บทที่ 770 เขาไม่ชอบผู้หญิงที่พูดเจื้อยแจ้วไร้สาระ
มู่วี่สิงยืนอยู่ในแสงสลัวๆในห้องหนังสืออย่างเงียบๆอยู่นานสองนาน จนกระทั่งมีก้อนอุ่นๆนุ่มๆเข้ามาใกล้
เขาก้มหน้าลงมองดูเจ้าก้อนดำๆ หน้ารูปงามขมวดคิ้วขึ้นแล้วก้มลงไปอุ้มมันขึ้นมาไว้บนตัก
ฝ่ามือค่อยๆลูบหัวมันเบาๆ เสี่ยวเฮยโตขึ้นแล้วนิดหน่อย แต่เหมือนดูซึมๆ ผู้ชายพึมพำขึ้น “แม้แต่เจ้าเขาก็ไม่อยากได้เหรอ”
“โฮ่งๆ!” เสียงเห่าเบาๆดังขึ้น คู่ดวงตาหงอยๆของมู่เสี่ยวเฮยจ้องมองเขา
มือผู้ชายค่อยๆจับขนของเขา ริมฝีปากได้เผยรอยยิ้มออกมา แล้วเสียงแหบทุ้มต่ำก็ดังขึ้น “พวกเราต่างก็ถูกเขาทิ้งแล้ว มู่เสี่ยวเฮยต่อไปเจ้ามีแต่เราคนเดียวแล้วนะ”
มู่เสี่ยวเฮยที่ยังคงไม่รู้เรื่องอะไรได้เข้ามาคลอเคลียอยู่ที่แขนของเขา
“หิวไหม เดี๋ยวจะพาลงไปหาอะไรกินกัน” เขาอุ้มมันขึ้นแล้วยิ้มจางๆ “จิ้งจิ้งเก็บเจ้ามาเลี้ยงแต่ตอนนี้ไม่เอาเจ้าแล้ว เจ้าจะคิดถึงเธอไหม”
ผู้ชายอุ้มลูกสุนัขออกไป แต่ยังเดินไม่ถึงห้องรับแขกก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น เขาขมวดคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจ
“ฉันต้องการเจอพี่วี่สิง…..ฉันต้องการที่จะเจอเขา…..”
ห้องรับแขกที่เงียบสงบมีเสียงโวยวายของมู่ซีดังขึ้น
มู่เฉิงที่อยู่ข้างๆขมวดคิ้วขึ้น “มู่ซีเธออย่างส่งเสียงดังโวยวายเช่นนี้ เดี๋ยววี่สิงก็อารมณ์ขึ้นหรอก”
มู่ซีโกรธจนกระทืบเท้า “หนูก็แค่ต้องการที่จะพบเขาก็แค่นั้น ใครให้พวกมันมารั้งหนูไว้ล่ะคะ!”
บอดี้การ์ดที่สวมชุดสูทสีดำกล่าวขึ้นอย่างเย็นชาว่า “คุณมู่ พวกเราแค่ทำตามที่นายท่านสั่ง ท่านตอนนี้ไม่ต้องการพบผู้ใด คุณมู่ คุณปู่มู่เชิญพวกท่านกลับไปเถอะ”
“โฮ่ง! ผู้ชายยังไม่ทันเปล่งเสียงใดๆ มู่เสี่ยวเฮยก็เห่าขึ้นแล้ว
มู่วี่สิงเหลือบมองพวกเขาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วสั่งบอดี้การ์ดว่า “พาพวกเขาออกไป”
มู่เฉิงหน้าถอดสี ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พูดตรงๆ แต่ความหมายในคำพูดของมู่วี่สิงนั้นรวมไปถึงชายชราอย่างเขาด้วย
มู่ซีเบิกตากว้างทันที “ทำไม”
มู่วี่สิงไม่กลัวว่าเธอจะเปิดเผยคลิปวิดีโอที่ถูกปลอมแปลงขึ้นหรืออย่างไร หรือเพราะตอนนี้เวินจิ้งได้จากไปแล้ว เขาถึงไม่มีอะไรที่ต้องเป็นกังวลอีก
“จงออกไปให้หมด” สีหน้ามู่วี่สิงที่ไม่สบอารมณ์
“มู่วี่สิง คุณเชื่อหรือไม่ว่าฉันจะแพร่งพรายความลับของคุณออกไป……ให้โลกใบนี้รู้ว่าเวินจิ้งคือฆาตกรตัวจริง ส่วนคุณคือคนที่ใส่ร้ายหลิงเหยา ฉันรู้ว่าเป็นคุณ…..”
มู่ซียังคงร้องโหวกเหวกโวยวาย บอดี้การ์ดจึงดึงเธอแล้วพาออกไป
มู่วี่สิงกลับยกมือขึ้นสั่งให้หยุด
“หากคุณไม่มา ฉันเกือบลืมไปแล้วว่าคุณคือฆาตกรที่ฆ่าลูกของผม”
มู่เฉิงจับไม้ค้ำไว้แน่น สักพักหลังจากควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่นเครือแล้วจึงพูดขึ้น “วี่สิงในเมื่อแกฟื้นคืนความจำแล้ว แกก็น่าจะรู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นเพราะเวินจิ้งตกจากบันไดเองจึงทำให้เธอแท้ง มันไม่เกี่ยวกับมู่ซีแต่อย่างใดเลย”
ผู้ชายหันหลังมาอย่างช้าๆ น้ำเสียงเย็นชา “เหรอครับ ถ้าหากตอนนั้นไม่ใช่เพราะเขาโทรศัพท์หาโม่ถิงเซิน เวินจิ้งตอนนี้ยังคงอยู่ข้างกายผม”
เขาก้มหน้าแล้วยิ้ม ลูบเสี่ยวเฮยที่อยู่ในอ้อมแขนแล้วชะงักขึ้น “ไม่แน่หลานของท่านตอนนี้อาจจะคลอดออกมาแล้ว”
สุดท้ายเขาได้ทิ้งคำพูดไว้ว่า “มู่ซีต่อไปอย่าได้มาปรากฏตัวให้ผมได้เห็นหน้าอีก ไม่อย่างนั้นผมจะทำให้คุณไม่มีที่ซุกหัวนอนอีกต่อไป”
สามเดือนต่อมา ณ ประเทศ F
เมื่อนั่งอยู่ระเบียงที่เงียบสงบ สามารถมองเห็นทะเลสีครามจากระยะไกล เธอเอนกายลงบนเก้าอี้นั่งเล่นอย่างสบายๆ ในลมหายใจเธอสามารถได้กลิ่นน้ำทะเลเค็มๆ
ผมของเธอได้ยาวจนจรดหลัง ผมที่นุ่มสลวยถูสัมผัสกับผิวกายยามลมพัดโชยมา คันนิดๆแต่ก็เย็นสบาย
ในมือมีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คอยู่ ในนั้นมีข่าวสารต่างๆมากมาย
ด้านหลังมีเสียฝีเท้าดังขึ้น มีเสียงหญิงสาวร้องเจื้อยแจ้วด้วยอารมณ์โมโหนิดๆ “เวินจิ้ง เมื่อไรเธอจะตอบตกลงแต่งงานกับพี่ชายของฉัน!”
เวินจิ้งที่ยังคงก้มหน้า สายตาไม่ได้ละไปจากจอคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค “ถ้าเธอไม่ชอบที่เห็นพี่ชายกับพี่สะใภ้ของฉันรักใคร่กันดี ทำให้เธอเกิดความอึดอัดไม่สบายใจ อย่างนั้นฉันคิดว่าเธอควรที่จะไปหาผู้ชายคนอื่นนะ”
“อย่าพูดถึงพี่ชายของเธอกับผู้หญิงคนนั้นอีก!” เมื่อพูดถึงลู่โยวโยวอารมณ์ขึ้นทันที “ถ้าไม่ใช่เพราะฉันตามผู้หญิงคนนั้นกลับมา ไม่แน่พวกเขาอาจจะไม่ได้พบเจอกันอีก ตอนนี้กลับมาทำให้ฉันอารมณ์จี๊ดขึ้น! เวินจิ้งเธออย่ามาเฉไฉเปลี่ยนเรื่องที่ฉันพูด ฉันถามว่าเมื่อไรเธอจะตกลงปลงใจยอมแต่งงานกับพี่ชายของฉัน”
เวินจิ้งขี้เกียจที่จะสนใจเธอ ท่องอินเทอร์เน็ตมีความสุขกว่าการที่ถูกสองพี่น้องบังคับให้แต่งงาน
ลู่โยวโยวไม่ได้มีพิษสงอะไร เพียงแต่ว่าเธอมีความเด็ดเดี่ยวไม่ย่อท้อและชอบตามตื๊อไม่เลิก
“ฉันรู้ว่าผู้หญิงเมืองหนานนั้นถ้าไม่อ่อนน้อมสุดๆก็จะอวดดีสุดๆ ถ้าเธอไม่ใช่น้องสาวของหลินยี่ ต่อให้ชาติที่แล้วทำบุญมากมายก็ไม่มีทางที่จะได้แต่งงานกับพี่ชายของฉันได้ เธอจะไปลองชุดแต่งงานได้หรือยัง!”
ไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้จริงๆ เธอจะรู้ไหมว่าโลกใบนี้มีคนไม่น้อยที่อยากจะเป็นนายหญิงแห่งตระกูลลู่
มีแต่เธอที่ตาบอดคนเดียว
เวินจิ้งพูดอย่างไม่แยแสว่า “หรือว่าฉันยังไม่ได้บอกพี่ชายเธอว่าฉันนั้นยังไม่ได้หย่า”
“ก็แค่ยังไม่ได้หย่าไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย พวกเราสามารถให้ทนายความจัดการได้ทุกอย่าง เป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ”
หน้าเวินจิ้งหน้ามืดทะมึนขึ้น รู้สึกว่าผู้ชายประเทศFนั้นเป็นคนใจกว้าง ไม่ใส่ใจแม้แต่เรื่องที่เธอยังไม่ได้หย่า ถึงแม้ว่าเหตุผลจะเป็นเพราะเธอนั้นเป็นน้องสาวของหลินยี่ก็ตาม
เธอปฏิเสธขึ้นเบาๆ “คุณหนูลู่ ฉันจะบอกคุณอีกครั้งว่า ฉันนั้นไม่ได้ชอบพี่ชายของเธอ”
ลู่โยวโยวยิ่งร้อนรนขึ้น “ผู้หญิงอย่างเธอช่างตาต่ำจริงๆ เธอไม่ชอบพี่ชายของฉัน แต่เธอก็ต้องนึกถึงพี่ชายของเธอบ้างสิ”
ถ้าหากเวินจิ้งแต่งงานกับลู่เซิ่น อย่างนั้นก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่หลินยี่จะทำงานให้กับบริษัทลู่ซื่อ
เวลานี้มีเสียงทุ้มต่ำได้ดังขึ้น “จิ้งจิ้งคิดถึงความสุขของตัวเองก็เท่ากับเป็นการคิดถึงความสุขของผมด้วย ไปบอกพี่ชายของเธอนะ ถ้าเขาหาภรรยาไม่ได้จริงๆ ผมจะหาให้เขาในฐานะที่เป็นเพื่อนกัน ดังนั้นอย่าได้มารบกวนน้องสาวผมอีก”
ลู่โยวโยวหันศีรษะไป แวบแรกก็เห็นชายรูปงามที่ดึงดูดสายตายืนอยู่หน้าประตู เขาสวมเสื้อผ้าเชิ้ตสีดำสบายๆ ที่กระดุมด้านบนถูกปลดออก เผยให้เห็นถึงความเซ็กซี่ของแผ่นอก
ลู่โยวโยวถอนหายใจเข้าลึกๆ ก่อนหน้านั้นชายคนนี้นอนสลบไสลเธอรู้สึกหงุดหงิดมาก ตอนนี้เขาตื่นขึ้นมาแล้วเธอยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิม
เบิกตาโพลงมองผู้ชายด้วยความโกรธ แล้วก็วิ่งออกไป
เวินจิ้งมองตามหลังของเธอแล้วเม้มริมฝีปากตัวเอง ทันใดนั้นก็มองไปยังพี่ชายตัวเองอย่างจริงจัง “พี่คะ น้องคิดว่าลู่โยวโยวนั้นก็ใช้ได้เหมือนกันนะคะ ถ้าหากไม่มีเวยอาน พี่จะสนใจเธอไหม”
คุณหนูมหาเศรษฐีแห่งบ้านตระกูลลู่ นอกจากโดนตามใจจนเสียนิสัย อย่างอื่นถือว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว
“พี่ชอบผู้หญิงที่นิสัยดี” ปากของเวินจิ้งถูกอุดด้วยประโยคเดียวของหลินยี่
เขาไม่ชอบผู้หญิงที่พูดเจื้อยแจ้วน่ารำคาญ
มองดูใบหน้าของพี่ชายที่ท่าทางรังเกียจ เวินจิ้งจึงไว้อาลัยให้กับ ลู่โยวโยวประมาณครึ่งนาที