Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 840

ตอนที่ 840

บทที่ 840 ทำไมถึงแต่งงานกับคุณ

แต่ไหนแต่ไรทนายความจ้าวก็เป็นคนที่น่าเชื่อถืออย่างว่า เขาหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าทำงาน “ขั้นตอนต่าง ๆ ดำเนินการใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ลองดูเอกสารพวกนี้ แล้วก็เซ็นชื่อตรงนี้ หลังจากช่วงเวลาประกาศผ่านไปไม่กี่วันการโอนหุ้นจะเสร็จสมบูรณ์”

ฉินซีพยักหน้า จากนั้นก็ก้มอ่านเอกสารในมืออย่างละเอียด

เงื่อนไขไม่ซับซ้อนเพราะว่าพินัยกรรมที่แม่ของเธอเหลือเอาไว้ให้นั้นเรียบง่ายมาก ดังนั้นเนื้อหาส่วนใหญ่ในเอกสารจึงกล่าวประมาณว่าการแต่งงานของเธอนั้นเป็นไปตามเงื่อนไขของการรับมรดก

ฉินซีรู้ดีว่าหลังจากเอกสารฉบับนี้เผยแพร่ออกมา การแต่งงานระหว่างเธอกับลู่เซิ่นจะถูกเปิดเผยอย่างทะลุปรุโปร่ง

อะไรที่เรียกกันว่าชนชั้นสูงนั้นก็ไม่ได้ใหญ่โตไปกว่าวงแคบ ๆ ข่าวร้อนแรงขนาดนี้เดาได้ว่าจะต้องกระจายออกไปในทันที

เธอไม่กลัวปัญหา เพียงแต่…

หากลู่เซิ่นเห็นเข้า ก็คงจะเดาออกว่าทำไมเธอถึงแต่งงานกับเขา..

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉินซีก็อดรู้สึกปวดหัวหน่อย ๆ ไม่ได้

เธอยังคิดหาโอกาสอธิบายเรื่องนี้ให้ลู่เซิ่นฟังอย่างชัดเจนไม่ได้เลย แต่เธอแน่ใจว่าการที่เธอพูดเรื่องนี้ออกมาด้วยตัวเองน่าจะดีกว่าให้ลู่เซิ่นรู้หลังจากเห็นเอกสารพวกนี้มาก

ดูเหมือนว่าทนายความจ้าวจะมองออกว่าเธอรู้สึกไม่ค่อยจะดี จึงพูดออกมาว่า “เป็นอะไรไป มีข้อไหนไม่ถูกต้องอย่างนั้นเหรอ”

“ไม่มีค่ะ” ฉินซีส่ายหน้า

จะให้พูดเรื่องแบบนี้กับคนนอกได้ยังไง

หลังจากที่เธอยืนยันรายละเอียดบางส่วนกับทนายความจ้าวเรียบร้อยแล้วก็เซ็นชื่อลงไปบนเอกสาร

ทนายความจ้าวค่อนข้างที่จะรีบ เขารับเอกสารแล้วจากไปทันที ฉินซีมองเห็นว่าท้องฟ้ายังคงสว่าง จึงไม่ได้กลับบ้าน จากนั้นก็นั่งอยู่ในร้านกาแฟพักใหญ่

ทำเลของร้านกาแฟดีมาก เกือบจะหันหน้าค่อนไปทางรีสอร์ทชิงหยวน ดังนั้นจึงมีคนไม่น้อยที่ชื่นชมในชื่อเสียงของผู้อื่นมาเที่ยวชมรีสอร์ทชิงหยวน ฉินซียังได้ยินช่างภาพคุยกันว่าถ่ายมุมไหนของกำแพงด้านนอกรีสอร์ทชิงหยวนจะดีกว่ากัน

แต่เดิมที่นี่ไม่เคยมีเรื่องแบบนั้น

รีสอร์ทชิงหยวนเคยเป็นบ้านใหญ่ของตระกูลฉิน และเป็นที่ที่เธอเคยมาพักอยู่ในช่วงวันหยุดพักผ่อนตอนที่เธอยังเป็นเด็กและเรียนหนังสืออยู่

ร้านกาแฟร้านนี้เองก็เปิดมานานหลายปีแล้ว เมื่อก่อนพื้นที่แห่งนี้อยู่แถบชานเมือง ดังนั้นจึงมีลูกค้าน้อยมาก ทุกครั้งที่ฉินซีผ่านมาก็มักจะสงสัยอยู่เสมอว่าทำไมมันถึงยังไม่ปิดกิจการไปอีก

ทว่าหลังจากที่คุณปู่เสียชีวิต ฉินซึ่งเทียนก็รู้สึกรังเกียจพื้นที่ที่ห่างไกลความเจริญเช่นนี้ เขาจึงซื้อที่อยู่ใหม่ใจกลางเมือง แล้วไม่กลับมาที่นี่เอง

ฉินซีเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะกลับมาเช่นกัน

ที่บ้านใหญ่ของตระกูลฉินไม่มีคนอยู่แล้ว พวกคนรับใช้ก็ทยอยถูกไล่ออก บ้านหลังนี้จึงค่อย ๆ ถูกทิ้งร้าง

จนกระทั่งเมื่อหนึ่งปีก่อนมีคนเสนอซื้อมาด้วยราคาที่สูงลิ่ว ตอนนั้นธุรกิจของฉินซึ่งเทียน ก็กำลังมีปัญหาพอดี เขาจึงขายมันไป

ฉินซีมารู้ทีหลังว่าบ้านถูกขายไปแล้ว แต่กลับไม่มีใครสนใจเรื่องที่เธอไม่เต็มใจ ความเห็นของเธอถูกมองข้ามไปอย่างไม่ไยดี

เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเธอได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ก็กลายเป็นภาพฉากแบบนั้นไปแล้ว

ทันใดนั้นเองฉินซีที่กำลังใจลอยก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากข้าง ๆ

“กลับมาแล้ว! เร็ว รีบถ่ายเร็วเข้า!”

ความตื่นเต้นแบบนี้เธอคุ้นเคยดีจนไม่รู้ว่าจะคุ้นเคยได้มากกว่านี้ได้อย่างไรแล้ว

ทันทีที่ได้ยินก็รู้เลยว่าเป็นเพื่อนร่วมอาชีพของเธอ

ยากมากที่เรื่องที่รีสอร์ทชิงหยวน ถูกซื้อโดยเศรษฐีลึกลับและสร้างคฤหาสน์หลังงามเป็นเลิศขึ้นใหม่จะไม่ดึงดูดพวกปาปารัสซี่หนังสือพิมพ์ ฉินซีรู้ดีว่าในทุก ๆ วันมีจะปาปารัสซี่ตั้งมากมายเท่าไหร่ที่เอาแต่ไล่ตามพวกคนรวยไม่ยอมปล่อย เมื่อไหร่ที่ถ่ายภาพอะไรออกมาได้ นั่นก็นับได้ว่าเป็นตัวทำเงินแล้ว

ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าของที่ร่ำรวยเช่นนี้จะดึงดูดความสนใจของพวกเขา

เธอเงยหน้ามองประตูใหญ่ของรีสอร์ทชิงหยวนที่ถูกเปิดออก รถของลู่เซิ่นขับเข้าไปข้างใน จากนั้นประตูก็ปิดลงอย่างรวดเร็ว

ปาปารัสซี่ที่อยู่ข้าง ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวัง “ทำไมถึงถ่ายได้ไม่ชัดเลยนะ…”

ฉินซีแอบพูดในใจว่า ถึงแม้ว่าจะถ่ายชัด แต่ลู่เซิ่นก็มีวิธีที่จะทำให้พวกคุณไม่สามารถแพร่กระจายรูปพวกนั้นออกไปได้อย่างแน่นอน

ทว่าเธอก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปอย่างเงียบ ๆ

ฉินซีเข้ามาทางประตูข้าง ดังนั้นเธอจึงมาถึงช้ากว่าลู่เซิ่นเล็กน้อย

หลังจากผ่านคืนวานที่ต้องพลิกไปพลิกมาได้แล้ว สีหน้าของลู่เซิ่นก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นฉินซีกลับมา ก็เอ่ยถามว่า “วันนี้ไม่สบายไม่ใช่เหรอ ยังจะออกไปข้างนอกอีก”

ทุกคนรอบข้างต่างรู้ว่าพวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ ใบหน้าของฉินซีร้อนผ่าว ก้มหน้าตอบแบบขอไปที จากนั้นก็นั่งลงเพื่อเตรียมรับมื้อเย็น

สีหน้าของลู่เซิ่นก็ดูดีไม่น้อย ถ้าอย่างนั้น…หรือว่าเธอควรที่จะพูดวันนี้เลยดี

ฉินซีรู้ว่าประสิทธิภาพในการทำงานของทนายความจ้าวสูงมาก ไม่แน่ว่าอาจจะมีประกาศออกมาภายในวันพรุ่งนี้

ดังนั้นเธอจึงต้องคว้าสิทธิ์ในการริเริ่มนี้เอาไว้

ถึงแม้ว่าจะคิดเช่นนั้น แต่ฉินซีก็ยังคงอืดอาด รอจนทั้งสองคนกินข้าวเสร็จแล้ว ก็ยังไม่ได้เปิดปากพูด

“เป็นอะไรไป”

ท้ายที่สุดลู่เซิ่นก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเธอ จึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาด้วยตัวเอง

ฉินซีเงยหน้ามองเขา

ลู่เซิ่นยังนั่งอยู่ที่โต๊ะ โคมไฟคริสทัลที่อยู่ในห้องอาหารไม่ได้สว่างจ้า จึงส่องสะท้อนให้โครงร่างของเขาดูนุ่มนวลอยู่หลายส่วน

พอมองเข้าไปข้างในแววตา ก็เหมือนว่าจะมองเห็นความอ่อนโยนที่ไม่เคยได้พานพบมาก่อน

การใช้คำว่าอ่อนโยนมาอธิบายลู่เซิ่นนั้นโดยธรรมชาติแล้วเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะอ้อมค้อมไม่รื่นหู ทว่าตอนนี้ฉินซีกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้น เธอถูกความนุ่มนวลในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้มอมเมา จึงปล่อยทิ้งความลังเลในหัวใจ และเอ่ยปากพูดออกมาอย่างโหดเหี้ยม

“คุณเคยถามใช่ไหมคำว่าทำไมฉันถึงแต่งงานกับคุณ”

ดูเหมือนว่าเขาจะคิดไม่ถึงว่าฉินซีจะยกหัวข้อนี้ออกมาพูด สีหน้าของลู่เซิ่นจึงเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย เขาลุกแล้วเดินขึ้นไปด้านบน

“ขึ้นไปคุยกันข้างบน”

ฉินซีเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าที่ห้องอาหารมีคนรับใช้อยู่เยอะเกินไป ตอนนี้เธอไม่คิดอยากจะเป็นอะไรที่พวกเขาเรียกกันว่า “ความลับของพวกคนรวย”

ด้วยเหตุนี้เธอจึงรีบลุกขึ้นแล้วเดินตามลู่เซิ่นไป

ชุดสูทของลู่เซิ่นเรียบลื่น ท่วงท่าการเดินส่งพลัง การเดินตามจากข้างหลังทำให้มองเห็นช่วงไหล่กว้างของเขา ทำให้ฉินซีรู้สึกปลอดภัยขณะที่จมอยู่ในภวังค์

ทันใดนั้นฉินซีก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ตอนที่เธอมาที่นี่ครั้งแรกการจัดแต่งของบ้านหลังนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากตอนนี้มาก เพียงแต่ตัวเธอในตอนนั้นตกอยู่ในที่นั่งลำบากยิ่งกว่าตอนนี้มาก

วันนั้นฝนตกหนัก การที่ได้รู้ว่าบ้านใหญ่หลังเก่าของตระกูลฉินถูกขายออกไปแล้วกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ฉินซีฉินซึ่งเทียน แตกหักกัน เธอเก็บกระเป๋าออกมาจากตระกูลฉิน ในชั่วขณะก็ไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหน

เธอมีเงินสดในมือไม่มาก บัตรทุกใบก็ถูกฉินซึ่งเทียน อายัดไปหมดแล้ว ทำได้เพียงหาโรงแรมถูก ๆ เพื่อนำของไปเก็บไว้เป็นการชั่วคราว

เห็นได้ชัดว่าเป็นช่วงปลายฤดูร้อนแล้ว ทว่าฝนกลับตกหนักทั้งวันไม่ยอมหยุด ฉินซีนั่งมองดูฝนจากข้าง ๆ หน้าต่าง ทันใดนั้นก็ตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมบ้านเก่าของตระกูลฉิน

ในช่วงเวลานั้นเธอยุ่งอยู่กับการดูแลแม่ แทบไม่รู้ข่าวสารบ้านเมืองอะไรเลย ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้เกี่ยวกับการทำการค้าที่ดังสะท้านฟ้าสะเทือนเมืองนี้ และแม้ว่าตอนนี้ถึงเธอจะรู้แล้ว แต่สถานการณ์ก็เดินมาถึงจุดที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้นานแล้ว

ทว่าเธอก็ยังอยากจะกลับไปดู

บ้านเก่าของตระกูลฉินไม่นับว่าเป็นสถานที่ที่หรูหราอะไร ทำเลที่ตั้งก็ไม่ค่อยจะดี ทว่ากลับมีความทรงจำเกี่ยวกับครอบครัวของเธออยู่ไม่น้อย

ตอนที่เธอยังเด็ก ฉินซึ่งเทียนกับแม่ของเธอนับได้ว่ารักกันมาก บางทีความรักนี้อาจเป็นเพียงภาพลวงตามาตั้งแต่แรก แต่สำหรับฉินซีแล้วในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่เจอจะได้เห็นรอยยิ้มของพ่อแม่ในช่วงมื้อเย็นของทุก ๆ วัน

ตอนที่คุณปู่ของฉินซียังมีชีวิต เขาเป็นคนในครอบครัวที่ฉินซีรักมากที่สุด ตอนที่เขาเล่นกับฉินซี เขาก็เป็นแค่เด็กโค่งจอมซุกซนคนหนึ่ง ไม่ใช่ผู้ก่อตั้งบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปที่ผู้คนในวงการธุรกิจเคารพนับถือ

ฉินซึ่งเทียนสามารถขายบ้านหลังนี้ได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนั้น บางทีอาจเป็นเพราะสำหรับเขาแล้วช่วงเวลาที่เคยอยู่ที่นี่ไม่เคยมีความหมายอะไรเลย

ทว่าฉินซีกลับยังอยากดูอีก

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท