Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 697

ตอนที่ 697

บทที่ 697 อุ้มหน่อย

เวินจิ้งก้มศีรษะลง แล้วดึงมือตัวเองกลับอย่างแรง แล้วลูบข้อมือตัวเองที่แดงขึ้น เธอหายใจเข้าลึกๆแล้วก็จากไป

แต่ว่ามือที่ใหญ่ของฝ่ายชายจับไหล่ของเธอไว้แน่น

เมื่อเขาอยากจะหมุนตัวเธอให้หันกลับมา ระหว่างที่ดึงอยู่นั้น เวินจิ้งรู้สึกวิงเวียนศีรษะเป็นระยะๆ จากนั้นทั้งตัวคล้ายกับไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง จากนั้นเธอก็ล้มลง

มู่วี่สิงตกใจมาก พยุงเอวเธอไว้แล้วอุ้มเธอขึ้น น้ำเสียงเปลี่ยนจากอารมณ์โกรธกริ้วเป็นตื่นตระหนกขึ้นทันที “จิ้งจิ้ง…..”

เมื่อสักครู่ยังดีๆอยู่เลย ทำไมอยู่ๆถึงเป็นลมไปได้

สีหน้าเธอไม่รู้ว่าเปลี่ยนเป็นซีดจางขึ้นตั้งแต่เมื่อไร เห็นแล้วถึงกับตกอกตกใจ

มู่วี่สิงจึงอุ้มเธอขึ้นไปบนห้องนอนที่อยู่ชั้นสองทันที เมื่อผ่านห้องรับรองแขกได้สั่งให้คนรับใช้เชิญคุณหมอให้มาที่บ้าน

เวินจิ้งถูกเขาวางลงบนเตียง เมื่อลืมตาขึ้น ภาพที่สะดุดเข้ามาในดวงตาคือท่าทางของชายที่กำลังตกใจและกำลังโกรธ

มีความคิดได้แวบเข้ามาในหัวสมองเธอ เธอถึงกับตาเบิกกว้างในทันที

“มู่วี่สิง” เธอเรียกชื่อเขา เป็นน้ำเสียงที่สั่นเบาๆจนไม่อาจไม่สนใจได้

เขาคิดว่าเธออาจจะเจ็บปวดที่ใดจึงรีบเข้าไปใกล้ “เป็นอะไร เดี๋ยวหมอก็มาถึงแล้วนะ อย่าดื้อ รออีกสักพักน๊า”

ความจริงเธอไม่ได้รู้สึกว่าไม่สบาย เพียงแต่เมื่อสักครู่รู้สึกคลื่นไส้ ตอนนี้นอนพักสักครู่ก็จะดีขึ้นเอง

เธอจับเสื้อของเขาไว้ นิ้วมือที่หยิกงอ ริมฝีปากของเธอเปิดๆปิดหลายครั้ง สักพักจึงพูดขึ้นเบาๆ “เมื่อคืนอากาศเย็นไปหน่อย ตอนนี้ก็เลยเป็นหวัด คุณไม่ต้องเชิญหมอมาหรอก ฉันเองก็เป็นหมอเหมือนกัน และฉันรู้ดีเกี่ยวกับร่างกายของฉันด้วย กินยาแก้หวัดพักผ่อนสักพักเดี๋ยวก็หาย”

มู่วี่สิงกลับดุเธอกลับ “อย่าพูดมั่ว เมื่อคืนอากาศเย็นตอนไหน”

เวินจิ้งไม่กล้าสบตามู่วี่สิง พูดเบาๆขึ้น “เพื่อต้องการให้ฉันนอนอยู่ในอ้อมกอดคุณ ในแต่ละคืนคุณเปิดโหมดความเย็นตลอด เป็นหวัดก็ไม่น่าจะแปลก”

มู่วี่สิงชะงักขึ้นในทันที ใบหน้าเผยอารมณ์หงุดหงิดออกมา

เขาปรับอุณหภูมิห้องให้เธอ ผ้าห่มก็ให้คนรับใช้เปลี่ยนใหม่ แล้วเขาก็กอดเธอไว้แน่น

เวินจิ้งที่รู้สึกเหนื่อยล้าจึงปิดตาลง “ฉันเป็นหวัดต้องการพักผ่อน นอนสักครู่ก็จะดีขึ้น อย่าได้เชิญหมอมาเลยนะ”

เธอมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันไม่ชอบให้ใครมารบกวนระหว่างพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน คุณออกไปเถอะ”

มีเรื่องบางเรื่องที่เธอต้องทบทวนไตร่ตรองให้ดี

“ไม่ได้ รอคุณหมอมาตรวจก่อนแล้วคุณค่อยนอน”

เวินจิ้งลืมตาขึ้นทันใด “คุณทำให้ฉันป่วยแล้ว ตอนนี้อยากจะนอนพักผ่อนก็ทำไม่ได้ มู่วี่สิงนี่คือสิ่งที่เธอทำดีกับฉันหรอ”

มู่วี่สิงเงียบไปชั่วขณะ สุดท้ายเขายังคงตัดสินใจอย่างเอาแต่ใจ “งั้นผมจะเฝ้าดูคุณนอน”

…..

วันรุ่งขึ้น เมื่อทราบว่ามู่วี่สิงออกจากบ้านไปแล้ว เวินจิ้งจึงมาโรงพยาบาลคนเดียว

หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป เธอค่อยๆเดินออกมา ใบหน้ารูปไข่ที่งดงามภายใต้แสงแดดทำให้ดูซีดจาง เธอก้มหน้าดูผลการตรวจที่อยู่ในมือ ดวงตาซับซ้อนและมืดมน

นิ้วมือค่อยๆขดเป็นกำปั้น เธอรู้สึกภายในจิตใจนั้นหนักอึ้ง ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี

ทำอย่างไรดี…..

เธอยืนอยู่ข้างเสาหน้าประตูโรงพยาบาล มองดูผู้คนเดินไปเดินมาอยู่บนถนนอย่างสับสนเลื่อนลอย

“คุณหมอเวิน”

ทันใดนั้น เสียงที่คุ้นเคยได้ดังขึ้นเข้ามาในใบหู เวินจิ้งหายใจเข้าลึกๆ แล้วรีบเก็บผลการตรวจที่อยู่ในมือไว้ในกระเป๋า แล้วค่อยเงยหน้าขึ้นไปยังทิศทางของเสียง”

เวยอาน?

เวินจิ้งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หน้าตาที่ตึงเครียดได้ผ่อนคลายลง

“คุณหมอเวิน ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะคะ”

“ใช่ นานมากเลยจริงๆ” เวินจิ้งที่น้ำเสียงไม่สามารถปกปิดความขมขื่นไว้ได้

สองคนได้เข้าไปร้านกาแฟที่อยู่ตรงข้ามเวยอานนั้นมาตรวจร่างกาย แต่เธอดูออกว่าเวินจิ้งนั้นไม่ใช่

“เวยอาน ฉันได้ยินมาว่าคุณลาออกจากงานแล้ว?” เวินจิ้งได้สั่งนมร้อนมาแก้วหนึ่ง เธอคนนมด้วยความใจที่ล่องลอย

“ใช่ เพราะเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย ดังนั้นคงอาจต้องอยู่เมืองหนานนานสักระยะหนึ่ง”

“ไม่ได้ทำงานต่อหรอ”

เวยอานพยักหน้า “ฉันหางานไม่ได้”

เธอถอนหายใจ

“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า” เวินจิ้งยื่นมือออกมา

มือเวยอานนั้นเย็นเฉียบ เธอเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็ก ใบหน้าก็ซีดจางกว่าคนปกติทั่วไปเช่นกัน

เวยอานยิ้ม “ตอนนี้ฉันสบายดี แต่คุณหมอเวินนะสิ เมื่อสักครู่สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเลยตอนที่อยู่โรงพยาบาล”

“ฉันแค่มาเยี่ยมเพื่อน” เวินจิ้งหาข้ออ้างอย่างอื่นมาเป็นเหตุผล

“อืม พวกเราไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน อยู่เมืองหนานฉันก็ไม่มีเพื่อนสักคน ต่อไปพวกเราก็ติดต่อกันบ่อยๆนะ”

“ได้แน่นอนอยู่แล้ว ช่วงนี้ฉันก็ไม่ได้ทำงาน…..”

ยังพูดไม่ทันจบคำ เวินจิ้งก็ตัวแข็งทื่อขึ้น

นอกหน้าต่าง มีรถยนต์สีดำค่อยๆมาจอดอยู่หน้าประตู

ทันทีที่ประตูรถเปิดออก ชายที่ลมหายใจเย็นชาได้ก้าวออกมาจากรถ

ทันใดนั้นมู่วี่สิงก็มองเห็นเวินจิ้งที่นั่งที่ติดกับริมหน้าต่าง สีหน้าของเธอดูเรียบเฉย และไม่มีรอยยิ้มในดวงตา

แม้แต่ตอนที่เจอเขา หนำซ้ำยังออกอาการหวาดกลัว

เวินจิ้งจึงลุกขึ้นฉับพลัน แล้วกล่าวลาเวยอาน จากนั้นก็จากไปทันที

แน่นอนเธอดูออกว่ามู่วี่สิงนั้นกำลังโกรธโมโหโทโส

มู่วี่สิงมองดูหญิงสาวเดินออกมา แล้วก็ดึงเธอมากอดไว้ในอ้อมกอดทันที เขาโอบเอวเธอไว้อย่างแน่นหนา แล้วถามด้วยเสียงโทนต่ำว่า “จิ้งจิ้ง ท้าวหน้าผมเพิ่งจะก้าวออกจากไป ท้าวหลังอย่างคุณก็แอบก้าวออกตาม นี่คุณกำลังจะคิดทำอะไร! อย่าลืมนะว่าตอนนี้ยังไม่ครบเวลาสามเดือน!”

เวินจิ้งหันหน้ามามองเขา พร้อมด้วยรอยยิ้ม “คุณคงคิดว่าฉันไม่ได้อยู่บ้าน ดังนั้นจึงรีบลนลานกลับไป จากนั้นโทรหาเกาเชียนพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินหาคนสินะ”

ใบหน้าที่บึ้งตึงจนน่ากลัวของเขาดูตลกเล็กน้อยในสายตาเธอ “มู่วี่สิง เมืองหนานเป็นที่ของคุณ ฉันไม่โง่พอที่จะหนีทั้งที่อยู่ภายใต้สายตาของคุณหรอกนะ”

มู่วี่สิงมองดูเธอที่มีท่าทางเหิมเกริมและยิ้มเยาะหยัน ยิ่งทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จนกัดฟันพูดว่า “เวินจิ้ง คุณยังจะกล้ายิ้มอีก คุณมาดื่มกาแฟหรือมาโรงพยาบาลกันแน่”

ตรงข้ามก็คือโรงพยาบาล เป็นเรื่องยากที่จะไม่ทำให้เขาคิดมาก

เขาขมวดคิ้วขึ้น ยื่นมือมาแตะที่ใบหน้ารูปไข่และหน้าผาก “คุณเป็นหวัดหรือเปล่า หรือว่าไม่สบายตรงไหน หรือว่าคุณนัดเพื่อนไว้ ทำไมถึงไม่บอกผม”

“ฉันไม่อยากจะรายงานทุกเรื่องให้กับคุณ ฉันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของคุณสักหน่อย” เวินจิ้งบ่นพึมพำ

“ครับ ในเมื่อคุณก็อยู่ที่นี่แล้ว อย่างนั้นพวกเราเข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลสักหน่อยนะ” มู่วี่สิงมองดูผู้คนที่อยู่ตรงข้ามที่เดินไปเดินมาอยู่ในโรงพยาบาล แล้วจูงมือเธอเพื่อที่จะมุ่งเดินไป

เวินจิ้งรั้งเขาไว้ทันที “ฉันไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องตรวจ”

“จิ้งจิ้ง” มู่วี่สิงหน้านิ่วคิ้วขมวด แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

แต่เขากลับยิ้มตาหยีใส่ “อุ้มฉันหน่อย…..”

ผู้ชายงุนงงแข็งทื่อ มองดูรอยยิ้มที่สดใสของเธอ กว่าสักพักได้ถึงจะรู้สึกตัว

เวินจิ้งไม่ชอบที่เขาตอบสนองช้า จึงพูดอย่างไม่พอใจว่า “คุณจะอุ้มหรือไม่อุ้ม”

ยังไม่ทันที่มู่วี่สิงจะรอเธอพูด ก็รีบโอบเอวเธอแล้วอุ้มขึ้น แล้วพูดเสียงโทนต่ำๆว่า “อุ้ม”

เธอยอมให้เขาอุ้ม ทำไมเขาจะไม่อุ้ม

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท