Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 775

ตอนที่ 775

บทที่ 775 มองเธอใกล้แบบนี้

เวินจิ้งผลุบตาลง พวกเขาคุยกัน สิ่งที่ทั้งคู่คุยกันส่วนใหญ่เป็นเรื่องงาน หยูจิ่งห้วนเป็นคนเอาใจใส่มาก ได้ทานอาหารกับเขา เวินจิ้งรู้สึกสบายใจมาก แต่มีแค่ความรู้สึกนี้เท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นอีก

ตอนออกมาก็ค่อนข้างดึกแล้ว ทั้งคู่ดื่มเหล้าไปบ้าง หยูจิ่งห้วนจึงหาบริการขับรถแทน เวินจิ้งนั่งเบาะหลัง แต่ความคิดชัดเจนมาก

ในเวลานี้บนถนนฝั่งตรงข้าม มีรถปอร์เช่คาเยนน์คันหนึ่งไม่รู้จอดตั้งแต่เมื่อไร ชายที่นั่งด้านหลังกั้นด้วยกระจกหน้าต่าง สายตามองออกไปด้านนอกไม่รู้นานเท่าไรแล้ว

ตั้งแต่เธอและหยูจิ่งห้วนออกมาจากร้านอาหาร ขึ้นรถด้วยกัน รอยยิ้มนั้นบนใบหน้าเธอ รู้สึกไม่ได้เห็นนานมากแล้ว

เขาคิดว่าตัวเองจะลืมแล้ว แต่จริงๆ มันลึกเข้าไปในกระดูกของเขา ในหัวใจเขา ยังอยู่ในใจเขาตลอดกาล

สามวันต่อมา มหาวิทยาลัยหนานเฉิง

การประชุมแลกเปลี่ยนวิชาการด้านประสาทวิทยาจัดขึ้นที่หอประชุมมหาวิทยาลัยหนานเฉิง เวินจิ้งไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับที่นี่ นั่งลงแถวหลังสุดของห้องประชุม หยูจิ่งห้วนได้เตรียมสุนทรพจน์ไว้ล่วงหน้าแล้ว และสุนทรพจน์ของเธอก็ไม่ได้เร็วขนาดนั้น

ผู้ที่เข้าประชุมพื้นฐานเป็นแพทย์ในระดับเดียวกัน เวินจิ้งคุ้นเคยอยู่ไม่น้อย บรรยากาศคึกคักมาก ทุกคนกำลังพูดคุยกันจนกระทั่งการประชุมจะเริ่มขึ้น

คนแรกที่ขึ้นมาคือประธานประชุมครั้งนี้ มู่วี่สิง เวินจิ้งได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยของเขา ผลุบตาลง ปากกาในมือค่อยๆ กระชับขึ้น

หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ค่อยๆ เงยศีรษะขึ้น

ในระยะหลายสิบเมตร จริงๆ แล้วเธอเห็นเขาไม่ชัดเจน แต่สามารถร่างลักษณะใบหน้าและโครงหน้าหล่อของเขาได้อย่างชัดเจน

ทีละนิด เขาพูดอะไรเธอไม่ได้ฟัง ความหงุดหงิดในดวงตาแวบผ่านไป เธอจะสละความสนใจไปได้อย่างไร

ผลุบตาลง เธอพยายามสั่งตัวเองให้มีสมาธิ ตามด้วยสุนทรพจน์ของหยูจิ่งห้วน พอจบแล้วเขาก็นั่งข้างๆ เวินจิ้ง

เวินจิ้งกำลังมองไปที่ฉบับร่างสุนทรพจน์ของตัวเอง ไม่รู้ทำไม ตอนแรกช่วงนี้ก็ไม่ได้ประหม่าอะไร แต่ตอนนี้กลับรู้สึกประหม่าอีกแล้ว……

เธอขมวดคิ้ว ความหงุดหงิดนิดหน่อยตกอยู่ในสายตาหยูจิ่งห้วน

เขาพูดเสียงทุ้ม “เวินจิ้ง ผมเชื่อว่าคุณทำได้”

เธอเม้มปาก เบนสายตาขึ้นมองหยูจิ่งห้วน ไม่รู้ทำไม หยูจิ่งห้วนตรงหน้าก็ค่อยๆ กลายเป็นมู่วี่สิง……

เธอส่ายศีรษะทันที หลับตา หายใจลึกๆ

“อืม ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ” เธอเผยรอยยิ้มออกมา

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ถึงตาที่เวินจิ้งกล่าวสุนทรพจน์

มู่วี่สิงนั่งแถวแรก จริงๆ แวบเดียวเธอก็เห็นเขาแล้ว

สบตาเขาอย่างสงบมาก ความรู้สึกในดวงตาสงบมากเกินไป

มู่วี่สิงหรี่ตาเล็กน้อย สายตามองเวินจิ้งโดยไม่ได้ละสายตาเลย หนึ่งปีต่อมา ได้มองเธอใกล้ขนาดนี้

ทั้งคู่ห่างกันไม่กี่เมตร ดูเหมือนจะเป็นระยะทางที่เขาเอื้อมถึง

สุนทรพจน์จบแล้ว วินาทีต่อมา จู่ๆ มู่วี่สิงก็ขึ้นเวทีมาเรียกเวินจิ้ง

ฉากนี้ไม่ได้ตั้งกำหนดไว้ตั้งแต่แรก

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงอาจจะกลั่นแกล้งเธอ แต่ก็ไม่ได้ทำ แค่ถามทัศนคติของเธอที่มีต่องานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท เวินจิ้งตอบอย่างคล่องแคล่ว ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงสายตาของมู่วี่สิง

ไม่ละสายตาออกจากเธอเลย

ทันใดนั้นแก้มเธอก็ร้อนขึ้นมานิดหน่อย หลังจากจบแล้ว ความร้อนนั้นก็ยังไม่หายไป

จนกระทั่งนั่งลงที่นั่งของตัวเอง หยูจิ่งห้วนก็ประคองเธออย่างเป็นห่วง

“เวินจิ้ง แบบนี้เสียมารยาทไหม?” น้ำเสียงหยูจิ่งห้วนมีความโกรธโดยไม่รู้ตัว

เวินจิ้งเม้มปาก พูดขึ้นเรียบๆ “ไม่ค่ะ”

เธอรู้สึกว่าตัวเองสงบมาก

แค่เป็นคนที่เคยรักมาก ดังนั้นก็เลยรู้สึกนิดหน่อยมั้ง

เธอรู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อย และการประชุมก็ใกล้จะสิ้นสุดลง เธอออกไปข้างนอกห้องประชุม นานสักพัก หยูจิ่งห้วนก็ออกมา

“เดี๋ยวจะมีงานเลี้ยงตอนเย็น ถ้าไม่สบาย ผมจะไปส่งคุณกลับบ้านก่อน”

เวินจิ้งส่ายศีรษะ ผู้อำนวยการเคยสั่งไว้ ในเมื่อพวกเขาทั้งสองเข้าร่วมเป็นตัวแทนในนามโรงพยาบาล ไม่สามารถขาดได้ในทุกๆ ขั้นตอน

“ฉันไม่เป็นไร” เธอยิ้ม

หยูจิ่งห้วนเห็นรอยยิ้มเธอ จู่ๆ ก็รู้สึกอึดอัดมาก

เขาอยู่กับเธอมานานมาก แต่พอมู่วี่สิงปรากฏตัวขึ้น ดูเหมือนมิตรภาพทั้งหมดของเขาจะหายไป

ตอนกลางคืน งานเลี้ยงประสาทวิทยาจัดขึ้นในโรงแรมระดับดาวที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยหนานเฉิง เวินจิ้งและหยูจิ่งห้วนนั่งโต๊ะแรก โต๊ะนี้นอกจากพวกเขาสองคนแล้วยังมีมู่วี่สิงและแพทย์สองสามคนในโรงพยาบาลหนานเฉิง

เมื่อก่อนหยูจิ่งห้วนเคยทำงานที่โรงพยาบาล รู้จักคนที่นั่งอยู่ไม่น้อย แต่เวินจิ้งค่อนข้างแปลกหน้า

เขาเริ่มแนะนำทีละคนให้เธอรู้จัก สุดท้ายก็คือมู่วี่สิง

เวินจิ้งเผยยิ้มเรียบๆ ให้กับเขา “คุณหมอมู่”

มู่วี่สิงเพิ่งมา โต๊ะนี้เหลือที่นั่งข้างๆ เวินจิ้งเพียงที่เดียว

รอยยิ้มเธอแข็งทื่อ

มู่วี่สิงพยักหน้าเรียบๆ สบตากับเวินจิ้ง สีหน้าเขาซีดเซียวและเงียบงัน

ราวกับเธอเป็นแค่คนแปลกหน้า

จริงๆ แล้วก็เป็นอย่างนี้แหละ

บนโต๊ะอาหาร หยูจิ่งห้วนและเพื่อนร่วมงานเก่าที่คุ้นเคยคุยกันอย่างมีความสุข เวินจิ้งพูดเสริมเป็นครั้งคราว มู่วี่สิงข้างๆ ยุ่งมาก ปกติจะมีคนมาชนแก้วพูดคุย หางตาเวินจิ้งเห็นเขาดื่มเหล้าไปเยอะมาก

เธอจำได้ว่าผู้ชายคนนี้คออ่อนเป็นพิเศษ……

แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องกังวลอีกต่อไป

ไม่นานนัก แม้แต่แก้วเหล้าตรงหน้าเวินจิ้งก็เต็มไปด้วยเหล้า เวินจิ้งขมวดคิ้ว ตอนที่กำลังจะหยิบแก้วเหล้าขึ้นมา ตรงหน้าจู่ๆ ก็มีสองมือยื่นออกมาจับแก้วเหล้าเธอไว้

มู่วี่สิงและหยูจิ่งห้วน

เห็นได้ชัดว่ามู่วี่สิงเร็วกว่า เขาแย่งแก้วเหล้าได้ก่อน เขารินไวน์แดงในแก้วเวินจิ้งทั้งหมดลงในแก้วตัวเอง

เธออึ้งไป ตอนได้สติกลับมา สายตาต่างๆ บนโต๊ะอาหารก็จับจ้องมาที่เธอ

จริงๆ มีหลายคนยังจำสถานะของเวินจิ้งได้ ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นคุณนายมู่ ความผิดปกติของมู่วี่สิงในคืนนี้ คนที่รู้จักเขาก็เห็นกันหมด

เขาไม่เคยกินเหล้าเยอะขนาดนี้

นอกจาก……น่าจะเพราะเวินจิ้งข้างๆ?

ต่อมาไม่มีใครกล้ารินเหล้าให้เวินจิ้งอีก แม้บรรยากาศโดยรอบจะกลายเป็นอึดอัดมาก

เวินจิ้งนิ่งไป รู้สึกทรมานทุกครั้งที่อยู่ที่นี่ ก็เลยเข้าห้องน้ำไปล้างหน้า

ตอนนี้โทรศัพท์ก็ดังขึ้น หลินยี่โทรมาหาเธอ

“เสี่ยวจิ้ง อาหารเย็นเสร็จเมื่อไร ฉันจะไปรับเธอ”

“จะเสร็จแล้ว เดี๋ยวจะไปแล้ว”

วางสายไป เธอหันตัวพอเดินออกมาก็เจอเด็กผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมา ในมือถือแก้วเหล้าชนเวินจิ้งโดยไม่ได้ระวัง เหล้าทั้งหมดในแก้วเปียกเสื้อผ้าเวินจิ้ง

“พี่สาว ขอโทษครับ……” เด็กผู้ชายเกาหลังศีรษะด้วยความหงุดหงิด

“ไม่เป็นไร” เวินจิ้งยิ้ม หันหลังกลับไปที่ห้องน้ำ สภาพแบบนี้เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถกลับไปที่โต๊ะอาหารได้อีกแล้ว คราบเหล้าบนเสื้อผ้าเธอไม่สามารถเช็ดออกได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงกลับบ้านเท่านั้น

ตอนออกมา เวินจิ้งก้มศีรษะ ดังนั้นจึงเห็นเงาตรงหน้าเธออย่างชัดเจน

ลมหายใจที่คุ้นเคยอยู่ใกล้เธอมาก

หัวใจเธอเต้นระรัว ตอนเงยศีรษะขึ้นมา มู่วี่สิงก็ยืนตรงหน้าเธอ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท