บทที่ 895 อยู่เป็นเพื่อนทั้งคืน
คนรับใช้ในบ้านเห็นเธอตื่นนอนแล้ว ผ้าม่านจึงถูกเปิดออกมา แสงแดดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ฉินซีมองดูรอบๆ
ห้องผู้ป่วยใหญ่กว่าที่เธอจินตนาการเอาไว้เล็กน้อย ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นพาคนรับใช้มาจากที่บ้านตั้งหลายคน ฉินซีมองไป ทุกที่มีแต่คน มีคนยุ่งๆอยู่ข้างเตียง เปิดข้าวของเครื่องใช้ออกมาทีละกล่อง วางไว้บนโต๊ะเตียงผู้ป่วย มีคนเห็นว่าเธอจะลงจากเตียง ยังคิดจะเข้ามาพยุงเธอด้วยซ้ำ แต่ถูกฉินซีผายมือปฏิเสธไปเรียบร้อย
แค่สมองกระทบกระเทือนเล็กน้อย ไม่ใช่พิกลพิการสักหน่อย ทำซะจนยุ่งยากซับซ้อน………..
ส่วนผู้บงการตัวดีลู่เซิ่นนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆแบบสบายๆและผ่อนคลาย เหมือนชินกับภาพเหตุการณ์แบบนี้จนไม่มีอะไรน่าแปลกใจ
ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเขาอยู่ที่นี่ตลอด หรือว่าเพิ่งมาเมื่อเช้า
คนรับใช้ได้จัดเก็บห้องน้ำจนเรียบร้อยไม่ต่างจากที่บ้าน ข้าวของเครื่องใช้ที่ฉินซีใช้ยังคงวางอยู่ในที่ที่คุ้นเคย เธอยื่นมือไปเอาแปรงสีฟันตัวเอง ถึงพบว่าที่วางอยู่ไม่เพียงมีแต่แปรงสีฟันของตัวเองเท่านั้น
ด้ามข้างๆนั้น………เป็นของลู่เซิ่น
เธอมองดูห้องน้ำรอบๆอย่างละเอียดอีกครั้ง ในที่สุดก็พบว่าความรู้สึกที่คุ้นเคยไม่ใช่แค่มาจากตำแหน่งในการจัดวางข้าวของเครื่องใช้เท่านั้น ยังมาจากข้าวของเกือบเหมือนทุกอย่างในบ้านอย่างกับพิมพ์เดียวกัน——มีของใช้สำหรับสองคนทั้งเธอและลู่เซิ่น ไม่เพียงแค่ข้าวของเครื่องใช้ของฉินซีเท่านั้น
ทำไมลู่เซิ่นพกของมาตั้งมากมายเช่นนี้? ถ้าหากให้คนนอกมาเห็น คาดว่าแยกไม่ออกว่าคนที่นอนโรงพยาบาลเป็นตัวเองหรือลู่เซิ่น
หรือว่า……… ลู่เซิ่นก็จะพักอยู่ที่นี่?
ฉินซีเม้มปากอยู่ในใจ พักอีกแค่หนึ่งวันเธอก็สามารถออกจากโรงพยาบาลแล้วแท้ๆ มีแต่ลู่เซิ่นเท่านั้นแหละที่ทำเรื่องให้มันยุ่งยากซับซ้อนเช่นนี้
แต่ว่าจะนินทาอยู่ในใจยังไงก็ตาม ฉินซีไม่ยอมรับไม่ได้แล้ว ถูกคนจัดเก็บรอบนึงไปแล้ว ข้าวของเครื่องใช้ตัวเอง หยิบคล่องมือมากเลยทีเดียว
พอเธอล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยออกมาจากห้องน้ำ คนรับใช้ได้จัดเก็บห้องผู้ป่วยจนสะอาดเรียบร้อยแล้ว ความจริงห้องผู้ป่วยก็สะอาดอยู่แล้ว ทีนี้ได้กวาดอย่างทุกซอกทุกมุมอีกรอบ สะอาดจนสามารถสะท้อนแสงได้เลย
อาหารเช้าของฉินซีวางอยู่บนโต๊ะ สูดดมกลิ่นก็จะเป็นฝีมือพ่อครัวของที่บ้านเลย ส่วนตรงหน้าลู่เซิ่นมีของสิ่งนึงวางอยู่
ฉินซีมองหน้าลู่เซิ่น ความไม่เข้าใจเพิ่มขึ้นมาอีกนิด
ลู่เซิ่นสวมใส่เสื้อผ้าเหมือนเมื่อวานเป๊ะๆเลย
หรือว่า…….. เมื่อคืนลู่เซิ่นอยู่เป็นเพื่อนตัวเองที่นี่ทั้งคืนจริงๆ?
คำถามแบบนี้ต่อให้ฉินซีแปลกใจแค่ไหน ก็ไม่อาจเอ่ยปากถาม ทำได้แค่พยักหน้าแบบงงๆ และเดินไปทางเตียงผู้ป่วย
แต่ว่าเธอรู้จากจิตใต้สำนึก นอกจากตัวเองไม่เข้าใจแล้ว และจะไม่ถามด้วย แต่ว่าซาบซึ้งใจมากมายอย่างชัดเจน
มีคนสามารถอยู่เป็นเพื่อนตัวเองข้างๆเรื่องแบบนี้ ต่อให้เป็นแค่การคาดเดาของตัวเองก็ตาม พอที่จะทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งใจแล้ว
ส่วนลู่เซิ่นเหมือนไม่สังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปในตัวฉินซี ก็แค่หลังจากได้ยินเสียงเท้าเดิน เงยหน้าขึ้นมามองเธออย่างนิ่งๆ “ล้างเสร็จแล้ว? ถ้างั้นก็ทานข้าวเถอะ”
ทานข้าวแบบสงบๆเรียบร้อยเเล้ว ฉินซีก็หวีเรื่องราวของเมื่อคืนไปรอบนึง
เธอถูกสะกดรอยตาม เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตื่นมาที่โรงพยาบาล จับตัวลู่เซิ่นถามผู้ก่อเหตุ สุดท้ายกลับไม่ได้ให้คำตอบ
ฉินซีจำได้ว่าเมื่อคืนเขาพูดเองว่าวันนี้จะเอาหลักฐานมาให้ได้ และจะเล่าให้กับตัวเองอย่างชัดเจน
ฉินซีก็เลยทานข้าวเรียบร้อยและนั่งอยู่บนเตียง จ้องหน้าลู่เซิ่นอย่างไม่ให้คลาดสายตา
ลู่เซิ่นไม่น่าจะไม่รู้ว่าฉินซีกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ว่าเขาค่อยๆทานข้าวเสร็จเรียบร้อย กลับไม่พูดอะไรเลย ลุกขึ้นมาเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย
หัวสมองฉินซีเต็มไปด้วยคำถาม
เธอรู้สึกว่าถ้าตัวเองสามารถพ่นควันออกมาได้ คาดว่าน่าจะโกรธจนพ่นควันออกมาทีเดียวเชียว
ดีนะไม่นานลู่เซิ่นก็กลับมาแล้ว ยังมีคนตามหลังนึงคน ฉินซีเห็นชายเสื้อสีขาว เข้าใจว่าคุณหมอมาตรวจห้อง จึงหันหน้าไปแบบเซ็งๆ แต่ว่าพอทั้งสองคนยืนอยู่ตรงหน้าแบบนิ่งๆ ฉินซีมองหน้าคุณหมออย่างละเอียด ตื่นตกใจอย่างกะทันหัน
หมอที่มาไม่ใช่คนที่ตรวจเช็กร่างกายให้กับตัวเองคนนั้น แต่กลับเป็นหมอที่ฉินซีไม่เคยเห็นมาก่อน
…………. หมอคนนี้หล่อจังเลย
โครงหน้าที่เข้มๆเช่นเดียวกัน แต่อาจจะเป็นเสื้อคลุมสีขาวที่เสริมให้ดูดี บุคลิกของเขาทั้งคนอบอุ่นมากยิ่งขึ้น ทำให้คนรู้สึกอบอุ่นมากมาย
ฉินซียังอยากดูให้ละเอียด กลับถูกลู่เซิ่นบังไว้แล้ว
สีหน้าของลู่เซิ่นดูไม่ดีนัก หันหน้าไปเร่งหมอ “มู่วี่สิง นายรีบตรวจเช็กให้เรียบร้อย ตรวจเสร็จรีบไปซะ”
น้ำเสียงของคุณหมอผู้ที่หน้าตาหล่อเหลากลับมีรอยยิ้ม “นายให้ฉันมาเอง ฉันมาแล้วนายก็ให้ฉันรีบๆตรวจ หาเรื่อง?”
ฉินซียักคิ้ว ดูๆไปทั้งคนดูสนิทสนมกันพอสมควร อย่างน้อยเธอเห็นคนที่สามารถใช้น้ำเสียงแบบนี้คุยกับ ลู่เซิ่นมีน้อยมาก
ลู่เซิ่นยิ้มแย้มแบบดูถูก “ความจริงฉันไม่ได้เรียกนายมา ฉันแค่อยากเรียกเวินจิ้งมา”
มู่วี่สิงได้ยินชื่อของเวินจิ้ง จู่ๆสีหน้าก็นิ่งๆ
ส่วนสีหน้าที่เปลี่ยนไปพร้อมกัน ยังมีฉินซีด้วย
เวินจิ้ง……
เธอยังจำได้ หลายวันก่อนตอนที่หน้าตัวเองถูกกรีดจนได้รับบาดเจ็บ ลู่เซิ่นพาตัวเองมาที่โรงพยาบาล ยังอุตส่าห์หาเวินจิ้งมาตรวจให้
คราวนี้สมองเธอกระทบกระเทือน ก็ยังหาเวินจิ้งมาดูให้อีก
ลู่เซิ่นกับเวินจิ้ง………. มีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?
ตอนนั้นตัวเองถามแบบแซวเล่นๆกับลู่เซิ่นว่าชอบเวินจิ้งใช่รึเปล่า เจ้าตัวกลับไม่ได้ปฏิเสธอย่างชัดเจน
เรื่องเมื่อหลายวันก่อนแท้ๆ ทำไมนึกย้อนกลับไปกลับเหมือนเกิดเรื่องขึ้นมาไม่นาน
ส่วนที่เปลี่ยนไปพร้อมกัน ยังมีจิตใจของตัวเองอีก
ตอนนั้นลู่เซิ่นไม่ได้ปฏิเสธ ฉินซีแค่รู้สึกตลก แต่ว่าตอนนี้นึกขึ้นมาลู่เซิ่นอาจมีใจให้กับเวินจิ้งจริงๆ ในใจฉินซีทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ
เธอพูดไม่ถูกว่านี่เป็นความรู้สึกแบบไหน เหมือนอย่างเช่นตอนเด็กๆคุณครูรับปากให้รางวัลกับเธอแต่กลับเขียนชื่อของคนอื่น
เธอก้มหน้าแบบทำตัวไม่ถูก มู่วี่สิงกลับปรับสีหน้าเรียบร้อยไปแล้ว ก้มหน้ามองเธอ “รู้สึกเวียนหัวรึเปล่า?”
เสียงของมู่วี่สิงมีผลลัพธ์ที่แฝงด้วยความปลอบใจคน ฉินซีถูกเสียงของเขาเข้ามาขัดความคิดของตัวเอง จึงทำตามข้อเรียกร้องของเขาและพยักหน้าเบาๆ ตอบไปอย่างซื่อสัตย์ “เวียนหัวไม่มาก”
มู่วี่สิงถามต่ออีกหลายคำถามจากนั้นยกมือขึ้นมาเขียนประวัติผู้ป่วย อีกสักครู่ให้ฉินซีไปตรวจเช็ค
เขาก้มหน้าเขียนบางอย่างในประวัติผู้ป่วยไปด้วย และพูดไปด้วยว่า “ไม่มีปัญหาใหญ่แล้วตรวจเช็คให้แน่ใจอีกสักหน่อย ให้น้ำเกลือในวันนี้เรียบร้อย พรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้เลย”
ฉินซีพยักหน้า ขอบคุณอย่างมีมารยาท “รบกวนคุณหมอแล้ว”
สีหน้าลู่เซิ่นยังคงดูไม่ดี พอมู่วี่สิงเขียนเสร็จเรียบร้อย ก็รอไม่ไหวรีบส่งคนออกไปจากห้องผู้ป่วย
คนรับใช้เก็บโต๊ะอาหารให้เรียบร้อย จึงออกไปทีละคนสองคน ตอนลู่เซิ่นกลับมาถึง ในห้องผู้ป่วยก็เหลือแต่ฉินซีกับเขาแค่สองคน
ฉินซีเห็นเขา จึงคิดถึงเมื่อสักครู่ที่ทำตัวไม่ถูก เธอไม่อยากคิดมาก จึงเอ่ยปากถามขึ้นมาเอง “เมื่อวานคุณพูดกับฉันเองว่าจะบอกกับฉันผลการสืบหา”
ลู่เซิ่นเงียบไปหลายวินาที เดินไปข้างๆ เดินไปข้างเตียงเธอ “คุณหมอพูดว่าตอนนี้คุณต้องการการพักผ่อน”
น้ำเสียงของฉินซีกลับยืนยันหนักแน่นมาก “ถ้าหากสืบหาไม่ได้ว่าใครเป็นผู้บงการเบื้องหลัง ฉันพักผ่อนดีๆไม่ได้ คุณไม่บอกฉัน ฉันก็จะไปสืบหาเอง”
ลู่เซิ่นมองดูสายตาของเธอ จู่ๆก็รู้สึกซาบซึ้งใจ
หนึ่งปีก่อน เธอตื่นมาในห้องผู้ป่วย ตอนที่มองดูตัวเองและพูดว่าจะแก้แค้นให้กับแม่ ก็คือสายตาแบบนี้
เพียงแต่ว่าฉินซีในตอนนี้ดูขึ้นไปแข็งแกร่งกว่าตอนนั้นมาก ความหนักแน่นในสายตาแบบนั้นก็กระพริบมากยิ่งขึ้น