Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 650

ตอนที่ 650

บทที่ 650 บางทีเขาอาจจะเกลียดเธอก็ได้

มู่วี่สิงยิ้ม จากนั้นก็ยกหัวเวินจิ้งให้หนุนแขนตัวเอง แล้วโอบกอดเธอเข้ามาในอ้อมแขนอย่างเต็มตัว ริมฝีปากบางจูบลงบนระหว่างคิ้วของเธออย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ปิดตาลงไปเช่นเดียวกัน

ค่ำคืนนี้เงียบสงบและเนิ่นนาน คนข้างๆหลับสนิทไปแล้ว ส่วนเธอยังคงอยู่ในอ้อมกอดของเขา ลมหายใจคงที่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่าดวงตากลับลืมตาแป๋วอยู่ตลอด

ตอนที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เวินจิ้งพลิกตัวกลับมาด้านข้าง ก็พบว่าชายหนุ่มข้างกายยังไม่ลุกจากที่นอน เขาโอบเธอไว้ครึ่งตัว จากนั้นก็จูบลงบนระหว่างคิ้ว “ตื่นแล้วเหรอ?”

ท่าทางเธอยังดูงัวเงีย เหมือนกับว่าลืมไปแล้วว่าตัวเองอยู่ที่ไหนไปชั่วขณะหนึ่ง

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป แล้วก็ฝากหยิบเสื้อผ้ามาให้ผมด้วย”

“อะไรนะ?”

“เดี๋ยวสักพักเสื้อผ้าผมก็จะส่งมาแล้ว” เขาบีบแก้มเธอเบาๆ “เมื่อวานผมไม่ได้เอาอะไรมาด้วย”

เวินจิ้งขานรับ เพิ่งล้างเสร็จได้ไม่นานก็มีคนมากดออดหน้าห้อง

เธอไปรับของมา จากนั้นก็ส่งไปให้มู่วี่สิง “วันนี้คุณยุ่งไหม?”

“ไม่ค่อย”

เขาจัดการตัวเองเสร็จ ก็มองไปทางเวินจิ้งที่กำลังแต่งหน้าอยู่หน้ากระจก

เธอแต่งหน้าไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่มักจะเปลือยหน้าสด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ชอบลุคใสๆของเธออยู่ดี

เวินจิ้งเขียนแค่คิ้ว ไม่ได้ปล่อยให้เขารอนานเท่าไหร่นัก จากนั้นก็พากันออกไปกินข้าวเช้าด้วยกัน

ชั้นบนสุดของร้านอาหาร มู่วี่สิงอ่านดูข่าวบนไอแพด พร้อมทั้งจิบกาแฟไปด้วย จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาว่า “เรามาคุยกันดีกว่า”

“คุยอะไร?”

“ผมรู้ว่าคุณไม่เคยอยากรับช่วงต่อบริษัทหลินซื่อ แต่จากอาการป่วยของหลินเวยในตอนนี้ เกรงว่าหลังจากที่หายดีก็ไม่เหมาะที่จะโหมงานหนักสักเท่าไหร่ ตอนนี้ตระกูลโจวก็ใกล้จะถูกโจวเซินควบคุมเอาไว้ได้เกือบทั้งหมดแล้ว ผมคิดว่า คุณก็คงไม่เชื่อใจเขาหรอกใช่ไหม” ภายใต้แสงอาทิตย์ยามเช้า สายตาของชายหนุ่มทอประกาย เชิ้ตสีขาวถูกสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวสีน้ำตาลอ่อน เขากระตุกริมฝีปากขึ้นพูดว่า “จะดีกว่าไหม ถ้ารวมบริษัทหลินซื่อให้เป็นหนึ่งเดียวกับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป”

เวินจิ้งชะงัก วิธีนี้…..ก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดี

เดิมทีบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็ลงทุนให้บริษัทหลินซื่ออยู่แล้ว ยังไงบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็คงมีผลต่อแผนงานของบริษัทหลินซื่อเหมือนเดิมอยู่ดี อาจถึงขนาดสามารถควบคุมบริษัทหลินซื่อได้อย่างง่ายดาย

ถึงยังไง สถานการณ์มันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว

แต่เธอก็รู้ว่า แม่คงไม่เห็นด้วยแน่

“ฉันขอเวลาตัดสินใจหน่อยนะ” เวินจิ้งยังคงยิ้มออกมาจางๆ จากนั้นก็ช้อนตาขึ้นไปมองมู่วี่สิง “แต่คุณก็น่าจะรู้ คนในครอบครัวของฉันไม่น่าจะเห็นด้วย”

เวินจิ้งไม่มีอะไรให้ต้องปิดบัง จนถึงตอนนี้ เธอก็ยังเดาไม่ออกว่ามู่วี่สิงกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

ทั้งๆที่ลงทุนช่วยบริษัทหลินซื่อ แต่กลับแย่งคนในตำแหน่งสูงๆของบริษัทหลินซื่อไป นี่มัน….ลูบหลังแล้วค่อยตบหัวกันเหรอ?

อีกอย่างไม่ใช่ว่าเธอดูไม่ออก ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะทำเหมือนยังคงรักเธอเหมือนเมื่อก่อน เพียงแต่ว่า ถึงยังไงมันก็ไม่เหมือนเมื่อสามปีก่อนอีกแล้ว

บางทีเขาอาจจะเกลียดเธอก็ได้

แต่แล้วทำไมเขาต้องช่วยเธอด้วยล่ะ เพราะอยากช่วยบริษัทหลินซื่อเหรอ?

“อืม แต่ผมคิดว่า คุณน่าจะพอมีวิธี”

เวินจิ้งดึงริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “ฉันจะไปมีวิธีอะไรได้ล่ะ อีกอย่างตอนนี้ฉันกับคุณก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วด้วย ฉันไม่อยากให้แม่สงสัย”

แสงอาทิตย์นอกหน้าต่างส่องสว่างจ้าตา แต่ในตอนนี้นัยน์ตาของมู่วี่สิงกลับลึกล้ำจนยากจะคาดเดา

เขามองเวินจิ้งอยู่นาน สายตาเต็มไปด้วยแววสำรวจ แต่เธอก็เอาแต่ยิ้มอยู่ตลอด อีกอย่างในแววตายังคงพกพาความอ้อยอิ่งน่าดึงดูดมาด้วย

ในตอนที่เวินจิ้งช้อนตาขึ้นมา ก็พบว่ารอยยิ้มของมู่วี่สิงแผ่กระจายไปทั่วแววตา วินาทีนั้น เวินจิ้งก็รู้สึกราวกับว่ามู่วี่สิงคนก่อนได้กลับมาแล้ว

แต่ไม่นานเธอก็ก้มหน้าลง จากนั้นก็กินโจ๊ก เมื่อกี้ตัวเองอาจจะตาฝาดไปเอง น่าขำสิ้นดี

……

ในตอนที่เวินจิ้งถูกแสงไฟเรือนรางสาดส่องจนตื่นขึ้นมา เธอก็ค่อยๆลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า ภายในห้องเล็กๆแห่งนี้ มีแค่โคมไฟดวงเล็กที่อยู่ข้างๆโต๊ะเครื่องแป้งหนึ่งตัวข้างๆส่องสว่างอยู่

ไม่นานก็มีคนเดินเข้ามานั่งลงข้างเตียง มือใหญ่วางกั้นอยู่ตรงหน้าเวินจิ้ง จากนั้นก็พูดเสียงต่ำว่า “ผมทำคุณตื่นเหรอ?”

นิ้วมือของเขาเรียวยาว ทั้งยังมีกลิ่นมิ้นต์จางๆโชยติดมาด้วย ปะปนไปกับกลิ่นเย็นๆ จนทำให้เวินจิ้งตื่นเต็มตาขึ้นมาในทันที

เธอหดขาทั้งสองข้างขึ้นมา แล้วฝังหน้าไว้ในผ้าห่ม จากนั้นก็เหมือนจะจำขึ้นมาได้ลางๆว่าหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ มู่วี่สิงก็ออกไปประชุม ส่วนเธอก็กลับมานอนต่อที่ห้อง หลับจนถึงตอนนี้

นิ้วมือของเขาเสยผมเปียกชื้นที่ปกหน้าผากของเธอขึ้นอย่างแผ่วเบา สุดท้ายนิ้วมือของเขาก็เลื่อนมาหยุดอยู่ที่คางของเธอ จากนั้นก็เชิดดวงหน้าเล็กๆของเธอขึ้นมา นัยน์ตาลึกล้ำสบสายตากับเธอ “ฝันร้ายเหรอ?”

เวินจิ้งดันมือของเขาออก จากนั้นก็ซบตัวลงในอ้อมกอดของเขาอย่างเหนื่อยล้า “กี่โมงแล้ว?”

“สามโมง” ร่างกายของเธอนุ่มนิ่มทั้งยังมีกลิ่นหอมหวานติดมาด้วย มู่วี่สิงกระตุกริมฝีปากเอ่ยถามเธอว่า “เมื่อคืนนอนไม่พอเหรอ?”

เธอไม่ได้ตอบคำถามเขา ทำเพียงแค่ยื่นมือออกไปกอดเอวของเขาเอาไว้ พูดอ้อนๆว่า “ฉันหิวแล้ว”

มู่วี่สิงยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู พร้อมทั้งลูบผมของเธอเล่น “งั้นลุกขึ้น เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเราออกไปหาอะไรกินกัน”

เขาผละตัวจากเธอแล้วลุกขึ้น จากนั้นก็กลับมานั่งอ่านเอกสารที่โต๊ะทำงานต่อ

เวินจิ้งเลือกกระโปรงมาตัวหนึ่ง จากนั้นก็สวมใส่รองเท้าแตะแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

เพิ่งเดินเข้าไปได้ไม่ทันไร เธอก็เดินออกมาถามเขาว่า “คุณอาบน้ำเหรอ?”

ห้องน้ำที่นี่เทียบห้องน้ำที่โรงแรมหรูๆไม่ติดอยู่แล้ว เพราะมีแค่ฝักบัวอาบน้ำ ตอนนี้น้ำจึงกระเซ็นเต็มพื้นไปหมด จนไม่มีที่ให้เดิน

เวินจิ้งขมวดคิ้ว เมื่อเห็นสายตาสนุกๆของมู่วี่สิง “ทำไมต้องไปเปลี่ยนในนั้นด้วยล่ะ?”

เวินจิ้งชะงัก เงียบไปชั่วขณะ

“ผมไม่มองคุณหรอก” เขายิ้มออกมา จากนั้นก็หันหลังให้เธอตามที่พูดเอาไว้ ไม่ได้หันกลับมามองเลยสักนิด

ในห้องเงียบเชียบ มีแค่เสียงมู่วี่สิงเปิดเอกสาร และเสียงดังสวบสาบจากการเปลี่ยนเสื้อผ้า

นิ้วมือเรียวยาวของเขาเคาะลงบนโต๊ะเบาๆ ไม่ได้หันกลับไปมอง แต่เมื่อบังเอิญเงยหน้าขึ้นไปทางกระจกบนโต๊ะเครื่องแป้งก็เห็นว่าเธอกำลังปลดตะขอชุดชั้นในด้วยมือไม้พัลวัน

มู่วี่สิงไม่ได้เลื่อนสายตาหนี ชมเชยแผ่นหลังขาวดุจหิมะของเธออย่างเปิดเผย และกว่าเวินจิ้งจะรู้ตัว เขาก็มาหยุดยืนข้างหลังเธอแล้ว

เธอกำลังยุ่งอยู่กับการใส่ชุดชั้นในที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามู่วี่สิงมาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังตัวเองเสียแล้ว

“คุณ——“

“จิ้งจิ้ง ผ่อนคลาย……” เขาดึงเธอเข้าแนบอยู่ในอ้อมแขนของตัวเองอย่างใกล้ชิด มือข้างหนึ่งจับตะขอชุดชั้นในของเธอเอาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ แล้วเขาก็พูดเสียงเบาขึ้นมาว่า “ผมไม่ได้ตั้งใจแอบมองคุณนะ แต่ดูเหมือนคุณกำลังต้องการความช่วยเหลือ”

แต่ว่าผลลัพธ์ของความช่วยเหลือก็คือ…..ทั้งสองนัวเนียกันไปมาอยู่ในห้องเป็นเวลานาน……

นอกหน้าต่างยังคงมีฝนตกลงมาปรอยๆ อุณหภูมิภายในห้องกำลังพอดี เสื้อผ้าถูกถอดอยู่เต็มพื้น

เวินจิ้งหิวจนต้องหยิบโทรศัพท์มาสั่งอาหาร

สายตาของมู่วี่สิงยังคงเร่าร้อนเหมือนอย่างเคย ราวกับว่าไม่เคยหดหายไปเลยแม้แต่น้อย

เวินจิ้งเหนื่อยจนโมโห “มู่วี่สิง ฉันหิวจะตายแล้ว อย่ากวนได้ไหม!”

ได้ยินแบบนี้เขาถึงได้ปล่อยเธอไปในที่สุด เมื่อใส่เสื้อผ้าเสร็จ อาหารก็มาส่งพอดี เขาออกไปรับ จากนั้นก็นำมาวางไว้ข้างเตียงให้อย่างมีน้ำใจ

“เราต้องอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่?” เมื่อเวินจิ้งใส่เสื้อผ้าเสร็จ ก็นั่งขัดตะหมาดอยู่บนเตียง จากนั้นก็รีบหยิบก๋วยเตี๋ยวร้อนๆขึ้นมากิน

“วันมะรืน” มู่วี่สิงคิดอยู่สักพัก “จิ่งห้วนก็อยู่ที่นี่ เขาจะเข้าประชุมในครั้งถัดไปแทนผม”

ในตอนที่ได้ยินชื่อนี้ เวินจิ้งทำเพียงแค่ขานรับนิ่งๆ แต่ว่าสายตาของมู่วี่สิง กลับจดจ้องเธออยู่ตลอ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท