Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 849

ตอนที่ 849

บทที่ 849 งานประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น

คำถามสามข้อของฉินซึ่งเทียนอยากจะให้ฉินซีตอบแค่ข้อแรกเท่านั้น เพราะคำถามสองข้อหลังพวกผู้ถือหุ้นวางระเบิดใส่เขา เขาต้องตอบเองถึงจะรับประกันว่ายังคงรักษาความน่าเชื่อถือของตัวเองได้

แต่เขาคิดไม่ถึงว่าฉินซีจะพูดต่อเนื่อง ความเร็วไม่มากไม่น้อย ตั้งใจไม่ให้ฉินซึ่งเทียนมีโอกาสพูดแทรก

เธอพูดต่อไป “สำหรับคำถามข้อที่สองและข้อที่สาม แม้ประธานกรรมการจะไม่ได้สอบถามดิฉัน แต่ดิฉันเห็นว่าเป็นคำถามที่เกี่ยวข้องกับตัวดิฉัน ให้ดิฉันอธิบายจะดีกว่า สำหรับเงื่อนไขการรับมรดก หุ้นส่วนนี้เป็นการรับมรดกหลังแม่เสียชีวิต ดิฉันทำตามเงื่อนไขการรับมรดกที่ระบุในพินัยกรรมของแม่แล้ว ส่วนเรื่องข้อกำหนดการรับมรดก หุ้นในส่วนของฉันหลังจากแม่เสียชีวิตฝากให้ประธานดูแล แต่ไม่มีสิทธิ์ใดๆ ในหุ้นของฉัน เพียงแต่ในช่วงที่ผ่านมาใช้สิทธิ์ออกเสียงแทนดิฉันเท่านั้น ตอนนี้ฉันมีคุณสมบัติตามเงื่อนไขการรับหุ้นแล้ว เช่นนั้นหุ้นจึงกลับมาเป็นของดิฉันโดยอัตโนมัติ ที่ดิฉันกล่าวมามีตรงไหนไม่ถูกต้อง ประธานแก้ไขได้ค่ะ”

ฉินซีพูดถึง “แม่เสียชีวิต” สองครั้ง คนที่รู้เหตุการณ์ภายใน สีหน้าก็อดไม่ได้ที่จะเผยความหมายลึกซึ้ง แต่สีหน้าของฉินซียังเรียบเฉยไม่หวั่นไหวแต่อย่างใด

สีหน้าของฉินซึ่งเทียนโกรธจนหน้าดำหน้าแดงนานแล้ว

หลังจากผู้ถือหุ้นหลายคนงงงวยก็ค่อยๆ เข้าใจความหมายโดยนัยจากคำพูดของฉินซี

หุ้นของฉินซีฝากให้ฉินซึ่งเทียนดูแลอัตโนมัติ ที่เรียกดูแลเป็นเพียงวิธีพูดให้ฟังดูดีหน่อย เหมือนกับพัสดุที่ฝากที่จุดฝากส่งก่อนมาถึงฉินซึ่งเทียนทำหน้าที่เป็น “จุดฝากส่ง” ย่อมไม่มีสิทธิ์ใดๆ หรือหมายความว่า เงินปันผลหุ้นส่วนนี้ของฉินซีฉินซึ่งเทียนไม่ควรจะได้รับไป

ผู้บริหารระดับสูงหลายคนของบริษัททำเป็นไม่รู้

พวกเขารู้ดีกว่าใคร หนึ่งปีมานี้ กำไรพวกนี้ เข้ากระเป๋าของฉินซึ่งเทียนทั้งหมด

ถึงแม้ไม่รู้ว่าเงินปันผลไปไหน แต่ก็พอจะคาดเดาได้

ฉินซึ่งเทียนรู้แต่แรกว่าเงื่อนไขการรับมรดกของฉินซีมีแค่แต่งงาน เพราะฉะนั้นการดูแลหุ้นของเขาอาจสิ้นสุดลงเมื่อไรก็ได้ แต่เขาปิดบังข้อเท็จจริงนี้กับผู้ถือหุ้นทุกคน ทำให้เข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีสิทธิ์ขาด

ครู่หนึ่ง สีหน้าของทุกคนก็ซับซ้อน บางคนไม่ปิดบังอารมณ์ แสดงออกสีหน้าเย็นชา

คำพูดในที่ประชุมจะต้องบันทึกในรายงานการประชุมฉินซีกล้าพูดเช่นนั้น แน่นอนว่าเธอมีความมั่นใจ

เธอยังพูดทิ้งท้าย ถ้าหาก ฉินซึ่งเทียนไม่เห็นด้วยก็ชี้แจงได้ ที่จริงแล้วเป็นการปิดทาง ฉินซึ่งเทียนตอบโต้ต่างหาก

ถ้าหากเขาคิดจะตอบโต้ก็จำเป็นต้องงัดหลักฐานออกมา

แต่ถ้าเขากล้าเอาหลักฐานปลอมมาแสดงในที่นี้ก็จะต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่หนักหนากว่านี้

ฉินซึ่งเทียนคาดไม่ถึงว่าฉินซีจะสวมบทโหดขนาดนี้ เขาสูดหายใจเข้าแรงหลายครั้งถึงจะหายใจได้สะดวก

คำพูดของฉินซีทำให้ความน่าเชื่อถือของเขาในหมู่ผู้ถือหุ้นพังลงไปกว่าครึ่ง เขาต้องคิดให้รอบคอบว่าจะกู้มันกลับคืนมาอย่างไร

ด้านหลี่เหวยที่นั่งอยู่ข้างเขา ตกใจจนหน้าซีดยิ่งกว่า

ตอนที่เธอแต่งงานเข้ามาเมื่อหนึ่งปีก่อนฉินซีทะเลาะกับฉินซึ่งเทียนรุนแรงแล้ว เธอไม่เคยไปมาหาสู่กับฉินซีเห็นเธอเป็นแค่เด็กอ่อนหัด คาดไม่ถึงเมื่อได้เห็นวันนี้ ที่จริงแล้วร้ายไม่เบา

มิน่าความเคลื่อนไหวของเธอก่อนหน้านี้ถึงถูกจับได้หมด…

ในใจหลี่เหวยแอบยกเลิกแผนการที่วางไว้ก่อนหน้า ดูแล้วแค่ลำพังตัวเองไม่มีทางทำลายฉินซีแย่งหุ้นของเธอมาได้แน่ จำเป็นต้องยืมมือคนอื่น

ฉินซึ่งเทียนไม่รู้ว่าหลี่เหวยกำลังทำอะไร แม้แต่ตัวเขาเองยังเอาตัวไม่รอด

หลังจากฉินซีนั่งลง เขารีบเปิดไมค์ แต่ชะงักอยู่อึดใจถึงตอบเสียงแห้ง “ฉินซีพูดถูกครับ เรื่องการรับมรดกของเธอเป็นเรื่องที่แม่ของเธอพูดกับเธอโดยตรง ผมไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เท่าไร ให้เธอตอบเองจึงดีที่สุด”

เขาตั้งใจเอาตัวรอด คิดอยากจะอธิบายว่าตัวเองก็ไม่รู้เรื่อง แต่เห็นได้ชัดว่าคนที่นั่งอยู่ข้างล่างเวทีไม่เชื่อคำพูดของเขา

ฉินซียิ้มเย็นในใจ

เป็นเรื่องของเธอกับแม่สองคนหรือ

ฉินซึ่งเทียนหน้าด้านจริงๆถึงได้พูดออกมาเช่นนี้

แต่เธอต้องการเปิดโปงฉินซึ่งเทียนอยากจะพูดถึงต้นสายปลายเหตุให้ชัดก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องเก่าของแม่ ตัวเธอเองไม่เป็นไร เพียงแต่ไม่อยากให้แม่ถูกโพนทะนาอีก

มีคนยิ้มเย็น “ประธานฉินไม่ต้องถ่อมตัว ในเมื่อสามารถดูแลหุ้นได้ เรื่องพินัยกรรมคงทราบไม่น้อย”

ฉินซึ่งเทียนถูกตบหน้าจนทนไม่ไหว รีบร้อนอยากจะจบหัวข้อนี้ “เอาล่ะ ประเด็นการรับหุ้นของฉินซีเราเปิดเผยรายละเอียดมากขนาดนี้แล้ว ส่วนอื่น…”

เขาอยากจะพูดต่อ แต่หางตาเหลือบไปเห็นฉินซียกมือขึ้นช้าๆ

ตำแหน่งที่เธอนั่งเห็นชัดเจน ทุกความเคลื่อนไหวอยู่ในสายตาของทุกคน เมื่อเธอทำเช่นนี้ สายตาของทุกคนก็มองตาม

ฉินซึ่งเทียนจำเป็นต้องหยุดพูด หันไปมองเธอไม่พอใจ “มีอะไรอีกหรือ”

ฉินซีลูบคาง “ตอนนี้ดิฉันมีหุ้น 20% ในบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง ดิฉันคิดว่า…ควรจะมีสักตำแหน่งในคณะกรรมการใช่ไหมคะ”

ฉินซึ่งเทียนหน้าซีดเผือด คิดไม่ถึงว่า ฉินซีจะมีข้อเสนอเช่นนี้

เขาเข้าใจมาตลอดว่าฉินซีไม่มีใจทะเยอทะยานอยากได้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป จึงประมาทเรื่องหุ้นมาก และยังไม่คิดว่าฉินซีจะรู้เงื่อนไขการรับโอนหุ้น หนึ่งปีมานี้จึงไม่เคยแทรกแซงมาก่อน

ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้แต่แรก เขาต้องแอบวางแผนจัดการไม่ให้ฉินซีได้หุ้นไปแน่นอน!

ตอนนี้เสียใจไปก็ไม่มีประโยชน์ฉินซีลงมือเร็วและแรงไม่รอเวลาแม้แต่วินาทีเดียว พอได้หุ้นในมือก็ประกาศทันที หลังประกาศก็เริ่มประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น แต่ละขั้นตอนต่อเนื่องกัน ทำให้เขาไม่มีเวลาตอบโต้

เมื่อครู่ในใจเขายังปลอบตัวเองฉินซีเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้หุ้นไปจะทำอะไรได้ ได้ก็ได้ไปสิ ใครจะไปนึก…เธออยากจะเข้ามาเป็นกรรมการบริหาร

หลี่เหวยที่นั่งเคียงข้างเขาในใจถูกคลื่นซัดถาโถมรุนแรงยิ่งกว่า

เธอจินตนาการไม่ออก ถ้าหากฉินซีเข้ามานั่งในคณะกรรมการ แผนการที่เธอวางไว้เพื่อให้ตัวเองกับฉินหว่านได้ตำแหน่งจะทำอย่างไรต่อไปดี

ไม่ได้ไม่ได้เด็ดขาด!

ฉินซีไม่สนใจสีหน้าซีดเซียวของทั้งสองคนบนเวที หันไปมองผู้ถือหุ้นทุกคน “การเลือกคณะกรรมการถือเป็นหัวข้อการประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นใช่ไหมคะ ก่อนหน้านี้ดิฉันไม่ใช่ผู้ถือหุ้น จึงไม่มีสิทธิ์มาขอตำแหน่งนี้ แต่ในเมื่อตอนนี้ดิฉันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ถ้าหากไม่มีดิฉันในคณะกรรมการ เกรงว่ามติจะไม่มีผลบังคับค่ะ”

ทันใดนั้นผู้ถือหุ้นทุกคนเข้าใจแล้ว

ฉินซีถือหุ้น 20% ในมือแล้ว ถ้าหากมติของคณะกรรมการถูกเธอคัดค้านหรือใช้สิทธิ์ไม่ออกเสียงทุกครั้ง เช่นนั้น…ข้อเสนอทุกข้อก็อาจถูกใช้สิทธิ์ยับยั้งได้

การข่มขู่ของเธอครั้งนี้ได้ผลมาก ทันใดนั้นทุกคนก็ฮือฮากัน

ฉินซึ่งเทียนเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่เข้าท่า จึงรีบพูด “ฉินซีเข้าใจการบริหารบริษัทตรงไหน! ทุกคนอย่าเพิ่งโวยวาย!”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท