บทที่ 796 พิสูจน์ว่าคุณยังชอบเขา
เวินจิ้งหันหน้าไป “ฉันจะกลับแล้ว”
เมื่อพูดจบเธอก็เปิดประตูรถออก
มู่วี่สิงคว้าแขนเธอไว้ และวางคางเกยไว้บนไหล่เธอ “ย้ายออกมาดีไหม”
เสียงแหบพร่าของเขากล่าวอย่างวิงวอน “ฉันรู้สึกเจ็บปวดมากเวลาที่เธออยู่กับเขา”
เมื่อความเป็นเจ้าของที่อัดอั้นไว้ปะทุขึ้น แม้แต่เขาเองก็ควบคุมมันไว้ไม่อยู่
เวินจิ้งกำที่เปิดประตูไว้แน่น ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะพูดออกมา“มู่วี่สิง นายรู้ความหมายของการไล่ตามไหม พวกเรายังไม่ได้อยู่ด้วยกัน”
เธอออกแรงเปิดประตูรถและไม่ลืมที่จะเตือนเขา “ใช่แล้ว อย่าทำอะไรฉินซี”
มู่วี่สิงมองไปยังแผ่นหลังเรียวบางของเธอ แม้ว่าจะแสร้งทำเป็นนิ่งเฉย แต่ทุกก้าวที่ร้อนรนของเธอก็ยังหลุดแสดงอารมณ์ออกมา
เธอไม่อยากอยู่กับเขาเพียงลำพัง
เวินซิน ไม่ใช่ลูกสาวของเธอ นั่นหมายความว่าเธอกับลู่เซิ่นไม่ได้มีลูกด้วยกัน
ในห้องนั่งเล่น ชายในชุดสูทสีดำนั่งอยู่บนโซฟานั่งอ่านเอกสารอย่างเฉยเมย ท่าทางสบายๆของเขาทำให้เวินจิ้งโกรธมาก
เธอหยิบหมอนขึ้นมาด้วยความโกรธและโยนมันไปที่ลู่เซิ่นเขารีบเบี่ยงหลบ หมอนตกลงไปที่พื้น
“หึ ทำไมถึงอารมณ์เสียขนาดนี้”ชายหนุ่มค่อยๆเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากโค้งงออย่างไม่พอใจ “ผู้ชายของคุณขับรถมาถึงหน้าประตูบ้าน ผมยังไม่คิดบัญชีเขาเลยนะ คุณยังจะโกรธผมอยู่อีกไหม”
เวินจิ้งหอบและระงับความโกรธของเธอ เธอพูดอย่างเย็นชา“ผู้หญิงของคุณวางยาฉัน ฉันบอกคุณไว้เลยว่าฉันจะไม่เล่นละครเรื่องนี้อีกแล้ว!”
ลู่เซิ่นเพิกเฉยต่อความโกรธของเธอโดยสิ้นเชิง พูดนิ่งๆ “พรุ่งนี้จะมีการประมูลในตอนบ่าย คุณต้องเข้าร่วมในนามของผม”
“ไม่” น้ำเสียงของเวินจิ้งปกติ ใบหน้าน่ารักของเธอดูเย็นชา“คุณส่งคนมาคุ้มกันฉันไม่ใช่เหรอ คนพวกนั้นมันไร้ค่า ไม่ได้สังเกตว่าฉันถูกวางยาด้วยซ้ำ โชคดีที่มันเป็นแค่ยาปลุกเซกส์ แล้วถ้ามันเป็นยาพิษล่ะ?”
ลู่เซิ่น มองเธออย่างครุ่นคิด “เมื่อกี้คนรับใช้มู่วี่สิงมาส่งคุณ ดูสนิทสนมกันดี ที่คุณโกรธขนาดนี้เป็นเพราะอดีตสามีของคุณทำให้คุณไม่พอใจหรือเปล่า”
เขาส่ายหัวเบาๆและยังคงดูเอกสารต่อไปพลางพูดขึ้นอย่างช้าๆ“ถ้าไม่โอเคจริงๆก็อย่ากังวลไปเลย ให้พี่ชายของคุณหาผู้ชายที่ไม่มีตำหนิให้สิ”
เวินจิ้งโต้กลับไปตามเงื่อนไข“นายแม่งก็ทำไม่ได้ ครอบครัวนายก็ทำไม่ได้!”
เวินจิ้ง:……
ผู้หญิงคนนี้ตามปกติแล้วแทบจะไม่อารมณ์เสียเลย และแม้ว่าจะอารมณ์เสียก็จะไม่รุนแรงขนาดนี้
จุ๊ๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นคนละคนกับตอนที่อยู่กับมู่วี่สิง
เขาวางเอกสารในมือลง ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มจางๆ “ดูเหมือนว่ามู่วี่สิงจะบังคับคุณสินะ? คุณไม่โกรธเขาแต่กลับมาลงที่ผม”
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอซึ่งมันทำให้เวินจิ้งโกรธมากขึ้น
“ถ้าชอบก็อยู่ด้วยกัน ไม่ชอบก็ตัดขาดกับเขาไป หรือไม่ก็กลับไปประเทศF เวินจิ้ง คุณสับสนอะไรอยู่?”
เธอกัดริมฝีปาก มือข้างกายของเธอค่อยๆกำแน่นและในที่สุดความโกรธบนใบหน้าก็หายไป
ลู่เซิ่นเอาขายาวทั้งสองข้างไขว้ทับกัน ท่าทางยังคงสง่างามและสูงส่ง “ผมกำลังเดาอยู่ว่ามู่วี่สิงทำอะไรให้คุณโกรธถึงขนาดนี้ คงจะมีอะไรกันแล้วเขาขู่คุณด้วยวิดีโอสินะ? ”
เปลือกตาของเวินจิ้งกระตุก พูดเสียดสีด้วยความเย็นชา “ก็คล้ายความคิดเลวๆแบบนั้นแหละ ”
ลู่เซิ่นไม่สนใจคำพูดถากถางของเธอ อย่างไรก็ตามต่อสำหรับเขาแล้วผู้หญิงคนนี้ไม่เคยเชื่อฟังเลย เขาค่อยๆหยิบแฟ้มที่อยู่ข้างๆขึ้นมาอีกครั้ง “ร่างกายของผู้หญิงซื่อสัตย์กว่าปากไม่ใช่เหรอ คุณไม่รังเกียจที่จะนอนกับเขาหรือไง”
เวินจิ้ง:……
ทำไมเธอจะต้องคุยเรื่องนี้กับลู่เซิ่นด้วย
ลู่เซิ่นมองใบหน้าที่แดงของเธอด้วยรอยยิ้มนิ่งๆ“คุณแค่โกรธและเสียใจ แต่คุณไม่ได้เกลียดมันจริงๆหรอก”
เวินจิ้งเงียบ ไม่พูดอะไรออกมา
“ความโกรธพิสูจน์ว่าคุณเป็นผู้หญิงปกติคนหนึ่ง ความเสียใจก็เพราะคุณไม่ชอบสถานการณ์ที่ตัวเองเบลอๆแล้วไปมีเซ็กส์กับผู้ชายที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่แน่นอนด้วย คุณไม่ได้รังเกียจที่จะนอนกับเขา นั่นพิสูจน์แล้วว่าคุณยังชอบเขาอยู่”
ตามจริงแล้วเธอรู้ รู้ว่าเธอยังคงชอบมู่วี่สิงอยู่
แม้ว่าเธอจะโกรธมู่วี่สิงที่ถ่ายวิดีโอโง่ๆนั่นแต่เธอก็ไม่ได้รังเกียจ ทั้งที่มันเห็นได้ชัดเจนว่าเขาทั้งเลวและน่ารังเกียจ
“ลู่เซิ่น”เธอมองชายหนุ่มที่นั่งจริงจังกับเรื่องธุรกิจอยู่บนโซฟา ถามเสียงต่ำ “คุณกับฉินซีแยกจากกันมาสามปีแล้ว คุณไม่คิดจะชอบผู้หญิงคนอื่นเลยเหรอ”
มือของลู่เซิ่นกำปากกาแน่น เผยรอยยิ้มยิ้มจางๆ “เคยคิด แต่ยังไม่เจอ”
นิ้วเรียวกดลงที่หว่างคิ้ว “ยังไม่เจอใครที่จะมาแทนที่เธอได้ เพราะอย่างงั้นจึงมีแค่เธอ”
นี่คือสิ่งที่ทำให้ทำอะไรไม่ถูกและต้องยอมรับมัน
เวินจิ้งอยู่กับเวินซินสักพัก จากนั้นก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง
ยังไม่เจอใครที่จะมาแทนที่เธอได้ เพราะอย่างงั้นจึงมีแค่เธอ
เธอนั่งบนเตียงอย่างเหม่อลอย มองผ้าม่านที่พลิ้วไหวไปตามสายลม คิดถึงเศษเสี้ยวช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา จริงๆแล้วก็อยากให้ใครสักคนมาแทนที่เขาในใจเธอ
แต่เธอพลาดแล้ว
คนที่แม้แต่เวลาก็พรากไปไม่ได้ อย่างนั้นแล้วจะเป็นคนอื่นได้อย่างไร
ความเป็นจริงแล้ว ในบางเวลาที่เธอเศร้าและโดดเดี่ยว เธอก็ไม่ได้คิดถึงเขามากขนาดนั้น
หลังจากนั้นมาก็เป็นบางครั้งที่คิดถึง เป็นเพียงอารมณ์เฉยๆเท่านั้น ดังนั้นหลังจากออกจากหนานเฉิงลู่เซิ่นต้องการความช่วยเหลือจากเธอและเธอก็รับปากอย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก
เธอคิดว่าแม้ว่าเธอจะกลับมาเธอก็จะเริ่มชีวิตใหม่เพียงลำพัง
เธอค่อยๆนอนลง ความรู้สึกไม่สบายตัวยังคงชัดเจน เธอยังสามารถนึกถึงความบ้าคลั่งในตลอดคืนนั้นได้อย่างชัดเจน
……
เธอยังคงไปงานประมูล แต่ไม่ใช่ในนามของ ลู่เซิ่น
ที่จริงแล้วมู่วี่สิงก็อาจจะไปด้วยเช่นกัน เธอบอกลู่เซิ่นว่าถ้าไม่อยากถูกเธอนอกใจในที่สาธารณะก็ให้เลขาไปแทนเธอ
เมื่อปฏิเสธลู่เซิ่นแล้ว ไม่นานสายของมู่วี่สิงก็โทรเขามา “ไปงานประมูลเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”
“ที่นั่นคนเยอะจะตาย”เธอขมวดคิ้ว “ความสัมพันธ์ของพวกเราไม่เหมาะที่จะเปิดเผย”
“ฉันจะรอเธอลงมา”ชายหนุ่มไม่สนใจท่าทีของเธอเลย
เวินจิ้งพูดอย่างเคืองๆ “ฉันไม่ไป”
ในแวดวงไฮโซของเมืองหนานเฉิง เธอก็อยู่ในแวดวงเดียวกับมู่วี่สิง ชื่อของเธอถูกเชื่อมโยงกับมู่วี่สิงเมื่อไม่กี่ปีก่อน ตราบใดที่เธอยืนอยู่ข้างๆเขา เธอจะดึงดูดความสนใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ราวกับว่าสปอร์ตไลท์จะสาดส่องมาที่เธอ ดังนั้นเธอไม่อยากไป
“ฉันมาถึงประตูบ้านเธอแล้ว” มู่วี่สิงบ่นพึมพำเผยรอยยิ้มที่ไม่สามารถซ่อนได้ “ออกมา โอเคไหม”
“นาย … นายนี่มันมัดมือชกจริงๆ” เวินจิ้งโกรธมากขึ้น ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงเผด็จการขนาดนี้นะ
“ฉันรอเธออยู่” เสียงของเขายังคงทุ้มต่ำค่อนข้างเอาแต่ใจ
ก่อนที่เวินจิ้งจะได้ปฏิเสธอีกครั้ง โทรศัพท์ก็ถูกตัดสายไป เวินจิ้งไม่ทันได้พูดอะไรออกมา
เธอไม่อยากสนใจมู่วี่สิง ไม่ใช่เพราะต้องอยู่เป็นเพื่อนเวินซินอ่านหนังสือ เธอก็ไม่ได้ออกไปดูว่ามู่วี่สิงอยู่ข้างนอกจริงไหม
ไม่ใช่ว่ามู่วี่สิงกำลังยุ่งอยู่กับการวินิจฉัยโรคและการผ่าตัดทุกวันหรอกเหรอ? ทำไมถึงมีเวลามายุ่งวุ่นวายกับเธอได้?