บทที่ 714 เพราะเธอ
มู่วี่สิงเม้มริมฝีปากบาง น้ำเสียงเจือประชดประชัน “ถ้าอย่างนี้ เธออยู่ที่นี่ยังมีความหมายอะไร”
พูดจบ เขาก็ก้าวเท้ายาวจากไปอย่างรวดเร็ว
มู่ซีก้มหน้า มือสองข้างค่อยๆ กำหมัดแน่น
ที่โรงพยาบาล
มู่วี่สิงมองหมอที่ตรวจบาดแผลของมู่เฉิงสีหน้าเรียบเฉย “ยังดี รอยแผลไม่ลึก เดี๋ยวผมใส่ยาให้ พันแผลไว้ก่อนไม่มีอะไรหนักหนา”
หมอรู้จักกับมู่วี่สิงมานาน สอบถามด้วยความเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมคุณปู่มู่กรีดข้อมือตัวเอง”
แน่นอนว่าเขาดูออกว่าแผลนั้นคือคุณปู่มู่กรีดข้อมือตัวเอง
มู่วี่สิงพูดเสียงเรียบ “อาการซึมเศร้ากำเริบ เดี๋ยวคุณให้จิตแพทย์มาประเมินหน่อย ถ้าอาการหนักก็ให้คุณปู่พักที่โรงพยาบาล”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่เฉิงก็พูดอย่างเย็นชา“มู่วี่สิง แกหมายความว่าจะขังปู่ที่โรงพยาบาลหรือ เพื่อผู้หญิงคนนั้นเวินจิ้ง แกถึงกับจะขังปู่ในโรงพยาบาลบ้าหรือไง”
เมื่อเทียบกับคุณปู่ที่โวยวาย ชายหนุ่มนิ่งเฉย “เทียบกับที่บ้าน พักฟื้นที่โรงพยาบาลเหมาะกว่า ไม่ใช่หรือครับ”
มู่เฉิงเบิกตาโต เสี้ยวนาทีนั้นรู้สึกว่าชายหนุ่มเป็นคนแปลกหน้า เขาถอนหายใจลึก “มู่วี่สิง ฉันเป็นปู่แก!”
เขาพูดเรียบๆ “ถ้าปู่ไม่ใช่ปู่ผม คงจะไม่ได้อยู่สบายๆ อย่างนี้แน่”
“แกเห็นว่าฉันสบายตรงไหน สามปีก่อนฉันเตือนแกแล้วให้ห่างๆ เวินจิ้งเข้าไว้ แต่แกล่ะ กำลังทำอะไร แกล้งหย่า ตอนนี้ยังให้เธอมาอยู่ที่บ้านตระกูลมู่ ให้เธอมาลอยหน้าลอยตากับฉันอีกทุกวัน”
“งั้นปู่อยู่ที่โรงพยาบาล ก็ไม่ต้องเห็นหน้าเธอทุกวันแล้ว วางใจเถอะ พวกเราตระกูลมู่ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย มีอย่างเดียวก็คือเงิน ปู่จะได้อยู่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด…”
……
เวินจิ้งนอนตื่นสาย วันนี้ไม่มีคนปลุกเธอไปกินข้าว มู่วี่สิงคงไม่ได้กลับบ้านทั้งคืน ไม่เช่นนั้นทุกวันเขาจะกำชับให้คนรับใช้ปลุกเธอ
สวมเสื้อคลุมอย่างขี้เกียจแล้วอาบน้ำเสร็จ เมื่อเปิดประตูห้องนอนก็เห็นมู่ซียืนที่หน้าประตู
สายตาของเวินจิ้งที่แผ่ออกมาจากตัวเธอ ไม่หยุดมองแต่เดินไปข้างหน้า
“เวินจิ้ง” จนกระทั่งเธอเดินไปถึงหน้าบันได มู่ซีก็เรียกให้เธอหยุด “พวกเราคุยกันเถอะ”
เวินจิ้งเหลือบตามองบันไดแต่ละขั้นเบื้องหน้า หยุดฝีเท้า ยิ้มบางๆ
มู่ซีเดินมาหยุดข้างตัวเธอ “พี่รู้ไหมเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรบ้าง”
“คุณปู่ฆ่าตัวตายหรือ” น้ำเสียงของเธอไม่แยแส
“พี่หน้าด้านจริงๆ ไม่แยแสทำอย่างกับตัวเองไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไง คุณปู่มีอาการซึมเศร้าก็เพราะพี่กับพี่ชาย ตอนนี้พี่ยังบีบจนคุณปู่จนฆ่าตัวตาย เวินจิ้ง พี่ทำไมร้ายกาจขนาดนี้!”
เวินจิ้งหันมา สายตาซ่อนรอยยิ้มเยาะเย้ย “ฉันร้ายกาจหรือ ถ้างั้น เธอจะเอายังไง”
มือของมู่ซีจับราวบันได สายตาแน่วแน่ เชิดหน้า “หย่าสิคะ พี่ต้องหย่ากับพี่วี่สิง พี่ไม่มีที่ยืนในบ้านนี้แล้ว!”
สายตาเวินจิ้งเป็นประกาย ยิ้มนิดๆ “พวกเธอนอกจากพูดเรื่องไร้สาระไปวันๆ แล้ว ยังมีแผนอะไรอีกไหม”
เธอจ้องมองตาของมู่ซี “ถ้ามีความสามารถ ก็ให้มู่วี่สิงเอาข้อตกลงหย่ามาให้ฉันเอง”
เธอพูดเยาะเย้ย “หรือเธอไปนอนเตียงเขา ไม่อย่างนั้นคนที่มีอำนาจในตระกูลมู่ ผู้ชายที่มีอำนาจและอิทธิพลมากที่สุดในเมืองหนาน เฉิงก็คงไม่ต้องนอนพื้นทุกวันหรอก”
มู่ซีโกรธจนหน้าดำหน้าแดง แต่ก็กดอารมณ์โกรธไว้ได้อย่างรวดเร็ว เธอเลิกคิ้ว “ ดูแล้วพี่ยังอาลัยอาวรณ์เขาไม่น้อย พี่คิดว่าถึงเขาทำให้พี่ชายตาย แต่ที่จริงแล้วก็มีเหตุผล ถึงพี่จะโกรธเกลียดเขาแค่ไหน แต่ก็ยังมั่นใจมากใช่ไหมว่าเขารักพี่”
เวินจิ้งมองบันไดยาวที่อยู่เบื้องล่างตลอด สีหน้ายังคงเหมือนเดิม เสียงที่ดังเข้ามากระทบโสตประสาทมีแต่ความโหดร้าย
มู่ซียิ้มบางๆ พูดทีละคำช้าๆ ให้เธอได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ “มีบางเรื่อง ฉันคิดว่าพี่ยังไม่รู้ อย่างเช่น…พี่ชายของพี่ ถูกพี่วี่สิงฆ่ากับมือ”
เวินจิ้งรู้สึกว่าสมองเหมือนถูกระเบิดดังสนั่น ความเจ็บปวดที่แสบร้อนรุนแรงแผ่ขึ้นมาจากทั่วตัวแทรกซึมเข้าไปในทุกส่วนของปลายประสาท
เธอเหลือบตามอง ทั้งสายตาหน้าตาเย็นชา
มู่ซีเห็นสายตาของเธอก็รู้ว่าเธอถูกพูดทิ่มแทงใจแล้ว พูดเสียงต่ำต่อไป “เขาเป็นคนลงมือฆ่าก็หมายความว่า…เขาเป็นคนลั่นไกยิงพี่ชายของพี่ตกทะเล สามปีก่อนที่พี่ชายของพี่ติดคุก เพราะคดีข่มขืน ก็เป็นพี่วี่สิงที่อยู่เบื้องหลังช่วยส่งเขาเข้าคุก”
ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเด็กสาวไม่เข้ากันกับอายุสักนิด “รู้ไหมทำไมพี่ชายของพี่ไปที่ทะเล ก็เพราะพี่ไง คุณปู่บอกเขาว่ามู่วี่สิงจะพาพี่ไปเจรจา เขาถึงไปที่นั่น หลินยี่คงเชื่อว่าพี่วี่สิงจะไม่ทำอะไรเขาต่อหน้าพี่ แต่ผลลัพธ์กลับลงเอยอย่างนี้…”
มู่ซี ยังคงยิ้มบางๆ “พี่เวินจิ้ง……ถ้าเขารักพี่ขนาดนั้นจริง เขาก็คงไม่อยากใช้พี่เป็นเครื่องมือ จริงไหม พี่ชายของพี่มีทางพ้นผิดได้ พี่วี่สิงใช้ช่องทางกฎหมายทำให้พี่ชายพี่มีความผิดไม่ได้ ก็เลยต้องทำให้เขาหายตัวไปตลอดกาล พี่ยังไม่เข้าใจอีกหรือ”
สีหน้าเวินจิ้งซีดเผือดจนไร้สีเลือด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหน้ามืดตาลายบ่อย หรือว่าเพราะได้ยินเรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกรับไม่ไหว เธอสูดหายใจลึก แต่ยังคงรู้สึกว่าอากาศเบาบาง เบาบางจนอาจขาดอากาศหายใจได้ตลอดเวลา
“ที่จริงพี่ชายของพี่ระมัดระวังแค่ไหน แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะพัวพันถึงผู้มีอิทธิพลอีกพวกหนึ่ง พี่รู้จักโม่ถิงเซิน ไหม เขามาแล้ว ศัตรูพี่ชายของพี่เยอะเกินไป…”
เวินจิ้งจ้องมองเธอ สีหน้าขาวซีดอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังคงยิ้มออกมา แม้แต่ มู่ซีก็รู้สึกแปลกมาก
เธอพูดเบาๆ “มู่ซี ผู้มีอิทธิพลพวกนั้นโม่ถิงเซินรู้ว่าพี่ชายอยู่ที่ไหน เพราะเธอเป็นคนบอกเขา ใช่มั้ย”
เสียงของเธอเบาจนได้ยินกันเพียงสองคน มู่ซีถอยหลัง เม้มริมฝีปาก “ฉันก็แค่ช่วยพี่วี่สิงกับคุณปู่เท่านั้น ครั้งนี้พี่ติดค้างพวกเรา ยังไงก็ต้องชดใช้ ถ้าจะพูดว่าใครทำให้พี่ชายของพี่ตาย พี่เวินจิ้งคือคนที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุด เพราะพี่นั่นแหละพี่ชายถึงถูกวางแผนทำร้าย”
เธอ เป็นเพราะเธอ
ถ้าในตอนแรกเธอไม่เหลือเยื่อใยจนยอมตกลงอยู่กับมู่วี่สิง เรื่องทั้งหมดนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น…
คิดไม่ถึงขณะที่เธอยอมปล่อยวางอดีตทุกอย่างเพื่อยอมรับเขาอีกครั้ง เขามอบตอนจบให้เธอเช่นนี้
เขาเป็นคนลงมือฆ่าพี่ชายของเธอเอง และยังใช้เธอเป็นเครื่องมือ
เสี้ยววินาทีนั้นเวินจิ้งยิ้ม “เมื่อคืนมู่เฉิงทำร้ายตัวเองเพราะอาการซึมเศร้า เป็นเพราะพวกเธอวางแผนทำร้ายฉันลับหลังใช่ไหม ตอนนี้เขาคิดแต่จะไล่ฉันไป จะเกิดอาการซึมเศร้ากำเริบได้ยังไง…”
เธอพูดยังไม่ทันจบ บอดี้การ์ดชุดดำสองคนก็เข้ามาในห้องรับแขก เข็นรถเข็นของมู่เฉิงเข้ามา ข้อมือของเขาพันผ้าพันแผลสีขาว
ชายหนุ่มสง่างามแต่เย็นชาเดินตามหลังพวกเขาเข้ามาด้วย