Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 862

ตอนที่ 862

บทที่ 862 จมไปในความอ่อนโยน

ลู่เซิ่นค่อยๆเดินไปตรงหน้าฉินซี จับไหล่ของเธอผ่านเสื้อเชิ้ตตัวบาง “เธอยังไม่ได้ทายาเลย”

ท่าทางของฉินซีดูแข็งกระด้าง เธอเอื้อมมือไปหยิบยาจากเขา

ลู่เซิ่นยกมือขึ้น “เธอเห็นเหรอ”

ฉินซีตอบอย่างเย็นชา “ไม่ต้องสนใจฉัน”

เดิมทีฉินซีไม่ได้โกรธอะไรมากนัก เธอกลับไปที่ห้องและถอดรองเท้าออก เมื่อเห็นรอยแดงที่ฝ่าเท้า เธอคิดว่าที่เป็นแบบนี้ก็เพราะลู่เซิ่นเมื่อเหมารวมและพุ่งเป้าไปที่เขาเธอก็เกิดโมโหขึ้นมา

ลู่เซิ่นหรี่ตาพลางเอื้อมมือไปจับคางของเธอ “เธอเป็นภรรยาของฉัน หน้าขอเธอ ฉันต้องสน”

ฉินซีไม่สามารถปัดมือของเขาออกไปได้ พูดอย่างเคืองๆ “ฉันกลัวว่าระหว่างที่นายทายาแล้วจู่ๆเกิดโกรธขึ้นมาอีก อย่าทรมานฉันเลย”

ลู่เซิ่นจับคางของเธอ ทายาอย่างระมัดระวังโดยไม่ตอบอะไรออกมา

เห็นได้ชัดว่ามือที่จับคางนั้นแข็งแกร่งมาก อย่างกับไม่รู้จักหนักเบาอย่างไรอย่างนั้น แต่ทว่ามือที่ทายากลับช่างอ่อนโยนเหลือเกิน ราวกับว่าฉินซีเป็นสิ่งที่เปราะบาง กลัวว่าหากหนักมือไปจะทำให้เธอรู้สึกเจ็บได้

ทั้งสองคนอยู่ใกล้ชิดกัน ฉินซีเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าอันหล่อเหลาของลู่เซิ่นที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม

ในดวงตาของเขามีเพียงเงาสะท้อนของตัวเอง ราวกับสามารถทำให้คนจมไปในความอ่อนโยนนั้น

…ความอ่อนโยน?

เธอไม่คาดคิดว่าตัวเองจะเอาคำแบบนี้มาแปะบนตัวคนอย่างลู่เซิ่น

แต่บรรยากาศที่เป็นใจมากทำให้เธออดไม่ได้ที่จะถามขึ้นอีกครั้ง “ทำไม…วันนี้นายถึงมาบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปล่ะ”

ลู่เซิ่นตอบไม่ตรงคำถาม เขาพูดเบาๆ “เธอไม่อยากให้ฉันไปเหรอ”

ฉินซีอยากจะส่ายหัว แต่ก็ถูกจับคางเอาไว้ “ไม่ใช่ไม่อยาก ก็แค่…อยากรู้ว่าทำไมนายถึงไปปรากฏตัวได้”

ลู่เซิ่นทายาเสร็จก็เก็บของเขาหยิบกระดาษจากด้านข้างและค่อยๆเช็ดมือ “เธอคือคุณนายลู่ สถานการณ์แบบนี้จะปล่อยให้เสียหน้าได้ยังไง”

อาจเป็นเพราะระยะห่างของทั้งสองคนถูกแยกออกจากกันอีกครั้ง หรืออาจจะเป็นอย่างที่ลู่เซิ่นว่า ฉินซีรู้สึกว่าความอ่อนโยนวาบหวามที่อบอวลในห้องเมื่อครู่นี้หายวับไปกับตา

ฉินซีเหลือบมองสีหน้าที่แข็งกระด้างของเขา “ ก็แค่การแต่งงานตามข้อตกลง จำเป็นต้องจริงจังขนาดนั้นเลยเหรอ”

ลู่เซิ่นยิ้มเยาะ เขายกมือขึ้นโยนกระดาษทิชชู่ลงถังขยะ วางท่ามาดใหญ่ “จำเป็นหรือไม่จำเป็น มันขึ้นอยู่กับฉัน”

พูดจบ ไม่รอให้ฉินซีมีปฏิกิริยาตอบกลับ เขาก็หันหลังและออกจากห้องไป

ฉินซีมองไปที่ด้านหลังของเขาพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ

ทั้งสองคนรู้จักกันมานานกว่าหนึ่งปี เขารักษาระยะห่างแบบนี้มาโดยตลอด

ให้ความช่วยเหลือเสมอตอนที่ต้องการมากที่สุด แต่ก็เฉยเมยที่สุดเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากัน

บางครั้งก็รู้สึกว่าระยะห่างระหว่างคนสองคนใกล้กันมาก แต่ในพริบตาเดียว ราวกับว่าเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน

….

ลู่เซิ่นที่กำลังฟังรายงานของหลินหยังในห้องทำงาน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์สตาร์ทจากทางด้านนอก

เขาขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นเป็นเชิงให้หลินหยังหยุด ต่อโทรศัพท์สายใน “คุณนายออกไปข้างนอกเหรอ?”

พ่อบ้านตอบอย่างสั่นๆ “คุณนายครับ เธอสั่งห้ามไม่ให้คนขับรถขับและขับรถออกไปเองครับ”

“ไปไหน” น้ำเสียงของลู่เซิ่นราบเรียบ

พ่อบ้านชะงักไปครู่หนึ่ง “คุณนายไม่ได้แจ้ง…

ลู่เซิ่นวางสายทันที

……

ไม่ใช่เพราะฉินซีโมโหเลยออกไปแบบนั้น

ก่อนหน้านี้เธอได้นัดเอาไว้แล้วว่าวันนี้หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการเสร็จจะออกไปพบทนายความจ้าว การที่ลู่เซิ่นพาไปที่โรงพยาบาลอย่างไม่รู้สาเหตุถ่วงเวลาเธอไปไม่น้อย ทำให้ต้องรีบเร่ง

เธอขับรถไปด้วยและโทรศัพท์หาทนายความจ้าวไปด้วย “ทนายความจ้าวคะ เมื่อกี้มีธุระนิดหน่อย ตอนนี้กำลังรีบขับรถไปหานะคะ”

น้ำเสียของทนายความจ้าวฟังดูนุ่มนวล “ไม่เป็นไรครับ ค่อยๆขับ”

แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้น แต่ฉินซีรู้สึกเกรงใจเกินกว่าที่จะปล่อยให้เขาต้องรอนาน เธอเหยียบคันเร่งอีกครั้งเตรียมเปลี่ยนเลนเพื่อแซง

เธอเหลือบมองกระจกมองหลังและหยุดกะทันหัน

…รถโฟล์คสวาเกนสีดำกำลังขับตามรถของตัวเอง ดูเหมือนที่สี่แยกก่อนหน้านี้เธอก็เห็น

หรือว่า…รถคันนี้จะขับตามเธอมาตลอดทาง

ในใจของฉินซีรู้สึกแน่นไปหมด สีหน้าของเธอค่อยๆอึมครึมมากขึ้น

วันนี้ตอนเช้าเธอเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นด้วยความสง่าผ่าเผย การเข้าร่วมคณะกรรมการก็เป็นที่สะดุดตา แต่นั่นทำให้หลายคนไม่พอใจ แต่ก็มีไม่กี่คนที่จะส่งคนมาสะกดรอยตามเธอ

หรือว่าจะเป็น… หลี่เหวย

แต่เมื่อไม่นานมานี้หลี่เหวยเพิ่งจะข่มขู่เธอและก็ถูกเธอโทรแจ้งตำรวจ ระยะเวลาไม่นานเธอจะกล้าทำเรื่องสิ้นคิดแบบนี้ต่ออีกเหรอ

แม้จะรู้ว่าหลี่เหวยไม่ใช่คนดีเด่นอะไร แต่ตามสัญชาตญาณของฉินซีแล้ว รถคันนี้ไม่ใช่รถที่หลี่เหวยส่งมา

ถ้าไม่ใช่เพราะอยากแก้แค้นตัวเอง…

แวบแรกในหัวเธอนึกถึงลู่เซิ่น เพราะเมื่อตอนที่เธอออกมา เห็นได้ชัดว่าหน้าตาของพ่อบ้านดูลำบากใจ มันแสดงให้เห็นว่าลู่เซิ่นต้องกำชับกับเขาว่าถ้าแผลที่หน้ายังไม่หายดีไม่ให้เธอออกไปไหน

แต่เขาไม่น่าจะใช้วิธีอันธพาลแบบนี้ในการติดตามเธอ

ฉินซียังคงมีความเชื่อมั่นนี้อยู่

เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นใครเธอจึงทำได้แค่เร่งความเร็วและสลัดรถคันนั้นไปให้ได้

แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาแออัด ฉินซียังคงติดอยู่ในการจราจรไม่ว่าเธอจะเร่งความเร็วอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ารถคันนั้นจะยังไม่รู้ว่าเธอรู้ตัวแล้วและยังคงติดตามเธออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

ฉินซีไม่กล้าไปต่อ เธอขับรถลงจากสะพานถนนและเห็นว่ารถโฟล์คสวาเกนสีดำยังคงขับตามเธอมา เธอก็เลี้ยวเข้ามุมและเหยียบเบรก

โดยรอบเป็นย่านการค้า ผู้คนไหลเวียนกันอย่างเนืองแน่น แม้จะปะทะกันแบบตัวต่อตัว แต่เธอก็ไม่ถึงกับนิ่งเฉย

ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่ฉินซีก็คว้าโทรศัพท์ไว้ในมือโดยอัตโนมัติ พร้อมที่จะโทรออกเสมอ

รถคันนั้นรู้ตัวว่าตัวเองถูกจับได้แล้วจึงรีบจะหักเลี้ยวทันที แต่เพราะการจราจรที่โกลาหลทำให้รถไม่สามารถหักหลบได้และติดอยู่ในเส้นทางการจราจรอย่างหมดทางหนี นอกเสียจากจะขับไปข้างหน้าที่เป็นทางตัน

ฉินซีขมวดคิ้ว

หากมีใครต้องการที่จะแก้แค้นเธอและพบว่าตัวเองถูกจับได้แล้วล่ะก็ โดยส่วนมากพวกเขามักจะเลือกบล็อกคนๆนั้นโดยตรง แต่ดูจากท่าทีที่รถคันนี้ขับไปมาแล้วดูเหมือนจะไม่ได้มาด้วยจุดประสงค์นี้

แต่ถ้าเป็นเพราะว่าอยากรู้ที่อยู่ของเธอ…ส่วนใหญ่จะจ้างทีมงานมืออาชีพ แต่การตามของรถคันนี้แปลกอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนจะไม่ใช่พวกที่ถูกว่าจ้างมา

ฉินซีลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ก้าวจะไปข้างหน้า

คนขับไม่ได้ลงจากรถ หน้าต่างรถติดฟิล์มนิรภัยแบบหนา แต่เมื่อฉินซีเดินไปถึงด้านหน้ามองเห็นคนขับผ่านกระจกหน้ารถ

ไม่นึกเลยว่าจะเป็นหซู่หนาน

เมื่อเห็นว่าตัวเองถูกจับได้แล้ว หซู่หนานก็เลิกท่าทีหลบๆซ่อนๆของเขา เปิดประตูลงมาจากรถ

“นาย…ตามฉันมาทำไม”

ฉินซีมองเขาอย่างไม่พอใจ

แม้ว่าตัวของฉินซีจะเตี้ยกว่าหซู่หนานเล็กน้อย แต่จากมุมมองของคนอื่นแล้วรัศมีของเธอนั้นแข็งแกร่งกว่าหซู่หนานมาก

หซู่หนานก้มหน้าลง ยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท