บทที่ 663 พวกเราไม่กลับมาคบกัน
มู่วี่สิงไม่ได้มองเธอ กำหมัดแน่น ไม่พูดสักคำ
ทำไมตอนแรกเวินจิ้งต้องจากไปกับโจวเซิน เขาไม่มีเวลาไปสอบสวน ข่าวการตายของมู่ซือซือเป็นเหมือนก้อนหินขนาดใหญ่ทับอยู่ในใจเขา เขาถึงขนาดไม่รู้ว่าจะควรทำอย่างไร
ความเย็นชาจากตัวเขา ในเวลานั้นเหมือนจะพังทลาย แต่ไม่ว่าเวินจิ้งกับโจวเซินจะเป็นอย่างไร เขาก็จะไม่ไปใส่ใจอีก
“ฉันไม่เคยคิดมาก่อน”เขาพูดน้ำเสียงเงียบสงบ
เวินจิ้งยิ้ม ตอนนี้ถึงได้มองชายเคยรักมากที่อยู่ต่อหน้าอย่างจริงจัง แล้วเอ่ยปากพูด“ความปรารถนาของฉันคือ หวังว่าต่อไปคุณจะไม่ปรากฏในชีวิตของฉันอีก”
น้ำเสียงของเธอเยือกเย็นยิ่งกว่าลมหนาว“ฉันอธิษฐานให้พระพุทธเจ้าคุ้มครอง ความปรารถนาของฉันอันนี้สามารถเป็นจริง”
ลมภูเขาอันเหน็บหนาวผ่านทะลุพื้นป่า ไม่มีที่สิ้นสุด สถานการณ์ยิ่งรุนแรง ในที่สุดสัตว์ปีกตัวหนึ่งตื่นตระหนก เงาดำร้องจากบนฟ้าอย่างรวดเร็ว
แสงในภูเขาค่อยๆมืดลง ตาของเวินจิ้งเหมือนกับถูกลมแรงขวางอยู่ ยิ่งนานยิ่งเจ็บ เจ็บจนอยากจะร้องไห้
เธอทำได้แค่หรี่ตา แต่มองรูปร่างและสีหน้าของมู่วี่สิงไม่ชัด
เขาในตอนนี้เสีหน้าเย็นชากว่าสามปีที่แล้ว
เธอยืนไม่ขยับ เขาก็เหมือนกัน จากที่เธอพูดเมื่อสักครู่นี้ เขาก็ไม่ขยับอีก
ดวงตาเขากำเงียบขรึมเหมือนหมึกสี แววตากลับเยือกเย็นเหมือนดาวที่อยู่ห่างไกล
ถึงตอนนี้ มองดวงตาดำของเขา เวินจิ้งยังเคลิบเคลิ้มอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เพียงแค่แสงขอบฟ้าค่อยๆเข้ม เธอไม่รอเขาตอบกลับ
เธอเม้มริมฝีปาก หมุนตัวอย่างเด็ดเดี่ยวไม่มองเขาอีก ลงเขาไปด้วยตัวคนเดียว
มู่วี่สิงอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากด้านหลังเธอ แต่หลังจากลงเขา เธอก็นั่งรถแท็กซี่กลับคนเดียว
เวินจิ้งกลับไปทำงานต่อที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว แค่มาทำงานวันแรก เธอก็ได้เจอคนที่รู้จัก
ตรงข้ามห้องตรวจโรค หยูจิ่งห้วนมาเปิดห้องตรวจโรคแต่เช้า เวินจิ้งชะงักฝีเท้า สายตามองอยู่นานไม่ได้เรียกกลับมา
“คุณหมอเวิน ช่วงที่คุณไม่อยู่นี้ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลให้ผมมาทำแล้ว……..”
“เขาเข้ามานานเท่าไหร่แล้ว?”เวินจิ้งขมวดคิ้ว
“หนึ่งอาทิตย์แล้ว”
แต่เวลานี้ หยูจิ่งห้วนมองเห็นเวินจิ้งได้ชัด ยิ้มเล็กน้อย เขาเดินไปทางเธอ บนใบหน้ายิ้มแย้ม
“กลับมาแล้วเหรอ?”เขาเหมือนไม่เห็นคนรู้จักทักทายกับเธอแบบนี้มานาน
“อืม ยินดีต้อนรับคุณเข้าทำงาน”เวินจิ้งยื่นมือออกไป
หยูจิ่งห้วนจับมือเย็นเฉียบของเธอ มองดวงตาดำของเวินจิ้ง รู้สึกข้างในนั้นมืดมน ไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย
เธอยิ้มอยู่ แต่เป็นรอยยิ้มที่ไม่มีจิตวิญญาณ
ตอนเช้าไม่เหมาะสมที่ทั้งจะคุยเรื่องในอดีต ตลอดจนถึงเลิกงานตอนเย็น หยูจิ่งห้วนนัดเวินจิ้งไปกินข้าวด้วยกัน
เขาไม่ได้ถามหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลแล้วเธอไปไหน อยู่กับเขา ยังคงผ่อนคลายเหมือนเมื่อก่อนเหมือนเดิม
“ทำไมถึงลาออกแล้วล่ะ?”เวินจิ้งถามเขา
“ทางนี้เงินเดือนสูง” หยูจิ่งห้วนหัวเราะ
เวินจิ้งมองชายที่อยู่ข้างกาย ถึงแม้ปกติหยูจิ่งห้วนจะแต่งตัวปกติไม่ได้หรูหรา แต่เขาไม่ใช่คนกระโดดมาเพื่อเงิน
“โรงพยาบาลหนานเฉิงค่าตอบแทนไม่ได้เลวนิ”เวินจิ้งพูด
“ทำไม? ไม่อยากทำงานโรงพยาบาลเดียวกันกับผมเหรอ?” หยูจิ่งห้วนพูดหยอกเล่น
“ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน ฉันละอยากมากๆ”
“ช่วงนี้ร่างกายฟื้นตัวดีรึยัง?”เขาถามด้วยความห่วงใย
“ดีขึ้นมากแล้ว ฉันพักผ่อน…..นานพอแล้ว”
ทั้งสองกินข้าวมื้อเย็นอย่างมีความสุข หยูจิ่งห้วนร่าเริงตลอด กวาดเอาความกระวนกระวายใจของเวินจิ้งก่อนหน้านี้ไป
อยู่จากนี้ไม่ไกล สายตาที่เคร่งขรึมมองมาที่ร่างผมบางนั้น ขมวดคิ้วเล็กน้อย
จริงๆแล้วตอนนี้เธอ ก็มีความสุขได้ขนาดนี้
แค่คนที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่เขา
สายตาอันห่อเหี่ยวผ่านไป ทันใดนั้นเขาก็ไม่มีความรู้สึก ลุกขึ้นแล้วจากไป
เวินจิ้งฟังหยูจิ่งห้วนพูดว่าตัวเองเจอกับคนป่วยแปลกๆ ไม่ได้ทันเห็นมู่วี่สิง แต่หยูจิ่งห้วนนั่งตรงข้ามประตู ดังนั้นเลยเห็นมู่วี่สิงจากไป
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย มือจับแก้วแน่น
สายตามองกับเวินจิ้งนั้น สีหน้าไม่แตกต่างกัน
ในเวลานี้ โรงพยาบาลหนานเฉิง
เวินจิ้งพึ่งกลับมาที่ห้องทำงาน ลี่หนานเฉิงนั่งอยู่บนโซฟา เห็นได้ชัดว่ารอเขา
“มาได้อย่างไงเนี่ย?”
ก่อนหน้านี้ลี่หนานเฉิงอยู่เมืองหนาน แต่ช่วงนี้บริษัทลี่ซื่อจะบุกเบิกตลาดประเทศF เขาถึงมาชั่วคราว
ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทลี่ซื่อและโรงพยาบาลหนานเฉิงมีวิจัยร่วมกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เลยสนิทสนมกัน
“ฉันได้ยินมาว่าหยูจิ่งห้วนลาออกไปแล้ว?”ตอนแรกให้หยูจิ่งห้วนอยู่โรงพยาบาลหนานเฉิง เป็นคำแนะนำของลี่หนานเฉิง ตอนนี้อำนาจตระกูลหยูกำลังกระจาย แต่หยูจิ่งห้วนไม่ใช่คนเรื่องมาก
เอาชนะใจเขา เป็นเพื่อนที่ดีได้อย่างไม่ต้องสงสัย
“อืม”สีหน้ามู่วี่สิงเย็นชา
“เขาและเวินจิ้งอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน ดูแล้วนายก็น่าจะรู้แล้ว”
“อืม”สีหน้ามู่วี่สิงยังคงไม่มีความรู้สึก
“พี่ชาย นายคิดอย่างไร? นายคงไม่คิดอยากกลับมาคบกับเวินจิ้ง? ช่วงเวลาพวกนายอยู่ที่เมืองหนานเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”
“เธอท้องแล้ว”มู่วี่สิงหลับตาลึก แต่ช่วงเวลานี้ อารมณ์พังทลายอย่างกะทันหัน
“ทำไม? ท้อง? จริงเหรอ?”
“ลูกไม่อยู่แล้ว”มู่วี่สิงคลึงคิ้ว
ลี่หนานเฉิงยืนด้วยความตื่นเต้น เขาเป็นห่วงแทนมู่วี่สิงจริงๆ
“พวกเราไม่กลับมาคบกัน”
“บ้านหลิงทางนั้นนั่งไม่ติดแล้ว หลิงอี้ได้คุยกับคุณเฒ่าบ้านนายแล้ว หลังจากสามเดือนนายกับหลิงเหยาก็จะแต่งงาน”
“อืม”สีหน้ามู่วี่สิง ยังคงนิ่งสงบ
ลี่หนานเฉิงโกรธขึ้นมาเล็กน้อย รู้สึกเหมือนตัวเองร้อนใจ
“นายประนีประนอมแล้วเหรอ?”
“ฉันสัญญากับซือซือ จะขอหลิงเหยาแต่งงาน”มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
“แต่นายก็ไม่ชอบเธอ”ลี่หนานเฉิงเข้าใจมู่วี่สิงอย่างดี เขาครุ่นคิด แต่เวินจิ้งตั้งแต่แรก
“ใครก็ไม่สนใจ”
“ฉันจะไม่น่าเชื่อจริงๆนายจะไปขอเธอแต่งงาน”
มู่วี่สิงหัวเราะเสียงต่ำ “ไม่อย่างนั้น นายคิดว่าฉันต้องทำอย่างไร?”
ลี่หนานเฉิงนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรอีก
มู่วี่สิงตกอยู่สถานการณ์ไม่ดี เขารู้ดี สามปีก่อน เขาก็ไม่มีตัวเลือกแล้ว
“พ่อของเด็กคนนั้น รู้ไหมคือใคร?”
“เขาตายแล้ว”
“วี่สิง นายอย่าเอาเรื่องทุกอย่างมาไว้ตัวเอง นายสามารถเลือกด้วยตัวเองได้”ลี่หนานเฉิงไม่รู้จะกล่อมเขาอย่างไร แต่มองเห็นความเจ็บปวดของมู่วี่สิง เขาเสียใจ
ถึงอย่างไรก็เป็นพี่น้องที่โตด้วยกันมา เขาอยากช่วย
“คนเฒ่าไม่นานก็จะกลับมา นายช่วยฉันดูหน่อย ฉันควรกลับไปเมืองหนานแล้ว”
“อืม วางใจเถอะ นายให้ฉันช่วยดูเวินจิ้งเหรอ?”ลี่หนานเฉิงถาม
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ภาพเวินจิ้งกินข้าวกับหยูจิ่งห้วนแว๊บเข้ามาในสมอง เขาส่ายหัว“มีคนดูแลเธอแล้ว”