บทที่ 852 เถียงข้างๆ คูๆ
ฉินซีแทบจะพ่นคำพูดที่น่าขยะแขยงออกมาในทันที
เธอปล่อยมือที่ดึงเสื้อของลู่เซิ่น
ฉินซึ่งเทียนทำตัวเองให้เป็นคนที่น่าขยะแขยง ท้ายที่สุดจะได้รับผลอะไร ก็เป็นเพราะตัวเขาเอง
ลู่เซิ่นรับรู้ถึงความหมายที่ฉินซีส่งมาให้ แล้วก้าวเข้าไปหาฉินซึ่งเทียน
“ประธานฉิน ลูกสาวของคุณ เกรงว่าคุณไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสอนเธอได้”
ฉินซึ่งเทียนพูดอย่างโกรธๆ ว่า“เธอรู้อะไรบ้าง!”
ลู่เซิ่นพูดเสริมอย่างเงียบๆ ว่า“หรือว่าบังเอิญ ผมไม่คิดว่าอย่างนั้น”
“เธอ……”ฉินซึ่งเทียนสำลักไปชั่วขณะ และหยุดไปสองสามวินาที ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“นี่เป็นเรื่องของครอบครัว ระหว่างผมกับลูกสาว ไม่เกี่ยวกับคนนอกอย่างเธอที่จะเข้ามาแทรกแซง”
ลู่เซิ่นหัวเราะเบาๆ และหันไปมองฉินซี“จริงเหรอ คุณบอกสิ ใครกันแน่ที่เป็นคนนอก?”
ฉินซีพูดไม่ออกเล็กน้อย เกี่ยวกับการกระทำของลู่เซิ่นในขณะนี้
ทำไมจู่ๆ เขาถึงถามคำถาม ที่ยากที่จะอธิบายแบบนี้?
แต่ลู่เซิ่นมองตัวเธอด้วยแววตาที่แผดเผา ฉินซีไม่สามารถหลบหนีได้ จึงทำได้เพียงพูดออกไป อย่างช่วยไม่ได้“นี่ยังต้องถามอีกเหรอ?”
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่สายตาของเธอก็ไม่ได้จ้องมองไปที่คนอื่นๆ เพียงแค่มองไปที่ลู่เซิ่น
ลู่เซิ่นหันหน้าไปมองฉินซึ่งเทียนอย่างเฉยเมย“คุณดูสิ ผมกับฉินซีก็ไม่คิดว่าคุณจะมีคุณสมบัติพอที่จะลงโทษหรือสั่งสอนเธอ ดังนั้นคุณต้องขอโทษสำหรับสิ่งที่คุณทำไปเมื่อกี้”
“ขอโทษ?”ฉินซึ่งเทียนสงสัยว่าตัวเขาได้ยินผิด เขาจ้องไปที่ลู่เซิ่น แล้วพูดว่า“คุณรู้ไหมว่าเมื่อกี้เธอได้ทำอะไรลงไป?มันไม่ผิดเลยที่ฉันจะสั่งสอนด้วยบทเรียนแบบนี้ให้เธอ!”
ลู่เซิ่นหัวเราะเยาะ“ช่างน่าเสียใจกับประธานฉิน ที่ไม่ได้สนใจในสิ่งที่ผมทำอะไรให้กับฉินซี ผมเพิ่งเห็นใบหน้าของเธอมีรอบขีดข่วน จากนิตยสารที่คุณโยนไป และเกือบจะตบคุณ ในฐานะสามีของฉินซี ในสายตาของผม ดูเหมือนว่าคุณต้องขอโทษเธอ”
ฉินซึ่งเทียนดูเหมือนจะโกรธอีกครั้ง และหลี่เหวยที่เฝ้ามองอยู่เงียบๆ เป็นเวลานานแล้ว ในที่สุดก็ลุกขึ้น แล้วบ่นอยู่ในใจหลายๆ ประโยคอย่างเงียบๆ ฉินซึ่งเทียนนี่บ้าไปแล้ว หรือไม่มีสมองกันนะ ว่าฝั่งตรงข้ามคือลู่เซิ่น!
ไม่ว่าตัวตันของลู่เซิ่นจะเป็นอย่างไร ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะพูดกับคนอื่นแบบนี้
บริษัทลู่ซื่อเป็นบริษัทที่ บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปไม่สามารถยั่วยุหรือแตะต้องได้ หลี่เหวยไม่ต้องการยั่วยุ คนที่ไม่สามารถโกรธเคืองได้ เพราะแรงกระตุ้นของฉินซึ่งเทียน
เธอเดินเข้าไปด้านหลังของฉินซึ่งเทียน แล้วตบหลังเขาเพื่อปลอบโยนเขา และพูดกับลู่เซิ่นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ประธานลู่ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ ซึ่งเทียนเขาไม่ได้ตั้งใจให้คุณฉุนเฉียว ก็แค่ฉินซีไม่เชื่อฟังนิดหน่อย เขาหวังว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่ดีในอนาคต จึงอดไม่ได้ที่จะสั่งสอนเธอ หวังว่าคุณจะให้อภัย”
น้ำเสียงของเธอนั้นอ่อนโยน ราวกับว่ากำลังอธิบายอย่างจริงใจ แต่เมื่อพูดถึงคำว่า“ไม่เชื่อฟัง”เธอก็เผยให้เห็นด้านข้างของใบหน้า ที่ถูกฉินซีตบโดยเจตนาหรือไม่เจตนาให้ดู
ฉินซีที่ฟาดมือลงไป ไม่ได้ออมแรงแม้แต่น้อย และหลี่เหวยที่ไม่ทันจะได้หลบ ทำให้ในตอนนี้ใบหน้าของเธอแดง และบวม ดูน่าอับอาย
หลี่เหวยรู้วิธีรับมือกับผู้ชายเป็นอย่างดี
ลู่เซิ่นที่มียศถาบรรดาศักดิ์แบบนี้ มันจะไม่เป็นผลดี ถ้าหากต้องเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง เหมือนกับฉินซึ่งเทียน โดยเฉพาะเมื่อลดท่าทางลง อีกฝ่ายก็จะฟังสิ่งที่ตัวเองพูด
เธอสังเกตเห็นถึงความเย็นชาเมื่อครู่ และความตั้งใจของลู่เซิ่น ที่พร้อมจะปกป้องฉินซีอย่างเห็นได้ชัด ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่สมควรจะไปยั่วยุทั้งฉินซีและลู่เซิ่น สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือ แสดงถึงสิ่งที่ฉินซีได้ทำลงไป
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่า ทำไมลู่เซิ่นถึงแต่งงานกับฉินซี และเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมฉินซี ถึงคบกับคนที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ แต่ผู้ชายลักษณะนี้ ส่วนใหญ่จะชอบคนที่อ่อนหวาน อ่อนโยน ไม่ว่าฉินซีจะใช้อะไรหลอกล่อเขา ตอนนี้ต้องทำให้เขาพบว่า ภรรยาของตัวเองเป็นผู้หญิงร้ายๆ ที่ลงมือกับคนอื่น และนั่นจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคน ต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
ฉินซีไม่ได้สนใจเทคนิคของหลี่เหวย ที่ซ่อนเล่ห์เหลี่ยมไว้ใต้ความอ่อนโยน อดไม่ได้ที่จะกลอกตาไปมา แล้วลุกขึ้นยืน แต่กลับถูกลู่เซิ่นหยุดไว้ด้วยประโยคถัดไป
ลู่เซิ่นเพียงแค่เหลือบมองไปที่หลี่เหวย แล้วพูดเบาๆ ว่า“คุณเป็นใคร?”
คำง่ายๆ แค่เพียงสามคำ กลับเหมือนเครื่องจักรสังหาร ที่ไม่มีที่สิ้นสุด
น้ำเสียงของลู่เซิ่นนิ่งเรียบ และตรงไปตรงมา ราวกับว่าเขาไม่รู้จริงๆ ว่าเธอเป็นใคร
แต่เขาได้แต่งงานกับฉินซีเรียบร้อยแล้ว และรู้จักฉินซึ่งเทียน แต่กลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลี่เหวยคือใคร ถ้าหากฐานะของหลี่เหวยไม่มีความชอบธรรม คำกล่าวก็จะไม่สมเหตุสมผล
ยิ่งไปกว่านั้นการแสดงออกของเขาในตอนแรก ที่ดูไม่แยแส ในตอนนี้ไม่เต็มใจที่จะมองไปที่หลี่เหวยด้วยซ้ำ ราวกับว่าเธอล่องลอย และไม่มีคุณสมบัติพอที่จะพูดคุยกับตัวเอง
หลี่เหวยก็ไม่ได้คิดว่า ลู่เซิ่นจะไม่ได้รับผลจากคำพูดของเธอเลย แต่กลับได้รับความอับอายอย่างยิ่งใหญ่ หน้าแดงอยู่พักหนึ่ง และไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
ฉินซึ่งเทียนถึงคราวที่ต้องเข้ามา และกลัวว่าตัวเขาเอง จะไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ จากลู่เซิ่น แล้วหันหน้าชี้นิ้วไปทางฉินซี“เธอ!มาขอโทษ!อย่าคิดว่าตัวเองหาคนหนุนหลัง แล้วจะไม่เกรงกลัวกฎหมาย เธอดูใบหน้าของป้าหลี่สิ บวมไปหมดแล้ว!”
ฉินซียังไม่ทันจะได้พูด ลู่เซิ่นก็พูดขึ้นอีกว่า“ประธานฉิน ต้องปรับกันนิดหน่อยแล้ว ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ คุณหน้าบวม ฉินซีที่ใช้ฝ่ามือของตัวเองตบ มือก็อาจจะบวมเหมือนกัน ทั้งสองคนก็ได้รับบาดเจ็บ ก็ถือว่าไม่เสียเปรียบแล้ว และคุณก็เพิ่งจะขว้างหนังสือ ทำให้หน้าของฉินซีได้รับบาดเจ็บ คุณไม่มีอะไรจะเสีย แล้วก็ขอโทษฉินซี ก็สมเหตุสมผลแล้ว”
ไม่ต้องพูดถึงฉินซึ่งเทียน แม้แต่ฉินซีก็ยังตกตะลึง
เธอได้ยินเกี่ยวกับท่าทางก้าวร้าวของลู่เซิ่น เมื่ออยู่บนโต๊ะเจรจา แต่เมื่อทั้งสองคนอยู่ด้วยกันในวันธรรมดา ลู่เซิ่นจะนิ่งเฉยมาก มันยากสำหรับเธอที่จะจินตนาการว่า ลู่เซิ่นเป็นอย่างไรในคำพูดของคนอื่น
แต่ในตอนนี้ที่ได้ฟังเขาวิเคราะห์ต่างๆ นาๆ จนแทบจะเรียกได้ว่า“เถียงข้างๆ คูๆ”ในหัวของเธอก็จินตนาการภาพขึ้นมาในทันที
ทำไมถึงรู้สึก……หล่อขึ้นมานะ……
ทางฉินซีชื่นชมอยู่ในใจอย่างเงียบๆ แต่ภายในใจของฉินซึ่งเทียนและหลี่เหวย กำลังก่อเกิดพลังอันมหาศาล
ลู่เซิ่นพูดถึงเรื่องนี้ เพราะเห็นแก่ฉินซี คนโง่ก็สามารถฟังออกถึงการปกป้องนี้
เขาช่วยเหลือฉินซี?
หลังจากที่ลู่เซิ่นพูดแบบนี้ ฉินซีก็ไม่ได้โต้แย้งใดๆ ในที่สุดฉินซึ่งเทียนก็ตระหนักได้ว่า ตัวเองไม่ได้ประเมินความสำคัญของฉินซีที่มีต่อลู่เซิ่น แต่ดูเหมือนเขาจะประเมินความสำคัญของตัวเอง ในฐานะ“พ่อตา”มากเกินไป
ในตอนนี้ฉินซี ก็ปฏิบัติกับตัวเขาเองเหมือนเป็นศัตรู และลู่เซิ่นก็จะเกลียดชังและเคียดแค้นศัตรูเหมือนกัน
ลู่เซิ่นมองตรงไปที่เขา เหมือนไม่ยอมจะหยุด จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย ฉินซึ่งเทียนที่อยู่ในแวดวงนี้มาหลายปี แต่กลับยังคงอยู่ภายใต้ การจ้องมองของลู่เซิ่น ที่อายุน้อยกว่าเขา แล้วหดคอลงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
และหลี่เหวยก็เห็นได้ชัดเจน ตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่า ถ้าไม่ทำตามคำขอของลู่เซิ่น เขาก็จะไม่ยอมวางมือ ยุติเรื่องราว
ตราบที่เป็นบุคคลที่มีอำนาจของบริษัทลู่ซื่อ ก็ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
วันนี้ยอมถอยออกมาก่อน หลังจากนี้ถ้ามีโอกาสจะเอามันกลับมา
โดยไม่รอให้ฉินซึ่งเทียนได้พูดอะไร หลี่เหวยก็พูดออกมา“ฉินซี เมื่อกี้น้าตื่นเต้น ที่พูดไปไม่ได้คิดให้ดีๆ เธอก็อย่าใส่ใจเลย”
ฉินซีมองแต่ไม่ได้ใส่ใจมอง เพียงแค่หัวเราะเยาะออกไป