทหลินซื่อ”

“นายสงสารเหรอ?” น้ำเสียงของส้งวี่ทุ้มเย็น

มู่วี่สิงไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็กดวางสายในทันที

สงสารงั้นเหรอ…..ไม่ เขาไม่ได้สงสาร

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ส่งข้อความไปหาเวินจิ้งในทันที: มาหาผม

ท้ายข้อความเขาแนบที่อยู่ของตัวเองไปด้วย

เพียงแต่ว่าเรื่องที่ทำให้มู่วี่สิงประหลาดใจก็คือ ตอนที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ตอนแรกเขาคิดว่าจะได้รับข้อความตอบกลับจากเวินจิ้ง หรือไม่ก็ได้รับข้อความจากเกาเชียนฝากไว้ว่า “คุณเวินมาถึงแล้วนะครับ พักอยู่ห้องถัดไป” หรือไม่ก็ “ตั๋วเครื่องบินไฟลท์เมื่อคืนจองไม่ทัน เพราะงั้นคุณเวินถึงเพิ่งมาถึงเมื่อเช้าครับ”

มู่วี่สิงนั่งพิงหัวเตียงอยู่คนเดียว จากนั้นก็มองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้งอย่างผ่านๆ แต่ก็พบว่าไม่มีข้อความอะไรเลย

เขาแกะชุดนอนแบบคลุมออกจากนั้นก็ลุกขึ้น หลังจากอาบน้ำกินข้าวเช้าเสร็จ เกาเชียนถึงได้โทรมาหา

เขาเข้าใจความคิดของบอสดีกว่าใคร หลังจากที่รายงานตารางการเดินทางในวันนี้เสร็จสิ้น เขาก็เผลอพูดขึ้นมาว่า “เมื่อวานคุณเวินปิดโทรศัพท์ ตอนนี้ยังติดต่อไม่ได้เลยครับ”

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว จากนั้นก็ขานรับอย่างเฉยชา

ตารางเดินทางในวันนี้ยุ่งมาก ในระหว่างที่พักเบรกการประชุม เกาเชียนก็มีเรื่องมารายงานเขาอีกหนึ่งเรื่อง

“คุณหยูบอกว่าไม่ค่อยสบาย เลยมาไม่ได้ครับ”

เขาพยักหน้าให้อย่างเฉยชาเหมือนอย่างเคย

จากนั้น เกาเชียนก็ลังเลอยู่สักพัก จากนั้นก็เอ่ยพูดขึ้นมาอย่างยากลำบาก “คุณเวินลงจากเครื่องเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว แต่ว่าเธอไม่ได้เข้าพักที่โรงแรมครับ”

นิ้วมือเรียวยาวกุมแก้วไวน์เอาไว้ จากนั้นชายหนุ่มก็โคลงแก้วเล่นอย่างช้าๆ จนของเหลวสีอำพันสั่นไหวระลอกเป็นชั้นๆ

เขาไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “รู้แล้ว”

ช่วงเย็นหลังจากประชุมเสร็จ มู่วี่สิงก็ขึ้นมานั่งบนรถ ความมืดแทบจะปกคลุมสีหน้าของเขาเอาไว้ได้ทั้งหมด

เมื่อไฟเขียวเปลี่ยนเป็นไฟแดง รถหรูก็ค่อยๆจอดลง

วินาทีต่อมา จู่ๆเขาก็บอกชื่อโรงแรมอีกแห่งหนึ่งกับคนขับรถขึ้นมาอย่างกะทันหัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท