บทที่ 880 ตอนนี้ก็จะไปขอเลิกกับเขา
ลู่เซิ่นแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน โบกมือให้กับฉินซี “ไปกันเถอะ”
ฉินซีและลู่โยวโยวบอกลากัน และขึ้นรถไปกับลู่เซิ่น
ลู่โยวโยวและลู่เจิ้นยังยืนอยู่ที่เดิม มองรถของลู่เซิ่นค่อยๆ ไกลออกไป
ทันใดนั้นลู่เจิ้นก็พูดว่า“คุณคิดว่า แบบนี้พวกเขาดีไหม?”
ลู่โยวโยวเหลือบมองเขา“มีอะไรไม่ดีเหรอ?”
ลู่เจิ้นหมุนตัวไปทางบ้านตระกูลลู่ แล้วเบ้ปาก“เห็นได้ชัดว่าแม่ของคุณไม่ชอบฉินซีอ่า”
ลู่โยวโยวยักไหล่“คุณเห็นเธอชอบอะไรมาก่อนไหมล่ะ?”
ลู่เจิ้นหัวเราะออกมา“ก็ใช่”
ลู่โยวโยวหมุนตัวกลับมา เดินเข้าไปข้างใน“จำเป็นแล้วล่ะ ฉันจะไม่ยอมให้พี่ชายของฉันต้องทุกข์ใจ”
ลู่เจิ้นยิ้ม และเดิมตามเข้าไป
……
เมื่อคืนฉินซีนอนดึก วันนี้ตอนเช้าก็ถูกเรียกให้ลุกขึ้นมาทานอาหารเช้า แล้วภายในรถตอนนี้ ก็มีอาการตาปรือ ง่วงนอนเล็กน้อย
ลู่เซิ่นรับเอกสารหลายชุดมาจากหลินหยัง เปิดดูมันผ่านๆ แล้วแบ่งส่วนหนึ่งส่งไปตรงหน้าของฉินซี“คุณเซ็นชื่อหน่อย”
ฉินซีบังคับตาให้เปิดขึ้น“เอกสารอะไรคะ?”
ลู่เซิ่นไม่พูดอะไร เพียงแค่ยื่นของไปไว้ตรงหน้าเธอ
ฉินซีจ้องเขม็ง
สัญญาโอนหุ้น
อาการเคลิ้มของเธอหายไป แล้วก็นั่งตัวตรงทันที“นี่……อะไร?”
ลู่เซิ่นก้มหน้ามองเอกสารของตัวเอง แล้วพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาว่า“ผมมีหุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปอยู่ในมือแล้ว ถือมาไว้ก็ไม่ได้มีความหมายอะไร ผมจะโอนมันคืนให้คุณ”
ฉินซีปิดเอกสาร ส่งกลับมันคืนให้ลู่เซิ่น“ไม่ได้ ฉันรับมันไว้ไม่ได้”
ในที่สุดลู่เซิ่นก็เงยหน้าขึ้นมามองเธอ ขมวดคิ้วเล็กน้อย“ทำไม?”
ฉินซีคิดว่ามันแปลกที่เขามองแบบนี้“นี่เป็นหุ้นของคุณ ทำไมคุณถึงต้องให้ฉัน?”
ลู่เซิ่นโบกมืออย่างไม่แยแส“มันเป็นแค่หุ้นเล็กๆ น้อยๆ ส่วนแบ่งแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์เอง”
เขาเกือบจะพูดออกไปว่าแค่เงินไม่กี่บาท
ถ้าถูกฉินซึ่งเทียนได้ยินเข้า เกรงว่าจะเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายทันที
ฉินซีกลับยืนกราน“ฉันรับไว้ไม่ได้”
ลู่เซิ่นที่ไม่ค่อยมีความอดทน“งั้นคุณจะเอายังไง?ผมไม่มีความคิดเกี่ยวกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ถือแค่หุ้นเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่มีประโยชน์ มันจะดีกว่าถ้าโอนให้คุณ”
“หุ้นนั้นไม่ใช่ว่าฉันเอาไม่ได้”ฉินซีก้มหน้าลงไปพลิกดูเอกสาร“แต่การเสนอราคาของคุณต่ำเกินไป พวกเราควรจะซื้อและขายในราคาตลาด”
ลู่เซิ่นยิ้ม“เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินว่า มีคนคิดว่าของมีราคาถูกเกินไป”
ฉินซีส่งเอกสารคืนให้เขา“คุณประเมินราคามา ฉันจะซื้อมัน”
ลู่เซิ่นหยิบเอกสารขึ้นมา ประเมินราคาด้วยสายตา แล้วเงยหน้าถามฉินซี“ถ้านี่เป็นการประเมินราคาที่ผ่านมาแล้วล่ะ?”
ฉินซีขมวดคิ้วขึ้น“เป็นไปไม่ได้”
ลู่เซิ่นยกมุมปากของเขา“ถ้าบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ยังให้ตาเฒ่าฉินซึ่งเทียนกุมอยู่ต่อไป นี่จะเป็นการประเมินราคาที่สมเหตุสมผลที่สุด”
ฉินซีจ้องมองเขาอย่างสงสัย
ราคาในสัญญาน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ของประมาณการปัจจุบันของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ลู่เซิ่นหมายถึง……
“บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปไม่ใช่โอกาสในการลงทุนที่ดี”เมื่อรู้สึกถึงการจ้องมองของฉินซี ลู่เซิ่นก็พูดอีกว่า“แต่คุณมีความรู้สึกกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป และผมจะไม่ขัดขวางให้คุณกลับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ผมแค่จะเตือนคุณก็แค่นั้น”
ฉินซีลดสายตาลง และพูดเบาๆ ว่า“งั้นก็ขอบคุณคุณมากนะคะ”
ลู่เซิ่นตรงไปที่บริษัทลู่ซื่อ เมื่อฉินซีครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก็ไม่กลับไปที่รีสอร์ทชิงหยวน แต่เลือกที่จะไปที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นสมาชิก ของคณะกรรมการบริหารอยู่แล้ว แต่เธอไม่มีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป เกรงว่าจะไม่เข้าใจลึกซึ้งมากเท่ากับลู่เซิ่น
นอกจากนี้ เธอก็อยากที่จะรู้คำเตือนของลู่เซิ่นที่ให้กับตัวเธอ เป็นความจริงไหม
สถานการณ์ทางธุรกิจ ในปัจจุบันของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป……มันเลวร้ายขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?
……
เมื่อวานเธอเพิ่งจะมาที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป และเมื่อก้าวเข้ามาในสถานที่เดียวกันในวันนี้
อาคารของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ถูกสร้างขึ้นในใจกลางเมือง หลายปีที่ผ่านมาถือได้ว่าเป็นอาคารที่โดดเด่น ภายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาคารโดยรอบก็ได้รับการปรับปรุงอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป กลายเป็นหนึ่งในอาคารสำนักงานธรรมดาๆ ที่ไม่มีอะไรเด่นชัด
ภายในหนึ่งปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดเลยว่า ตัวเธอเองจะกลับมาถี่ขนาดนี้
ต่างจากเมื่อวาน ถ้าหากไม่มีผู้ถือหุ้นที่ครึกครื้น และผ่านเวลาการทำงานมา อาคารใหญ่ของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปก็ดูร้างไปเล็กน้อย
ฉินซีต้องการเข้าไปข้างใน แต่ก็กลับพบกับปัญหาหนึ่ง——
ตัวเองไม่สามารถเข้าไปได้
ที่ชั้นล่างของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป มีประตูทางเข้าอัตโนมัติ ที่มีชื่อของแต่ละคนอยู่ เมื่อวานเธอเข้าไปได้ในฐานะผู้ถือหุ้น วันนี้หากไม่มีบัตรผ่านแบบนั้น เธอก็ทำได้เพียงยืนจ้องมองอยู่ตรงนอกประตู
ดังนั้น……ควรจะเรียกให้ใครมาเปิดประตูอัตโนมัตินี้ให้นะ?
ฉินซึ่งเทียน?เขาจะช่วยเธอเปิดไหม?
เมื่อวานสร้างปัญหาจนกระดิกกระเดี้ยไม่ได้……เกรงว่าเขาจะไม่อยากเห็นหน้าของเธออีก?
จนในที่สุด พนักงานเค้าเตอร์ประชาสัมพันธ์ก็ทนไม่ไหว เข้ามาถามเธอว่า“ขอโทษนะคะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ?”
ฉินซีดึงความคิดของเธอออกมา และยิ้มให้กับแผนกประชาสัมพันธ์“ฉันมาหาประธานของพวกคุณค่ะ”
แผนกประชาสัมพันธ์ยังคิดไม่ออกว่าเธอคือใคร แล้วจึงถามคำถามตามปกติว่า“ขอโทษนะคะ คุณได้นัดไว้ไหมคะ?”
ฉินซีตกตะลึง แล้วส่ายหัว
แผนกประชาสัมพันธ์เพิ่งจะมาใหม่ ดูไม่คุ้นเคยกับฉินซี เธอก็ส่ายหัวโดยไม่ต้องคิด“ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าหากไม่การนัด……”
“ฉินซี”
ทันใดนั้นก็มีคนเรียกชื่อของเธอจากทางด้านหลัง
ฉินซีตกใจไปชั่วขณะ หันหน้าไปมองคนที่เรียก
เป็นหซู่หนาน
ดูเหมือนเขาจะจำไม่ได้เลยว่า เมื่อวานนี้เขาถูกพบว่าได้ติดตามฉินซี แล้วยิ้มอย่างสุภาพและคุ้นเคย“ทำไมถึงมาได้ล่ะ?”
ฉินซีไม่ต้องการมีส่วนร่วมกับเขาอีกแม้แต่น้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เนื่องจากฉันเป็นสมาชิกของคณะกรรมการ เข้ามาดูสถานการณ์ของบริษัท เป็นเรื่องแปลกไหม?”
หซู่หนานเลิกคิ้วขึ้น แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก แล้วยื่นมือออกมา“งั้นก็เข้าไปกันเถอะ”
แผนกประชาสัมพันธ์ที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง มองทั้งสองคนที่แลกเปลี่ยนประโยคคำพูดกัน ในที่สุดก็หาโอกาสที่จะพูดแทรกขึ้นมาได้ แล้วรีบพูดกับหซู่หนานว่า“ผู้จัดการหซู่คะ คุณผู้หญิงท่านนี้บอกว่าจะมาหาท่านประธานค่ะ แต่ไม่ได้นัด……”
หซู่หนานยังคงมีรอยยิ้มที่อ่อนโยน ปรากฏบนใบหน้าของเขา“เธอจะเป็นกรรมการบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปในอนาคต ฝ่ายบุคคลจะให้คีย์การ์ดกับเธอโดยเร็วที่สุด พวกคุณก็ควรทำความรู้จักกับเธอให้เร็วที่สุด”
เขาเป็นแบบนี้ในสายตาคนนอกมาโดยตลอด เป็นคนอ่อนโยน และมีความเป็นสุภาพบุรุษ
เมื่อก่อนฉินซีก็ชอบที่เขาเป็นแบบนี้
แต่ตอนนี้ใช้สายตาเย็นชามองไปที่เขาอีกครั้ง แต่กลับไม่รู้สึกถึงจังหวะการเต้นของหัวใจอีกต่อไป
แผนกประชาสัมพันธ์เอาแต่พยักหน้า และรูดบัตรผ่านประตูให้หซู่หนาน หซู่หนานผายมือ เพื่อแสดงให้ฉินซีเชิญเข้าไปก่อน ฉินซีก็ไม่ปฏิเสธ ตัวเธอเองก็เดินเข้าไปข้างใน
รอจนหซู่หนานก็เดินเข้ามา และกดลิฟต์ให้เธอ เธอถึงพบว่าหซู่หนานไม่มีเลขา และไม่มีผู้ช่วย
นี่เป็นเรื่องผิดปกติ แต่เธอไม่ต้องการถามเรื่องเกี่ยวกับหซู่หนานให้มากมาย ดังนั้นจึงไม่ได้พูด
ในทางตรงกันข้าม เป็นหซู่หนานที่อยากจะสนทนาด้วย
“ผมเพิ่งจะกลับมาจากตระกูลฉิน”
ฉินซีขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่เหลือร่องรอย สายตาก็เปลี่ยนเป็นตื่นตัวเช่นกัน
“เมื่อวานผมไปที่ตระกูลฉิน และขอเลิกกับฉินหว่าน”
น้ำเสียงของหซู่หนานดูสงบ ราวกับว่า เขามาแชร์ว่าอาหารเช้าเขาทานอะไรให้ฉินซีฟัง
ทันใดนั้นฉินซีก็หันกลับไป จ้องมองไปที่หซู่หนาน
เธอยังจำคำพูดที่เมื่อวาน หซู่หนานพูดกับเธอในรถได้ ถ้าหากคุณยังห่วงใย ตอนนี้ก็จะไปขอเลิกกับเขา
ในตอนนั้นหซู่หนานที่ดูประหม่า ฉินซีคิดว่าเขาจะเป็นเพียงแค่คนหุนหันพลันแล่น แต่ไม่คาดคิดว่า เขาจะลงมือทำมันจริงๆ…