บทที่ 754 ไม่มีหนทางย้อนกลับ
เมื่อสามปีก่อน เจี่ยนอีเคยมาพบเขาด้วยตัวเอง คือมู่วี่สิงที่ทำลายความสุขของคนในครอบครัวเธอ เขาไม่สมควรที่จะได้อยู่ด้วยกันกับเธอ
ถ้าหากตระกูลมู่ไม่ทำแบบนั้นกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เวินจิ้งก็อาจจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบไปแล้ว
บางที… …เวินโม่จะได้ไม่ต้องจากไป
เขาสามารถไม่สนทุกอย่างและเธอตามเธอกลับมาได้ แต่ทว่าใจเขา เจ็บปวดนัก เพราะความทุกข์ของเวินจิ้ง
เวินจิ้งเม้มริมฝีปาก ยังคงเงียบ
เรื่องเหล่านี้ ก่อนที่เจี่ยนอีจะตายไปได้บอกเธอหมดแล้ว ดังนั้นนั่นก็เป็นเหตุผลที่เธอต่อต้านการอยู่กับมู่วี่สิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ก่อนที่เจี่ยนอีจะตาย ก็ได้กำชับเธอไว้แล้ว ว่าอย่าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลมู่ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม
ครอบครัวนั้น ทั้งน่าเกรงขามและน่ากลัว
แต่ว่า เรื่องบางอย่างไม่มีทางให้ย้อนกลับ ก็ไม่มีหนทางให้กลับ
“เรื่องนี้ เจี่ยนอีบอกคุณไหม?”มู่วี่สิงถามเธอด้วยน้ำเสียงต่ำ
เวินจิ้งพยักหน้าเบาๆ สามปีก่อน เธอไม่คิดว่าจะยอมแพ้กับความรักของเขาและเธอมาก่อน แต่อุปสรรคนี้เธอไม่สามารถก้าวข้ามผ่านมันไปได้
จนกระทั่งตอนนี้ บวกกับเรื่องของพี่ชายเธอไปด้วยแล้ว จะไม่ให้เธอหย่ากับเขาได้อย่างไร
เรื่องระหว่างเธอและเขามันเยอะเกินไป ทุกก้าวที่ย่างไปต้องใช้ความกล้าหาญมากเลยทีเดียว
มันยากมากเลยจริงๆ
“ฉันรู้ว่าคุณไม่ต้องการที่จะฆ่าพี่ชายของฉันจริงๆ ถึงแม้ว่าฉันจะแทงคุณก็ตามหรือทำร้ายคุณจนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ จนทำให้คุณลืมหลายสิ่งในอดีต ดังนั้นมู่วี่สิงพวกเราเท่าเทียมกัน เจี่ยนอีก็จากไปแล้ว ตอนนี้ฉันไม่ได้เกลียดคุณหรือจะโทษอะไรคุณทั้งนั้น ”
ดังนั้น ไม่ต้องระมัดระวังหรือกดดันตัวเองขนาดนี้
ร่างกายสูงใหญ่ของชายหนุ่มแข็งทื่อ ชัดเจนว่าเธออยู่ในอ้อมกอดของเขา ใกล้แค่นี้ แต่เขามักมีความคิดที่ว่าเธออยู่ห่างไกลจากเขาเกินกว่าจะสัมผัสได้
ฉับพลันเขาก็ออกแรงกอดเธอ แรงมหาศาลของเขาราวกับสามารถบดขยี้กระดูกเธอให้ละเอียดได้
เธอไม่ได้พูดถึงเรื่องหย่า เขาก็เหมือนกัน
เวลาผ่านไปจากวินาทีเป็นนาที เวินจิ้งเห็นว่ายังไงชายหนุ่มก็ไม่ยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมกอดเป็นแน่ เธอเลยบ่นอย่างไม่พอใจว่า “มู่วี่สิง คุณยืนตรงนี้นานเกินไปแล้วนะ ฉันไม่สบาย”
ที่นี่เป็นที่รกร้าง ครึ่งหนึ่งเป็นซากปรักหักพัง ไม่มีใครเข้ามาดูแล บนทางเดิมเต็มไปด้วยกรวดหินดินทราย
เมื่อเธอพูดเขาจึงมีปฏิกิริยาตอบโต้ พลางเอนตัวไปกอดเธอก่อนพึมพำ “รีบกลับกันเถอะ”
เมื่อกลับมาถึงการ์เด้นมูเจียวานแล้ว เวินจิ้งเดินตรงไปยังห้องอาบน้ำ เธอเปิดน้ำให้เต็มอ่าง ถอดเสื้อผ้าออกเตรียมตัวที่จะอาบน้ำให้สบายตัว
เมื่อกำลังที่จะเข้าไปในอ่างอาบน้ำ มู่วี่สิงกลับเดินตามเข้ามา
เวินจิ้งเบิกตาโต “มู่วี่สิง คุณทำอะไร… …ฉันกำลังจะอาบน้ำ คุณรีบออกไปเลย!”
เขาไม่ได้สวมเสื้อโค้ต บนกายแกร่งสวมแค่สเวตเตอร์บางๆเท่านั้น เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ก้าวเข้ามาหาเธอ ทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของเธออย่างสิ้นเชิง เขานั่งยองๆข้างอ่างอาบน้ำ และเอื้อมมือมาทางเธอ
ทันใดเสียงของเวินจิ้งก็สูงขึ้นกะทันหัน “มู่วี่สิง คุณ!”
ขาขาวถูกชายหนุ่มดึงออกมาจากอ่างน้ำ เท้าของเธอถูกนำมาวางไว้ที่ขาของเขา เวินจิ้งขมวดคิ้ว ปรับเสียงให้กลับมาเป็นแบบเดิม ใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็นสีมะเขือเทศ “คุณทำอะไรน่ะ?”
ฝ่ามือหยาบกร้านอุ่นร้อนของเขาบรรจงนวดเข้าที่ฝ่าเท้าเรียวเล็กของเธออย่างตั้งใจและสม่ำเสมอ “ยังเจ็บอยู่ไหม? เดี๋ยวฉันไปหยิบยามาทาให้”
จริงๆแล้วเธอก็แค่พูดไปแบบนั้น ถึงแม้ถนนเมื่อครู่จะร้อนเท้าไปหน่อย แต่ก็ไม่ต้องถึงขนาดต้องทายา
เธอพยายามใช้แรงของตัวเองดึงเท้ากลับเข้ามา แต่ชายหนุ่มดูแล้วเธอไม่น่าจะมีแรง เธอจะพยายามแค่ไหนก็ดึงกลับมาไม่ได้
เวินจิ้งถูกเขานวดจนรู้สึกตัวอ่อนปวกเปียกไปหมด เสียงของเธอเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลขึ้นโดยรู้ตัว “คุณอย่ากดตรงนั้น ฉันจั๊กจี้”
เธอจำเป็นต้องยืดตัวขึ้นนั่งหลังตรง แต่เดิมไหล่เปียกโชกที่เคยจมหายไปในน้ำค่อยๆโผล่ขึ้นมา
ทันใดดวงตาของมู่วี่สิงเหมือนมีไฟลุกโชนขึ้น ลมหายใจของเขาสะดุด
เขาออกแรงบีบขาเธอแน่นจนเธอรู้สึกเจ็บ
เธอเงยหน้าขึ้นมองไปยังดวงตาลึกล้ำของเขาที่มองสบมา เธอขดตัวลงเพราะหนาวอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะจมหายไปในน้ำอีกครั้ง
แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถถึงข้อเท้าออกมาได้ เวินจิ้งรู้สึกขุ่นเคือง พยายามตบน้ำแรงๆ จนน้ำอุ่นกระเซ็นออกมาเปียกโชกเสื้อผ้าของเขา “มู่วี่สิง ฉันไม่ปวดแล้ว ออกไปเถอะ” เธอรู้สึกเสมอว่าตัวเองเป็นเหยื่อที่โดนเขาจ้องจะตะครุบ โดยเฉพาะเมื่อเธอเปียกไปทั้งตัวไร้เสื้อผ้าแบบนี้ จะวิ่งก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปทางไหน
ดวงตาของเขาที่มองมายังเธอราวกับไฟที่กำลังแผดเผา เสียงที่เปล่งออกมาของเขาแหบแห้งเหลือเกิน “ในเมื่อเปียกแล้ว เรามาอาบน้ำด้วยกันเถอะ”
เท้าของเธอเล็กมากสะจนชายหนุ่มสามารถจับกุมเอาไว้ได้ง่ายๆในคราวเดียว สายตาที่ร้อนแรงถูกส่งมาหาเธอ เวินจิ้งยังไม่ได้ทันทำอะไร มู่วี่สิงก็ก้มลงไปจุมพิตลงบนหลังเท้าของเธอเสียแล้ว
เวินจิ้งเบิกตากว้างอย่างตกใจ เธอสูดหายใจเข้า
เขาคุกเข่าลงหนึ่งข้าง จูบของเขาทั้งอ่อนหวานอ้อนวอนและยกย่องเธอไปในคราวเดียวกัน
เธอไม่อาจต้านทานกำลังแขนของเขาที่กำลังจับเท้าของเธออย่างพลการได้เลย ริมฝีปากบางพลิกเปลี่ยนไปด้านล่าง นิ้วของเขาจับข้อเท้าเรียวของเธอ ก่อนจะผลักเธอลงไปในอ่างอาบน้ำสีขาว
เขาแนบชิดลงไปบนผิวนุ่มของเธอก่อนพูดเสียงต่ำว่า “ตอนนี้ผมเป็นสามีคุณแล้ว”
หางคิ้วของเขาเลิกขึ้นเผยเป็นรอยยิ้มที่ถือดี “ผมมีสิทธิ์กับคุณ… …หืม?”
เวินจิ้งกัดริมฝีปากตัวเองพลางมองไปยังเขา เมื่อกี้เพิ่งคิดว่าเขาได้รับแรงกระตุ้นอะไร ถึงได้กลายเป็นสัตว์ที่กระหายอย่างเช่นตอนนี้
เธอส่งยิ้มอย่างเฉยเมยไปให้เขา ขมวดคิ้วและพูด “ได้สิ ถึงอย่างไรตอนนี้คุณก็แรงเยอะกว่าฉัน คิดจะทำอะไรก็ห้ามคุณไม่ได้อยู่ดี”
พูดจบ เธอก็ลงไปนอนแช่น้ำอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะปิดตาลง
ชายหนุ่มดึงมือตัวเองกลับอย่างช่วยไม่ได้ ขาของเวินจิ้งจึงกลับไปอยู่ในอ่างอาบน้ำอย่างเดิม
เขามองไปยังแก้มขาวนวลที่มีหยดน้ำเกาะพราวของเธอ “อย่าแช่น้ำนานเกิน”
เธอลืมตาขึ้น ก่อนจะส่งยิ้มให้เขา “อืม เข้าใจแล้ว”
นี่เป็นรอยยิ้มที่สวยงามสดใสที่เขาไม่ได้เห็นมานานแล้วในความทรงจำของเขารอยยิ้มนี่สั่นคลอนหัวใจของมู่วี่สิง สถานที่ในใจของเขาที่เคยว่างเปล่ามานานในที่สุดก็ถูกเติมเต็มทีละน้อย
เมื่อมองไปยังรอยแดงบนผิวขาวผ่องของเธอแล้ว เขาก็คิดว่า เวลาอีกสองปี ก็น่าจะมีโอกาส
อย่างน้อยตอนนี้ ก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้เกลียดเขามากแล้ว
หลังจากแช่น้ำเสร็จ เธอสวมชุดคลุมอาบน้ำออกมา เหลือบมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟา ฝ่ามือของเขากางออก ทำท่าทางคล้ายว่ากำลังซ้อมอะไรสักอย่าง เธอไม่ได้สนใจอะไร เช็ดผมเสร็จก็จะเตรียมเข้านอน ทันใดมู่วี่สิงก็ตามเธอมาทั้งที่เธอยังไม่ถึงเตียงดี
“จิ้งจิ้ง” เธอนั่งพิงหมอนด้วยท่าทีสบายๆ เขาวางมือข้างหนึ่งไว้บนเอวด้านซ้ายของเธอ ดวงตาของเขาดูแวววาว ลมหายใจของเขาร้อนผ่าว เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกตึงเครียดของเขา
เวินจิ้งยังคงเช็ดผมต่อไปไม่ได้สนใจอะไรนัก “เป็นอะไร?”
ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาดำขลับกะพริบตาก่อนจะถามอย่างไร้เดียงสาว่า “ต้องการเหรอ?”