บทที่ 824 ความทรงจำที่ไม่มีความเสียดาย
เวินจิ้งกระพริบตาและรู้สึกท้อแท้ขึ้นมา
“คุณรู้อยู่แล้วจริงๆด้วย”
วันนั้นพวกเขาสามคนตื่นตระหนกและพูดไม่ตรงกัน ก็เพราะกังวลเรื่องนี้เหรอ
ร่างสูงของมู่วี่สิงสั่นสะท้านและใบหน้าก็บึ้งตึงทันที เขามีหลายอย่างที่อยากจะพูดกับเธอ แต่ก็ติดอยู่ในลำคอไปหมด
สมองวุ่นวายไปหมด เขาได้ยินหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาพูดว่า “ฉันยังคิดจะให้เซอร์ไพรส์คุณเลย”
คิดไปอีกรอบ เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “ทำไมคุณรู้แล้วแต่ไม่บอกฉันล่ะ”
มู่วี่สิงหยุดฝีเท้าที่อุ้มเธออยู่ ดวงตาสีดำมองเธออย่างลึกซึ้ง ผ่านไปสักพักถึงถามด้วยเสียงต่ำว่า “คุณยอมจะเก็บเขาไว้เหรอ”
เวินจิ้งถามกลับ “ทำไมถึงจะไม่เก็บเขาไว้ล่ะ”
ที่เอวมีอาการปวดอย่างรุนแรงอย่างกะทันหัน เวินจิ้งเจ็บจนหน้ายู่ย่น เธอตบหน้าอกของชายหนุ่มด้วยความโกรธและถามว่า “มู่วี่สิง คุณจงใจทำใช่มั้ย ฉันเจ็บมาก”
เมื่อได้ยิน ดูเหมือนว่าสติของผู้ชายค่อยฟื้นขึ้นมา รีบเบาลงทันที เขาก้มหัวลงและจูบเธอเบาๆ ปากติดกับแก้มของเธอว่า “ขอโทษ”
เขาพึมพำและพูดสามคำนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก สักพักค่อยพูดว่า “ฉันคิดว่าคุณจะไม่อยากได้เขา”
เวินจิ้งตกตะลึงและเธอเข้าใจทุกอย่างทันที
มู่วี่สิงอุ้มเธอเดินต่อ มือแข็งแกร่งมาก เขาโอบกอดเธอไว้แน่นตลอด
เธอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม สักพักถึงค่อยๆพูดว่า “ที่ฉันมาที่นี่ ก็เพื่ออธิษฐานต่อพระโพธิสัตว์ หวังว่าพวกเขาจะไม่โชคร้ายที่กลับชาติมาเกิดอีก เพราะฉันตัดสินใจที่จะลืมพวกเขาแล้ว… ”
เวินจิ้งพิงไหล่ของเขาอย่างเงียบๆ และยิ้มอย่างแผ่วเบา “ไม่รู้ว่าคุณคิดได้ยังไง ฉันเคยฆ่าลูกตัวเองด้วยมือของฉันเอง แล้วฉันจะทำแบบนั้นอีกได้ยังไงล่ะ”
มู่วี่สิงวางเธอไว้ที่เบาะผู้โดยสารอย่างระมัดระวัง แล้วเดินไปที่นั่งคนขับ เวินจิ้งยิ้มอยู่ตลอด รอให้มู่วี่สิงคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ
ทันทีที่ชายหนุ่มโน้มตัวเข้ามา เวินจิ้งก็ยกคางขึ้นและจูบเขา ริมฝีปากที่อ่อนนุ่มจูบริมฝีปากบางๆของเขา มู่วี่สิงแข็งตัวเพียงครึ่งวินาที และหันกลับจับด้านหลังหัวเธอจูบให้ลึกซึ้งขึ้นทันที
เวินจิ้งกดหน้าผากของเขาและถามอย่างงุนงง “เมื่อกี้ตอนที่รอรถอยู่ ฉันดูฤกษ์งามยามดีเรียบร้อยแล้ว ไม่งั้นเราจัดงานแต่งงานในสัปดาห์หน้าแล้วกัน”
“ไม่ได้” มู่วี่สิงปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด
ขอแต่งงานครั้งแรกก็ถูกปฏิเสธแล้ว เวินจิ้งโกรธขึ้นมาเบาๆทันที “โอ้ คุณหมายถึงว่ายังไง ขึ้นรถแล้วก็คิดว่าซื้อตั๋วแล้วเหรอ”
มู่วี่สิง…
จูบริมฝีปากที่เปล่งประกายของเธอ และพูดด้วยเสียงเบาว่า “คนดีของฉัน ชุดแต่งงานที่สั่งทำยังทำไม่เสร็จ ขอเวลาฉันอีกสักหน่อยนะ”
เวินจิ้ง: … ที่แท้ก็แอบสั่งทำชุดแต่งงานโดยไม่บอกเธอนี่เอง
เวินจิ้งยังส่ายหัวอย่างมั่งคง “ไม่เอา อีกสักพักท้องของฉันก็จะโตแล้ว ถึงตอนนั้นใส่ชุดแต่งงานจะไม่สวย
ก็สัปดาห์หน้าแหละ”
มู่วี่สิงก้มลงมองท้องที่ยังมองไม่ออกของเธอ “ไม่หรอก คุณผอมขนาดนี้ ท้องจะไม่โตได้เร็วขนาดนี้หรอก”
กลับไปถึงการ์เด้นมู่เจียวาย เมื่อเวยอานเห็นพวกเขาค่อยโล่งใจ รีบเข้าไปหาเวินจิ้งนที “จิ้งจิ้ง คุณไปไหนมา ฉันโทรหาพี่ชายของคุณแล้วด้วย”
เวินจิ้งกระพริบตาและพูดอย่างน่าสงสารว่า “ฉันเดินเล่นไปรอบๆ … แล้วโทรศัพท์ก็แบตหมด ขอโทษนะคะ ครั้งหน้าฉันจะบอกพวกคุณก่อนแน่นอน”
เวยอานกอดเธอ “ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว”
เวินจิ้งยิ้ม วางกระเป๋าของเธอไว้บนโซฟาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่โทรหาพี่ชายว่า ให้เขาพรุ่งนี้มากินข้าวนะ สามีของฉันจะทำอาหารเองเพื่อฉลองเขามีลูกแล้ว”
รอยยิ้มของเวินสดชื่นและอ่อนหวานมาก โดยไม่มีความไม่ดีใจใดๆเลย
เวยอานเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ และรีบยิ้มอย่างมีความสุขทันที “จริงเหรอ… เสี่ยวจิ้ง ขอแสดงความยินดีกับพวกคุณด้วยนะ… ”
“น่าเสียดายจังที่พี่สะใภ้ไม่ได้ไปเป็นนักแสดง ฉันรู้ว่าคุณรู้ตั้งนานแล้ว … ชิ … ”
เวยอาน……
..
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
คริสตจักรย้อนยุคมีบรรยากาศที่เงียบสงบ และดนตรีไพเราะและผ่อนคลายค่อยๆดังขึ้น
พรมแดงทอดยาวจากประตูไปถึงเท้าของนักบวชผู้เป็นมิตรยิ้มอย่างแจ่มใส
พร้อมเสียงเพลงงานแต่งงาน ชายหนุ่มหล่อผู้มีเสน่ห์ที่จูงมือเวินจิ้งที่ใส่ชุดแต่งงานสีขาวค่อยๆเดินจากปลายพรมแดง
กลีบกุหลาบสีแดงและสีขาวกระพือปีกไปทั่ว กระจัดกระจายอยู่บนพรม
เวินจิ้งเงยหน้ามองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม้กางเขนแล้ว ทันใดนั้นเสียงเต้นของหัวใจก็ชัดเจนมาก
“พี่ชาย ฉันตื่นเต้นมาก”
ทั้งๆที่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สองคนจัดงานแต่งงานแล้ว แต่ครั้งนี้มีแต่ญาติเพื่อนสนิทเท่านั้น จัดงานแต่งงานนี้เพราะความรักเท่านั้น
เธออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองแขกที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ คุณแม่และโจวเซิ่งวันนี้เพิ่งกลับมาถึง ลู่เซิ่นจับมือฉินซีมองเธอด้วยความยินดี ดวงตาของเวยอานแดงไปเบาๆ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ลึกซึ้ง ลี่หนานเฉิงและซูยิงนั่งเคียงข้างกันในแถวหน้า ลี่หนานเฉิงมองเธอด้วยสายตาที่ดุดัน ราวกับจะบอกว่าถ้าคุณกล้าทำร้ายจิตใจเพื่อนรักฉันอีก
เวินจิ้งอยากร้องไห้ขึ้นมา
“เข้มแข็งหน่อย น้องสาวของฉัน” เมื่อสังเกตความฟุ้งซ่านของเวินจิ้ง เสียงต่ำของหลินยี่ก็ดังอยู่เข้าหูเธอ
จริงๆแล้ว เวินจิ้งรู้สึกเสมอว่างานแต่งงานเป็นแค่พิธีเฉยๆ เราสองคนแต่งงานกันมานานแล้ว และพิธีนี้ก็แค่เป็นความทรงจำที่ไม่มีความเสียดายเฉยๆ
แต่ในวินาทีนี้ เมื่อเธอเหยียบพรมและค่อยๆเดินไป ก็รู้สึกหวั่นไหวเหมือนกัน
เธอกำลังจะแต่งงานกับคนนั้นจริงๆ … ผู้ชายที่เธอรัก
เก็บสายตากลับมา เธอหายใจเข้าลึกๆ รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆสดใสขึ้นมา มองมู่วี่สิงผู้ชายที่หล่อเหลาและสมบูรณ์แบบโดยไม่กระพริบตา
หลินยี่ใส่ชุดสูทสีขาว มีความสง่างามและความลุ่มหลง เขามองมู่วี่สิงและค่อยๆส่งมือเล็กๆของเวินจิ้งให้เขา
เสียงต่ำพูดเน้นทีละคำ”มู่วี่สิง ฉันฝากน้องสาวของฉันให้คุณด้วย”
มู่วี่สิงก้มตาลง จับมือเวินจิ้งแน่นๆ และก็อ่อนโยนมาก
“ครับ”
เงยหน้าขึ้นมองดวงตาของชายหนุ่ม แก้มของเวินจิ้งร้อนมาก และอ่อนเพียงเล็กน้อยด้วย มีแต่จับมู่วี่สิงไว้แน่นๆ ฟังคำสัญญาของนักบวชและสัญญาซึ่งกันและกัน “ค่ะ/ครับ”
แหวนระยิบระยับสวมอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ เธอได้ยินเสียงต่ำและอ่อนโยนของมู่วี่สิงดังอยู่ข้างหูของเธอ “จิ้งจิ้ง ผมรักคุณ”
“ฉันก็รักคุณ”
……
สามปีก่อน
ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมว่านหาว เต็มไปด้วยไฟสว่างอย่างดวงดาว
ฉินซีเดินผ่านทางเดินที่ยาวมาก เมื่อกี้เห็นหซู่เป่ยและผู้หญิงเดินมาทางนี่อย่างชัดเจน แต่ตอนนี้หายไปได้ยังไง
ทันใดนั้น เสียงผู้หญิงตุ้งติ้งก็ดังมาจากระเบียงที่ห่างไม่กี่เมตร ดวงตาของฉินซีสว่างขึ้นและเดินไปอย่างเบา ๆ
เธอยกกล้องในมือขึ้นด้วย –
หซู่เป่ย คราวนี้ฉันถ่ายภาพเรื่องอื้อฉาวของคุณได้สักที
ในวินาทีต่อไป ฉินซีก็ตกตะลึงไปทั้งตัว ผู้ชายที่ถ่ายภาพได้ หน้าคุ้นๆแต่ไม่ใช่หซู่เป่ย
“คุณลู่… คุณป้าให้ฉันมากับคุณ… ” เสียงหวานของผู้หญิงทำให้ฉินซีขนลุกทันที
คุณลู่… … คุณลู่…… ลู่เซิ่นเหรอ