Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 832

ตอนที่ 832

บทที่ 832 ห้วงฝัน

“ประธานลู่” น้ำเสียงของฉินซียังคงแฝงไปด้วยความอ่อนล้าเล็กน้อย “ขอบคุณค่ะ”

คิ้วที่ขมวดมาตลอดทั้งเช้าของลู่เซิ่นคลายลง พอคิดว่าครั้งนี้เขาใช้คอนเนคชั่นเพื่อแก้ปัญหาความรักครั้งเก่าของฉินซี คิ้วของเขาก็กลับมาขมวดอีกครั้ง ก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่จำเป็น ฉันพอใจกับการแสดงออกของเธอมากพอแล้ว”

ฉินซีคล้ายกับถูกทำให้สำลัก เธอเงียบไปสักพักหนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นท่านประธานก็ทำงานต่อเถอะค่ะ ฉันไม่รบกวนคุณต่อแล้ว”

ลู่เซิ่นตอบกลับไปว่า ‘อืม’ ด้วยเสียงเรียบ ๆ หลังจากนั้นก็วางสายโทรศัพท์

ผู้ช่วยหยิบเสื้อนอกส่งให้เขา มองลู่เซิ่นที่ยังคงถือโทรศัพท์เอาไว้ในมือ แต่สีหน้ากลับดูดีกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อย

ในหัวของเขาเต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่งความสับสน แต่ก็ไม่กล้าที่จะถามออกไป เขาช่วยลู่เซิ่นจัดการเสื้อผ้า จากนั้นก็เดินตามอีกฝ่ายไป

ฉินซีวางสายโทรศัพท์แล้วยกมือบิดขี้เกียจ จำได้ว่าอานหยันบอกเธอว่าช่วงนี้เธอไม่สามารถจัดการธุระของตัวเองได้ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจกลับไปนอนกลางวันต่อสักงีบ

เอวของเธอถูกใช้งานหนักเกินไป จนถึงตอนนี้ก็ยังคงปวดอยู่เลย

พ่อบ้านเปิดผ้าม่านเอาไว้ให้แล้ว ฉินซีเอนหลังอยู่บนเตียงนอนไม่หลับ จึงเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อก จึงพบว่าภาพหน้าจอยังค้างอยู่ที่ขั้นตอนการบล็อกเบอร์โทรศัพท์ของหซู่หนาน

ฉินซีหัวเราะแล้วล็อกหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง

ความง่วงโถมทะลักเข้ามา ฉินซีจึงจมเข้าไปสู่ห้วงฝันที่ทำให้เธอทุกข์ทรมานใจมาช้านาน

กล่าวอีกนัยหนึ่งนี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความทรงจำเมื่อหนึ่งปีก่อนหน้า

ช่วงเวลาในความฝันก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีก่อน ตอนนั้นเธอยังเป็นคุณหนูใหญ่ของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป

ตั้งแต่ตอนที่เธอยังเด็กเธอก็รู้มาตลอดว่าความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่ไม่ค่อยดีนัก ตอนนั้นเธอรู้สึกสับสนและเสียใจ แต่หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ชินชากับสงครามเย็นที่อยู่อย่างต่อเนื่องนั้น

แต่ในความฝันนี้ดูเหมือนว่าในช่วงเวลานั้นความขัดแย้งระหว่างพ่อกับแม่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น คนสองคนอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า ในสายตาเต็มไปด้วยการเฝ้าระวังและหวาดระแวงกันและกัน ใช้ชีวิตกันแบบนั้นอยู่หลายปี

ฉินซีที่ถูกบีบให้อยู่ตรงกลางรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก เธอจึงตอบรับคำขอไปเดทของหซู่หนาน

วันนั้นเหมือนจะเป็นวันศุกร์ แดดยังคงส่องแสงร้อนแรงในตอนเช้า ทว่าตอนบ่ายท้องฟ้ากลับมืดครึ้มเสียได้

ในความฝันเธอกับหซู่หนานจับมือกันเดินไปตามถนน หซู่หนานเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า จากนั้นก็หันกลับมาถามเธอว่า “ดูเหมือนว่าฝนใกล้จะตกแล้ว พวกเราไปดูหนังกันดีไหม”

ฉินซีไม่ปฏิเสธ

พอทั้งสองคนไปถึงโรงหนัง ก็ซื้อตั๋วหนังที่เกี่ยวกับวรรณกรรมเรื่องหนึ่งมา

ตอนที่เข้าไปในโรงหนังเหมือนจะได้ยินเสียงฟ้าร้องดังมาจากข้างนอก ฉินซีขมวดคิ้วพลางสะดุ้งตกใจ ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจแพร่กระจายออกมา

ทว่าหลังจากที่ประตูบานหนาของโรงหนังปิดลง เสียงข้างนอกก็ถูกตัดขาดไปทันที

ฉินซีระงับความกังวลไว้ในใจ แล้วเดินตามหซู่หนานไปยังที่นั่ง

หนังวรรณกรรมเรื่องนี้มีคนดูน้อยมาก ทั้งโรงคล้ายจะมีแค่เธอกับเขาสองคน ดูเหมือนว่าหซู่หนานจะสนใจกับหนังเรื่องนี้มาก เมื่อหนังเริ่มฉายเขาก็ดูมันอย่างตั้งใจ แต่ฉินซีกลับรู้สึกอึดอัดอยู่ข้างในหัวใจตั้งแต่ต้นจนจบ

ความรู้สึกนี้ยากที่จะอธิบาย เหมือนกับมีเมฆดำปกคลุมหัวใจของเธอ

เธอเอาแต่จะกระสับกระส่าย และไม่สามารถตั้งใจกับการดูหนังได้ ทว่าหซู่หนานกลับจมดิ่งอยู่กับเนื้อเรื่อง เนิ่นนานกว่าที่จะสังเกตเห็นว่าสีหน้าของฉินซีผิดปกติไปเล็กน้อย

“เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ” เขาเอนตัวเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง

ฉินซีส่ายหน้า “ไม่ใช่ไม่สบาย เพียงแต่…”

หซู่หนานมองเธออย่างเป็นห่วง ทว่าทันใดนั้นฉินซีกลับพูดไม่ออก

จะให้พูดว่าอยู่ ๆ ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาได้ยังไง

นอกจากนั้นดูเหมือนว่าหซู่หนานจะชอบหนังเรื่องนี้มาก เธอจึงไม่อยากจะรบกวนเขา

ฉินซีกลืนสิ่งที่กำลังจะพูดกลับเข้าไป หลบสายตาแล้วพูดว่า “อาจแค่เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ เมื่อกี้ข้างนอกร้อนมาก”

หซู่หนานเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของเธอ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถอดเสื้อนอกของตัวเองคลุมลงบนไหล่ของฉินซี “ถ้าเหนื่อยก็พักสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟังเองว่าหนังเรื่องนี้พูดเรื่องอะไรบ้าง”

ฉินซียิ้มแล้วพยักหน้า

หซู่หนานหันกลับไปดูหนังต่อ ฉินซีปิดตาลงเพื่องีบหลับ ทว่าจังหวะหัวใจของเธอกลับยังคงเต้นอย่างรุนแรงอยู่ตลอด

ความรู้สึกไม่สบายใจนั้นปกคลุมไปทั่วทั้งหัวใจ

จนกระทั่งในตอนนั้นเองอยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น…

ฉินซีก็ลืมตาขึ้นมาแล้วลุกขึ้นนั่ง

ลืมไปแล้วว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความฝันนี้มักจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

มักจะเริ่มจากการเดินซื้อของ และตื่นขึ้นมาก่อนที่จะรับโทรศัพท์เสมอ

แน่นอนว่าเธอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปหลังจากนั้น บางทีอาจจะเป็นเพราะเพื่อที่จะปกป้องตัวเอง ห้วงฝันจึงมักจะสิ้นสุดลงก่อนที่เธอจะรับโทรศัพท์เสมอ

ฉินซียิ้มสมเพชตัวเอง

เธอคิดว่าตัวเองสามารถเผชิญหน้ากับเรื่องที่ฉินซึ่งเทียนทำได้ตั้งนานแล้ว ทว่า ภาพในความฝันได้บอกกับเธอแล้วว่าเธอทำไม่ได้

เธอยังคงโกรธอยู่ บางทีอาจจะยังหวาดกลัวเล็กน้อย

ความจริงแล้วการที่ฝันถึงหซู่หนานนั้นเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย ในตอนแรกฉินซีก็สงสัยเหมือนกันว่าเธอมีความรู้สึกกับเขาจริง ๆ หรือไม่ แต่แล้วหลังจากนั้นเธอก็คิดออก อาจเป็นเพราะหซู่หนานปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลานั้นพอดี ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่นมาอยู่กับเธอในช่วงเวลาแบบนั้น เธอก็คงไม่ได้ฝันถึงหซู่หนาน

ทว่าคำพูดนี้ นอกจากฉินซีแล้วเกรงว่าคงจะไม่มีใครเชื่อ

ตัวอย่างเช่น…

“เธอเพิ่งจะละเมอออกมา”

ฉินซีตกใจจนแทบจะกระโดด เธอหันไปมองก็พบว่ายังมีใครอีกคนอยู่ข้างในห้อง

แน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากลู่เซิ่น

แววตาของลู่เซิ่นดำมืด สีหน้าเหมือนฝนที่กำลังตั้งเค้า เขาก้าวไปข้างหน้า แล้วกดฉินซีลงบนหัวเตียง

“รู้ไหมว่าเมื่อกี้นี้เธอเรียกชื่อของใครออกมา”

การพูดความจริงในเวลาแบบนี้เป็นเรื่องที่โง่เง่ามาก ถึงแม้จะรู้ดีว่าบางทีเธออาจจะพูดละเมออะไรออกมา ฉินซียังคงทำสีหน้าสับสน “ฉันพูดอะไรออกไปเหรอคะ”

ลู่เซิ่นไม่ใช่คนที่จะสามารถถูกหลอกได้ง่ายขนาดนั้น เขาบีบคางของฉินซีด้วยแรงที่ไม่เบา ความหมายที่แฝงอยู่ในนั้นกับชัดเจนเป็นอย่างมาก “เมื่อกี้เธอเพิ่งเรียกชื่อหซู่หนานออกมา”

ฉินซีลอบด่าว่าลู่เซิ่นไม่มีเหตุผลอยู่ในใจ เธอหันหน้าหนีมือของลู่เซิ่น “ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณกำลังพูดความจริง”

ลู่เซิ่นไม่ได้รู้สึกหงุดหงิด เขาดึงมือกลับมา ยืดหลังตรง แล้วมองไปที่ฉินซีอย่างเหนือกว่า “ฉินซี เธอรู้หรือเปล่าว่าตัวเองเป็นใคร”

ฉินซีเงยหน้ามองเขา “ฉันคือฉินซี”

ลู่เซิ่นหัวเราะเบา ๆ “เธอไม่ใช่แค่ฉินซีเท่านั้น เธอยังเป็นคุณนายลู่”

เขาโน้มตัวลง “อย่าได้ลืมสถานะของตัวเองโดยเด็ดขาด”

พูดจบก็เดินออกไปทันทีโดยไม่ดูปฏิกิริยาตอบสนองของฉินซี

ฉินซีมองตามแผ่นหลังของเขาไปอย่างตกตะลึง

อาจจะเป็นเพราะท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่างกำลังค่อย ๆ มืดลง ไม่ก็อาจเพราะฉินซียังไม่ตื่นดี ถึงได้รู้สึกว่าเงาแผ่นหลังที่เดินออกไปของลู่เซิ่นนั้นแฝงไปด้วยความโดดเดี่ยวอยู่หลายส่วน

“คิดอะไรของเธออยู่น่ะ!” เธอรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ ฉินซีก็สะบัดหัวอย่างเย้ยหยันตัวเอง ก่อนจะลุกออกจากเตียง

เธอนอนกลางวันไปค่อนข้างนาน พริบตาเดียวก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เมื่อตอนบ่ายฉินซีไม่ได้ขยับตัวอะไรนะ ดังนั้นเธอจึงยังไม่รู้สึกอยากอาหาร เดิมทีก็ไม่ได้คิดจะลงไปกินข้าวแล้ว แต่พอนึกถึงภาพแผ่นหลังนั้นของลู่เซิ่น เธอจึงเดินลงไปที่ห้องอาหารข้างล่างราวกับถูกผีสางเทวดาชักจูง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท