บทที่ 700 อย่าเอาแต่ใจ
มู่วี่สิงก้มมองดูใบหน้าเธอที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีรูขุมขนแม้แต่น้อย เบิกตาจ้องอย่างเงียบสงบ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
เขามองเธอไม่ออก เขาไม่ชอบความรู้สึกเช่นนี้เลย
มู่วี่สิงโยนไดร์เป่าผมทิ้ง นิ้วมือยังจับอยู่ที่หน้ารูปไข่ของเธอ โน้มศีรษะเพื่อจะก้มจูบเธอ
เวินจิ้งที่ขนตายาวงอนสัมผัสโดนใบหน้าของเขา เธอก็ไม่ได้ขัดขืน และก็ไม่มีอาการโกรธหรือรังเกียจแต่อย่างใด ท่าทีสงบและเชื่อฟัง
วินาทีต่อมา มู่วี่สิงจึงได้โอบเอวเธอทันทีแล้วกดเธอไว้ด้านล่าง “จิ้งจิ้ง”
เมื่อรู้สึกตัวขึ้น เวินจิ้งก็หันหน้าไปทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำต่อไปของเขา “มู่วี่สิง อย่าลืมในสิ่งที่คุณรับปากกับฉันนะ ถ้าคุณกล้าแตะต้องตัวฉัน พรุ่งนี้ฉันจะไปจากที่นี่ทันที!”
มู่วี่สิงนิ่วหน้า น้ำเสียงขรึมขึ้น “ไม่ยอมให้ผมแตะต้องตัวแต่ไม่ปฏิเสธรสจูบของผม จิ้งจิ้ง คุณเล่นตัวหรอ”
ผู้ชายได้กดทับอยู่บนตัวเธอ มองดูเรือนร่างหญิงสาวที่สวมใส่ชุดนอนกระโปรง สายเสื้อที่พาดไหล่นั้นถูกเขาดึงลงมาเมื่อสักครู่ ความงามจึงปรากฏขั้น
ลูกกระเดือกของเขากระดกไปมา กรามที่แน่นตึง
เวินจิ้งใช้แรงมากมายในการผลักเขาให้ออกจากตัวเธอ “ผมแห้งแล้ว ฉันนอนก่อนนะ”
แล้วมุดเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง เธอหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง
มู่วี่สิงมองดูหญิงสาวที่นิ่งเงียบเกินไป ความเจ็บปวดก็ค่อยๆแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจของเขา เหลือเวลาอีกเพียงแค่เดือนกว่าแค่นั้น…..
ถ้าหาก…..
เขาเข้าไปกอดเธอไว้อย่างแน่นและกระซิบข้างหูว่า “จิ้งจิ้ง ฟังผมนะ ช่วงนี้อย่าได้ออกไปไหน”
เวินจิ้งลุกขึ้นนั่งทันใด ดวงตาใสเบิกกว้างมองไปที่เขา “คุณจะไปไหน”
มู่วี่สิงมองดูอารมณ์ที่พลุ่งพล่านขึ้นอย่างกะทันหันของเธอ หัวใจเขาเต้นกระตุกขึ้น ใบหน้าหล่อเหลากับอารมณ์บางๆ “มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงพยาบาล เมื่อก่อนคุณก็ไม่เคยถามนิ เป็นอะไรไปหรือเปล่า”
เวินจิ้งกัดริมฝีปาก “ฉันไม่สามารถถามได้หรอ มีแต่มู่ซีถามได้สินะ ดูแล้วคุณคงสนิทกับเธอมาก”
เธอยอมรับว่าคำพูดเช่นนี้ดูเป็นคำพูดที่ใจแคบ หรือแม้แต่เหตุผลก็ไม่มี แต่ว่าเธออดไม่ได้ เวลาที่เหลือให้เธอตัดสินใจมีไม่เยอะแล้ว…..
เธอต้องการความรู้สึกที่ปลอดภัย ต้องการความรู้สึกไว้วางใจเชื่อใจและพึ่งพาได้
นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้ว
ถ้าหากเขามีความพยายามที่จะหว่านล้อมให้เธออยู่ด้วยจริงๆ ถ้าหากต่อไปเขานั้นรักเธออย่างสุดหัวใจ…..
บางทีเธออาจจะลองให้โอกาสทุกคนอีกครั้ง เพราะถึงอย่างไรสิ่งที่เธอหวังอยู่ลึกๆในใจก็คืออยากพวกเขานั้นจะมีการลงเอยด้วยกันอย่างสวยงาม
ใบหน้าที่หล่อเหล่าของมู่วี่สิงเย็นชาลง จนเธอเองยังสงสัยว่าเป็นความเข้าผิดของตัวเอง แต่น้ำเสียงของเขายังคงปลอบประโลมเธอ “อย่าดื้อนะ ที่มู่ซีทราบเพราะเธอต้องช่วยผมจัดการบางสิ่งบางอย่าง”
เวินจิ้งก้มหน้า จากนั้นจึงพูดอย่างเงียบๆว่า “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นนับจากนี้เป็นต้นไปคุณจะต้องกลับมาทุกวัน ห้ามค้างคืน และเมื่อโทรหาจะต้องมีการรับสาย”
เธอเห็นเขาที่ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าคำขอเหล่านี้จะทำให้เขาลำบากใจ
เขาเหลือบมองเธอ “จิ้งจิ้ง ช่วงนี้ผมมีงานผ่าตัดไม่น้อย”
เวินจิ้งมองดวงตาของเขา “เมื่อก่อนคุณก็เป็นหมอ และดูยุ่งกว่าตอนนี้ด้วยซ้ำ แต่ว่าตอนนั้นคุณก็ไม่เคยหายไปทั้งคืนแบบไม่กลับมา ถึงแม้ว่าจะติดธุระไม่กลับมา ก็จะต้องโทรมาบอกฉัน ไม่เคยทำให้ฉันต้องรอมา”
ฝ่ายชายหน้านิ่วคิ้วขมวด แววตาเย็นเยือกเหมือนถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็ง พูดอย่างขรึมว่า “คุณคิดว่าผมเปลี่ยนไป ดังนั้นจึงใช้เหตุผลเหล่านี้เพื่อให้ผมเซ็นใบหย่าหลังจากครบสามเดือนงั้นสิ”
หรือว่าเขานั้นไม่เข้าใจความหมายของเธอที่แค่อยากให้เขากลับบ้านทุกคืน เขายังไม่เข้าในสิ่งที่เธอกำลังบอกเขาว่าถ้าไม่กลับมา เธอนั้นจะเป็นห่วงเขามากแค่ไหน และจะคอยรอเขาอยู่ตลอดเวลา
เวินจิ้งหัวเราะเยาะขึ้น “นี่เป็นความต้องการขั้นพื้นฐานในสิ่งที่ฉันมีต่อสามี ถ้าหากว่าทำไม่ได้อย่างนั้นเราก็อย่ากัน”
มู่วี่สิงจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา ไม่ปล่อยให้ทุกรายละเอียดของอารมณ์สีหน้าของเธอเล็ดลอดไปจากสายตาของเขา “จิ้งจิ้ง อย่าเอาแต่ใจ”
เธอหลับตาลงอย่างช้าๆ ถ้าหากนี่คืออาการการเอาแต่ใจ อย่างนั้นก็จะเอาแต่ใจต่อไป
เธอไม่ได้พูดอะไรอีก ฝ่ายชายยืนอยู่ข้างเตียงเป็นเวลาหลายนาทีถึงได้เดินเข้าไปที่ห้องอาบน้ำ เธอนอนอยู่บนเตียงฟังเสียงจากห้องอาบน้ำอย่างเงียบๆ พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินล้วนแล้วแต่เป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดทรมาน
เมื่อมู่วี่สิงออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เวินจิ้งก็ได้หลับใหลอยู่ในผ้าห่มแล้ว เขาเดินไปยืนข้างเตียงของเธอแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมให้เธอ ดวงตาที่เคร่งขรึมมองดูเวินจิ้งที่นอนสลบไสลด้วยตาไม่กะพริบ
จนกระทั่งเสียงเคาะประตูเบาๆดังขึ้น มู่วี่สิงขมวดคิ้วแล้วลุกไปเปิดประตูทันที
มู่ซีตกใจแววตาที่น่ากลัวของผู้ชาย จึงรีบถอยหลังไปสองสามเก้าด้วยความกลัว แล้วพูดด้วยเสียงเบาๆว่า “พี่วี่สิง พี่สะใภ้นอนหลับแล้วหรอ คุณปู่เรียกให้พี่ลงไป”
มู่วี่สิงเหลือบมองไปที่เตียงแวบหนึ่ง แล้วปิดประตูเบาๆ
“ต่อไปห้ามมาปรากฏตัวหน้าห้องนอนของผมอีก และห้ามเคาะประตูด้วย”
ดีที่เธอนอนหลับเร็ว แต่ทว่าหลับไม่ลึก เธอไม่ชอบให้ใครรบกวนเธอ
มู่ซีบุ้ยปากอย่างน้อยใจ “ค่ะ ฉันทราบแล้วค่ะ”
มู่วี่สิงเดินผ่านตัวเธอไป และเธอก็รีบเดินตาม
ในห้องนอน เวินจิ้งค่อยๆลืมตาขึ้น คว้าโทรศัพท์มา เมื่อค้นหาเบอร์พี่ชายเจอจึงทำการโทรออก
“เสี่ยวจิ้ง”
“พี่นอนหรือยังคะ?” เวินจิ้งมองท้องฟ้าด้านนอกที่มืดมิด
หลินยี่ยิ้มอย่างแผ่วเบา “ยังเลย มีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่อยากจะโทรมาราตรีสวัสดิ์ พี่อย่านอนดึกนะคะ”
ตั้งแต่รู้จักกับพี่ชายมา เธอก็พึ่งพาเขาสนิทชิดใกล้เขา
“ถ้าหากไม่สบายใจก็บอกพี่ เดี๋ยวพี่จะไปรับ”
“ค่ะพี่ อย่างนั้นน้องนอนแล้วนะ”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
เมื่อวางสายลง ก็วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม ภายในใจที่ร้อนรุ่มก็รู้สึกสงบลง
ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ขอแค่พี่ชายปลอดภัย เธอกับลูกในท้องก็จะราบรื่นปลอดภัยเช่นกัน
สำหรับมู่วี่สิง ถ้าเป็นของเธอๆก็จะรักและหวงแหน ถ้าถูกกำหนดว่าไม่ใช่ของเธอ เธอก็ปล่อยไป
เธอวางมือลงแล้วก็หลับใหลไป
ที่ห้องรับรองแขก
เมื่อมู่วี่สิงเดินไปถึงไปถึงหน้ามู่เฉิงด้วยความเย็นชาและน่ากลัว เขาในเวลานี้เย็นเยือกดุจยมบาล
“ฉันได้ยินมู่ซีพูดหมดแล้ว วี่สิง แกจะทำยังไงต่อไป”
ดวงตามู่วี่สิงกลอกไปกลอกมา น้ำเสียงราบเรียบ “ผมจัดการได้ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ตอนนี้เธอดูแลแต่เวินจิ้ง จะไม่ให้ฉันเป็นห่วงได้อย่างไร”
มู่วี่สิงพูดเบาๆว่า “นี่เป็นเรื่องของผม ผมขอแค่ท่านช่วยดูแลเธอให้ดีๆ ในช่วงที่เธออยู่บ้านใหญ่ตระกูลมู่ ผมชอบเธอมากจริงๆ”
มู่เฉิงเงียบไปชั่วขณะ แล้วจึงพูดขึ้น “ได้ เรื่องนี้ฉันจะไม่ก้าวก่าย แต่ว่าวี่สิง แกต้องจำไว้ อยู่บ้านฉัน ใครก็ห้ามแตะต้อง”
มู่วี่สิงไม่ได้พูดอะไรต่อ และรีบหันหลังจากไปมู่ซีที่มองดูด้านหลังเขา จึงได้วิ่งตามหลังไปอย่างห้ามใจไม่ได้ “พี่วี่สิง ถ้าพี่เหนื่อยพี่พักผ่อนก่อนนะ ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งทำตอนนี้”
ฝีเท้ามู่วี่สิงได้หยุดชะงักขึ้น มู่ซีที่ในใจรู้สึกดีใจสุดๆ แต่วินาทีถัดไปกลับได้ยินเสียงเย็นชาของมู่วี่สิง “มู่ซี ผมเคยบอกว่าเวินจิ้งไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นเทียวไปเทียวมาข้างกายผม ดังนั้นหากไม่มีเรื่องสำคัญกรุณาอย่าได้คุยสนทนากับผมอีก