Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 740

ตอนที่ 740

บทที่ 740 ผู้หญิงคนแรกที่ถูกใจในรอบหลายปี

ในห้องนอนไร้เงาของเธอ ห้องครัวก็เช่นกัน รวมทั้งห้องน้ำ ห้องหนังสือ…

ผ้าม่านถูกดึงขึ้น โคมไฟสไตล์โบราณที่ตั้งบนโต๊ะหนังสือส่องสว่างเงียบเหงา หญิงสาวนั่งชันเข่าบนเก้าอี้ตัวใหญ่ ข้อศอกค้ำมุมโต๊ะหนังสือ สายตามองหนังสือที่เปิดค้างอยู่

เขาลดเสียงฝีเท้าของตัวเองให้เบาลง ถึงกับแทบจะกลั้นหายใจ เดินเข้าไปใกล้เธออย่างแผ่วเบา

เธออ่านหนังสือจริงจังมาก จนไม่รู้สึกว่าในห้องหนังสือมีคนเข้ามา

กระทั่งเสียงแผ่วเบาของชายหนุ่มดังขึ้น “คุณจะไปเมืองนอกหรือ”

หนังสือภาษาเยอรมันพื้นฐานวางกระจายบนโต๊ะของเธอ เธอเรียนภาษาเยอรมัน จะไปเยอรมนีอย่างนั้นหรือ

ถ้าเธอไปเยอรมนี จะไปจากเขาหรือเปล่า

เธอเริ่มวางแผนอนาคตของตัวเองแล้ว แต่ในนั้นไม่มีเขารวมอยู่ด้วย

เวินจิ้งอึ้งไป เงยหน้ามองเขา “อึม พ่อแม่ไม่อยากอยู่ลอนดอน เกษียณแล้วอาจจะไปอยู่เยอรมนี ถ้าพวกท่านไปอยู่ที่นั่น ฉันก็จะตามไปอยู่ด้วย”

สายตาและสมาธิของเธอกลับมาอยู่ที่หนังสืออีกครั้ง พูดขึ้นเรียบๆ “แยกกันอยู่แล้วสองปีไปยื่นขอศาลหย่าได้ ถ้าคุณไม่ยอมเปลี่ยนความตั้งใจ เรารออีกสองปีก็ได้ค่ะ”

มู่วี่สิงนิ่งขรึมลง “คุณย้ายออกจากบ้านตระกูลมู่ เพื่อแยกกันอยู่กับผมหรือ”

เขาประหลาดใจที่ไม่รู้ว่า เธอมีความคิดอย่างนั้นจริงๆ

พูดให้เขาไม่ใช่อิทธิพล จีบเธอใหม่อีกครั้ง เป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่เธอหลอกเขาเท่านั้น

นิ้วมือเวินจิ้งไม่ขยับเขยื้อน เสียงยังคงราบเรียบ “ทำไมวันนั้นที่ร้านกาแฟคนพวกนั้นดูถูกฉัน คุณคงยังไม่ได้ตรวจสอบเรื่องในอดีตระหว่างเราสองคนใช่มั้ย บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปซื้อกิจการบริษัทหลินซื่อ ในเมืองหนาน ที่จริงแล้วตระกูลหลินไม่มีที่ยืนแล้ว และฉันก็ไม่ใช่คุณหนูมหาเศรษฐีแล้ว”

“เพราะคุณไม่ยอมเล่าเรื่องอะไร ผมเลยไม่เคยตรวจสอบเรื่องนี้”

เขาไม่เคยถามใครทั้งนั้น เขารู้โดยสัญชาตญาณว่า อดีตของพวกเขา เขาเลือกที่จะลืม ก็ไม่ควรจะรู้

รู้แล้ว…อาจจะดีกว่าไม่รู้มากนัก

“ก็จริง เรื่องที่ตั้งใจลืม ก็ไม่ควรคิดถึงมันอีก”

เธอยิ้มบางๆ “แต่ฉันลืมไม่ได้ ฉันจึงต้องไปจากที่นี่ ฉันไม่มีสถานะอะไรแล้วที่นี่”

เธอไม่ได้หันหน้ามา เขาจึงมองเห็นเพียงด้านหลังของเธอขดตัวบนเก้าอี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกลึกๆ ว่า เธอไม่เคยคิดอยากอยู่กับเขาจริงๆ ตั้งแต่แรก

“เพราะคุณอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว ก็เลยคิดจะไปเมืองนอกหาหยูจิ่งห้วน งั้นหรือ”

สายตาของเธออยู่ที่หนังสือ แต่ความจริงแล้วไม่ได้อ่านสักตัวอักษร ดวงตากลอกไปมา ผ่านไปนานเธอจึงตอบเขา เสียงแผ่วเบา เบาจนเหมือนหูฝาด “อึม”

“อึม” เพียงคำเดียวนั้น ทุบความหวังในก้นบึ้งหัวใจของเขาแหลกลาญ

กระทั่งเสียงฝีเท้าของเขาห่างออกไป จนหายลับไป เวินจิ้งค่อยเงยหน้าขึ้น ที่หน้าอกข้างซ้ายความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวแผ่ออกมา เข้าเกาะกุมหัวใจของเธอ

เธอลุกขึ้น ออกจากห้องหนังสือเดินไปห้องรับแขกช้าๆ ที่นั่นไร้เงาของเขาแล้ว

คงไปแล้วมั้ง ผู้ชายคนนั้นสถานะสูงส่งเช่นนั้น เขาจะชอบเธอรักเธออีกได้อย่างไร และคงไม่ยอมให้เธอปั่นป่วนความรักของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

เธอยิ้ม บังเอิญเหลือบไปเห็นช่อดอกไม้สีแดงสดที่วางบนโต๊ะเล็ก เธอนิ่งอึ้งไป ดอกกุหลาบกลีบบางอ่อนโยนนั่น เป็นสีแดง

แม้จะพูดกันว่าดอกกุหลาบสีแดงธรรมดาสามัญที่สุด แต่ถึงจะไร้รสนิยม มันก็ยังคงสวยมากเช่นเคย

ในที่สุด เธอก็หาแจกันใบหนึ่งเจอ ค่อยๆ ปักดอกกุหลาบช่อใหญ่ลงในแจกันดอกไม้

เธอเห็นบนกลีบดอกไม้ยังมีหยดน้ำ คิดขึ้น ถ้าโกรธแล้ว ก็ไม่ต้องมาอีก

เธอหวังว่าเขาจะไม่กลับมาอีก

สีหน้าของเธอไร้ความรู้สึกเดินกลับไปห้องหนังสือ แล้วอ่านหนังสือต่อ

ตกกลางคืนเธอกินข้าวคนเดียว หลายวันมานี้ผู้ชายคนนั้นสรรหาสารพัดเหตุผลมาอ้างเพื่ออยู่กินข้าวด้วย เธอเองก็เคยชินแล้วที่จะเตรียมอาหารในตู้เย็นให้มากพอ

เพิ่งจะทำกับข้าวเสร็จสองอย่าง หยีเป่ยโจวก็โทรศัพท์เข้ามา เธอจึงขอโทษเขา “ฉันขอโทษเรื่องวันนั้นค่ะ ทำให้ร้านกาแฟของคุณวุ่นวายไปหมด”

เสียงของชายหนุ่มสะอาดน่าฟัง “ตอนนั้นผมอยู่ข้างนอกพอดี”

เขาชะงักไป “หลังจากวันนั้นคุณมู่ส่งคนเอาเช็คมาให้”

หยีเป่ยโจว เล่าว่า “เขาบอกว่าถ้าคุณมาที่นี่แล้วสบายใจก็มาทำงานที่นี่ต่อได้”

เสียงของเขาเนิบช้า “ผมไม่คิดว่าคุณแต่งงานแล้ว”

เขาคาดไม่ถึงว่า ผู้หญิงที่เขาถูกตาต้องใจคนแรกในรอบหลายปี จะเป็นภรรยาคนอื่น

และยังแต่งงานกับตระกูลมหาเศรษฐีอย่างตระกูลมู่ มิน่าละถึงไม่ต้องทำงาน ใช้เวลาส่วนใหญ่ที่ร้านกาแฟได้ ก็แค่ฆ่าเวลาเท่านั้น

เวินจิ้งเงียบขรึม ชั่วขณะหนึ่งไม่รู้จะตอบอย่างไรดี

หยีเป่ยโจวรู้สึกได้ว่าคำพูดของตัวเองไม่เหมาะสม ลังเลก่อนที่จะถามขึ้น “คุณจะยังมาเรียนชงกาแฟอีกมั้ยครับ”

เขายิ้ม “เงินที่คุณมู่ชดใช้ให้เหลือมากพอจะเป็นค่าเรียนของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องมาเป็นพนักงานเสิร์ฟก็ได้ แค่มาช่วงเช้าเรียนชงกาแฟก็พอครับ”

“ก็ได้ค่ะ” เธอหลุบตา “ฉันมีเวลาแล้วจะไปค่ะ”

พูดคุยกันอีกสองสามประโยค เธอก็วางโทรศัพท์

กำลังจะกลับไปที่โต๊ะอาหารกินข้าว เสียงออดประตูดังขึ้น เธอกัดริมฝีปาก เมื่อเช้ามู่วี่สิงเพิ่งจะโกรธไป ไม่น่าจะกลับมาเร็วขนาดนี้หรือเปล่า

ใครกันนะ

เธอเดินไปเปิดประตู ตะลึงมองผู้ชายที่อยู่หน้าประตู ครู่ใหญ่จึงพูดขึ้น “คุณมาทำไม”

มู่วี่สิงเผยอริมฝีปาก พูดเสียงเคร่งขรึม “ผมหิวแล้ว อยากกินข้าวกับคุณ”

เธอพูดเสียงราบเรียบ “ฉันทำอาหารพอแค่คนเดียวค่ะ”

ชายหนุ่มชะงักไป จากนั้นก็ทำเหมือนมายากลยกถุงซาลาเปาขึ้นมาถุงหนึ่งอย่างง่ายดาย ยิ้มให้เธออย่างสุขุม “ผมเอาซาลาเปามาด้วย”

เวินจิ้ง:…

เธอจับประตู “คุณซื้อซาลาเปาแล้วกินที่ร้านก็ไม่หิวแล้ว หรือว่าถือมาที่นี่ซาลาเปาลูกเดียวจะเปลี่ยนเป็นสองลูกหรือไง”

สายตาของเขาจับที่ใบหน้าของเธอ เสียงแหบนั้นอ่อนโยนมาก “กินข้าวกับคุณผมถึงจะรู้สึกอยากอาหาร ผมรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลากินข้าวของคุณ…”

หลังจากไม่ต้องไปทำงาน เธอกินข้าวตรงเวลาเสมอ

ไม่รอให้เธอพูดอะไร ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งก็เบียดเข้ามาแล้ว เดินตรงเข้ามา

เธอหงุดหงิดไม่น้อย “มู่วี่สิง นี่มันที่ของฉัน อย่าทำเป็นจะไปจะมาตามอำเภอใจได้มั้ย”

เขายื่นมือไปช่วยเธอปิดประตู “ผมคิดๆ ดูแล้ว ห้องนี้ถึงอย่างไรก็เป็นชื่อผม ผมจะเข้าจะออกก็ไม่ผิดทั้งกฎหมายและศีลธรรมนี่นา”

เขายิ้มประจบ “ถ้าคุณไม่เต็มใจผมก็ไม่ทำอะไรคุณหรอก แต่ผมเป็นสามีคุณอย่าทำเกินไปถึงขนาดไม่ให้ผมเข้ามา ได้มั้ยครับ”

พอพูดจบ เขาไม่สนใจสีหน้าโมโหของเวินจิ้ง ตั้งหน้าตั้งตาถือถุงซาลาเปานั้นเข้ามา

เวินจิ้งโมโหสุดขีด อารมณ์ในดวงตาซับซ้อน

เธอยืนนิ่งแทบไม่ขยับ มู่วี่สิงเดินกลับมาหา “เด็กดี อาหารของคุณเย็นหมดแล้ว มากินก่อนเถอะ”

น้ำเสียงของเขาเจือด้วยความเป็นห่วงไม่น้อย “คุณผอมเกินไปแล้ว”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท