บทที่ 899 การเปลี่ยนแปลง
ลู่เจิ้นรออยู่ตั้งนานสองนาน ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย ขณะที่กำลังผิดหวังและเบะปากจะออกไป โทรศัพท์ในห้องทำงานของลู่เซิ่นจู่ๆก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ลู่เจิ้นเต็มไปด้วยสีหน้าที่อยู่ในความคาดหมาย รับโทรศัพท์ขึ้นมา
เซ้นส์ของลู่เจิ้นบอกว่าจะได้ดูละครดีๆแล้ว หันหลังอีกทีและยืนอยู่นิ่งๆ
เพิ่งรับโทรศัพท์ขึ้นมา เสียงของฝ่ายตรงข้ามก็เต็มไปด้วยความโมโหและดังไปทั่วห้องทำงาน “ประธานลู่ คุณไม่พอใจผมตรงไหนสามารถพูดออกมาตรงๆได้เลยนะ เรื่องที่สกัดกั้นเงินกู้ธนาคารของเรามันยังไงกัน”
คิ้วของลู่เซิ่นไม่ขยับด้วยซ้ำ ตอบไปอย่างใจเย็นว่า “ประธานฉิน ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่”
ชัดเจนมากฉินซึ่งเทียนทางโน้นใจร้อนน่าดู” ลู่เซิ่น คุณนับว่าเป็นลูกเขยฉันนะ? ทำเรื่องที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตแบบนี้ นับว่าเป็นความสามารถภาษาอะไรฮะ”
ชัดเจนมากเขากำลังถลำลึกลงไปในความโกรธ จึงฟังคำพูดคนอื่นไม่เข้าหู ลู่เซิ่นก็ขี้เกียจเสียเวลากับเขา ยื่นโทรศัพท์ให้กับหลินหยังไปซะเลย
ฉินซึ่งเทียนตะโกนออกมาเสียงดังอยู่ตั้งนานสองนาน ในที่สุดตอนที่พักหายใจ ก็ได้ได้ยินเสียงที่เกรงอกเกรงใจแต่ว่าเย็นชาเช่นเดียวกันของหลินหยังดังออกมาจากโทรศัพท์ “ขอโทษด้วยครับประธานฉิน ประธานลู่มีธุระเร่งด่วน ผมเป็นผู้ช่วยของประธานลู่ ท่านมีธุระอะไร พูดกับผมโดยตรงได้เลยครับ”
ฉินซึ่งเทียนคนนี้เอาหน้าที่สุด เขาโทรศัพท์ให้กับลู่เซิ่น กลับให้ผู้ช่วยมารับสาย สำหรับเขา ไม่ต้องสงสัยเลยเป็นการดูถูกอย่างนึง
เขาโมโหจัด เสียงตะโกนยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ” อย่าหาข้ออ้าง ให้ประธานลู่ของนายมารับสาย”
” ลู่เซิ่นฟังอยู่ข้างๆแท้ๆ กลับไม่มีท่าทีที่จะรับสายเลย”
หลินหยังใช้น้ำเสียงที่เย็นชาตอบกลับไปให้เขาต่อ “ต้องขอโทษด้วยนะครับ ประธานฉิน ประธานลู่มีธุระจริงๆ แต่ว่าเรื่องที่ท่านพูดเมื่อสักครู่ ผมให้คำอธิบายกับท่านได้นะครับ”
ฉินซึ่งเทียนหยุดชะงักสักครู่จริงๆซะด้วย พูดอย่างรำคาญว่า “ถ้างั้นนายพูด”
“ตามคำพูดที่ท่านพูดมาเมื่อสักครู่ บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเหมือนได้สูญเสียเงินกู้ธนาคารที่สำคัญไป แต่ว่าธนาคารที่ท่านพูดอยู่นั้นไม่อยู่ใต้อำนาจการควบคุมดูแลของบริษัทลู่ซื่อ และไม่มีธุรกิจการค้าขายโดยตรงกับบริษัทลู่ซื่อ ผมไม่ทราบว่าทำไมท่านถึงเอาต้นเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นมาโยนให้กับเรา อีกอย่าง ตามที่ท่านพูด ประธานลู่กับท่านเหมือนมีความสัมพันธ์ทางญาติ ถ้างั้นประธานลู่ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องสกัดกั้นเงินกู้ของท่าน ท่านว่าถูกต้องหรือไม่? ”
ลู่เจิ้นอยู่หน้าประตูได้ยินจนอ้าปากตาค้าง แทบจะอยากปรบมือให้กับสองคนนี้
ลู่เซิ่นมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความน่ารำคาญ
เขาไม่ใจร้อนที่จะถอนตัวออกจากการร่วมงานของบริษัทลู่ซื่อและบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปโดยตรง แต่ว่าเลือกธนาคารนึงสกัดกั้นเงินกู้ก้อนนึง ก็แค่เพื่อต้องการทดลองฉินซึ่งเทียนดูสักหน่อย
ถ้าหากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับฉินซึ่งเทียน ถ้างั้นผู้ค้าขายทุกคนที่ปกติล้วนต้องตรวจสอบธุรกิจของตัวเองว่าปัญหาที่เกี่ยวข้องมันเกิดขึ้นจากตรงไหน ต่อให้เงินกู้ขาดไปอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ก็เป็นไปไม่ได้ที่แป๊บเดียวเองก็คิดว่าถูกคนอื่น โดยเฉพาะถูกลู่เซิ่นสกัดกั้นไปแล้ว
แต่ว่าตอนนี้เขาโมโหอย่างกับฟ้าผ่าแบบนี้ โทรศัพท์มาโต้แย้งและถามหาความผิดโดยไม่ให้คนอื่นได้อธิบาย ไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย บอกกับลู่เซิ่นอย่างเปิดเผยว่า เขารู้ว่าเมื่อวานฉินซีเกิดเรื่องอะไรขึ้น ส่วนเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเขาแน่นอน
เขาให้หลินหยังไปรับสาย ก็เพื่อกระตุ้นเขา ทำให้เขาพูดออกมาโดยไม่ได้ไตร่ตรอง และพูดเรื่องออกมาอย่างมากมาย
แต่ว่าคำตอบของหลินหยัง เขาก็ได้พูดให้หลินหยังเข้าใจตั้งนานแล้ว
เป็นจริงซะด้วย ฉินซึ่งเทียนฟังคำพูดของหลินหยังแล้ว เหมือนกับรู้ว่าตัวเองกำลังทำเรื่องโง่เขลาอยู่ บ่นๆอย่างเสียงดังไปตั้งหลายคำ แล้วก็วางสายไปทีเดียวเลย
เสียงยิ่งดังเท่าไหร่ ก็ยิ่งกินปูนร้อนท้องเท่านั้น
หลินหยังช่วยลู่เซิ่นวางสายไป และหันหน้าไปมองลู่เซิ่น “ประธานลู่ เรื่องที่ท่านมอบหมายไว้ ยังทำตามแผนการที่วางเอาไว้รึเปล่า?”
ลู่เซิ่นพยักหน้า
หลินหยังจึงถือเอกสารไว้ และออกไปจากประตู
เหลือแต่ลู่เจิ้นที่ยืนอยู่หน้าประตูอดที่จะซึ้งใจไม่ได้
เป็นลู่เซิ่นที่จำความแค้นซึ่งไม่มีใครเทียบได้เลยจริงๆ ไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด
เมื่อสักครู่สมองของเขาหมุนไปแล้วรอบนึง คาดเดาว่า”ประธานฉิน”ที่โทรศัพท์มาเมื่อสักครู่ต้องเกี่ยวข้องกับฉินซีแน่นอน แต่ว่าเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัวของฉินซี เขาไม่คิดจะถามให้มากความ เพียงแต่ว่าสนใจกับเรื่องอื่นมากกว่า
เขาเดินหลายก้าวและเดินไปที่หน้าโต๊ะทำงานของลู่เซิ่น ถามอย่างประหลาดใจว่า “พี่ ต่อไป พี่กะจะแก้แค้นยังไงครับ?”
ยังไงซะหลังจากพวกเขาโต ลู่เจิ้นได้เห็นหน้าตาของลู่เซิ่นที่แก้แค้นใครอย่างโหดเหี้ยมน้อยมาก จึงยังรำลึกอยู่บ้าง
ลู่เซิ่นทำตัวสบายๆและผ่อนคลาย ”ยังไม่กระทำการเคลื่อนไหว”
ไม่รู้ว่าไม้เรียวจะลงไปเมื่อไหร่ ความหวาดกลัวแบบนี้ ถึงจะทรมานคนที่สุด
……
ฉินซึ่งเทียนวางสายไป ทีนี้ถึงได้พบว่ามือของตัวเองเหงื่อเต็มไปหมดแล้ว
เมื่อสักครู่เขาเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากธนาคาร พูดว่าโครงการสำคัญของกระบวนการเงินกู้ธนาคารมีปัญหาถูกระงับชั่วคราวไปแล้ว สมองหยุดชะงักไปตั้งหลายวินาที
โครงการนั้นเป็นโครงการที่สำคัญตั้งครึ่งปีเต็มๆของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ถ้าหากไม่มีเงินคงคลังสนับสนุน……….ไม่กล้าคาดคิดสถานการณ์ในอนาคต
เขาทั้งโกรธทั้งใจร้อน แทบจะไม่ได้คิดและทบทวนดูก็โทรศัพท์ไปให้กับลู่เซิ่นทีเดียว
ถึงว่าลู่เซิ่นอดทนไว้ตั้งนานก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ที่แท้กำลังวางแผนการอยู่นี่เอง
แต่ว่าโทรศัพท์เสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว เขาถึงได้รู้ว่า ตัวเองโทรศัพท์ไปโต้แย้งและถามว่าความผิด มันคือกับดักของลู่เซิ่นเอง
เขากำลังทดสอบอยู่ ทดสอบตัวเองอยู่ว่าเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ของเมื่อคืนรึเปล่า
แต่ว่าความโกรธที่ครอบงำจิตใจของตัวเอง ถึงกับกระโดดลงไปที่กับดักนี้
ฉินซึ่งเทียนเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาบนหน้าผาก
เขาได้ตรวจสอบไปแล้วแท้ๆ ธนาคารนี้ไม่มีธุรกิจไปมาหาสู่กับบริษัทลู่ซื่อโดยตรง แต่ว่าอยู่ในเวลาที่คับขันเช่นนี้จู่ๆก็ตัดเงินกู้ไปเลย เป็นไปไม่ได้ที่เป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น
เขาคิดออกเยอะมากวิธีที่ลู่เซิ่นจะไปให้ถึงเป้าหมาย
เพียงแค่ใช้เงิน บริษัทลู่ซื่อมีทรัพย์สินตั้งมากมายขนาดนั้น มีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้
เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานของตัวเองอย่างอ่อนแรง
ดูๆไปแบบนี้ สิ้นเปลืองเวลาของตัวเองเมื่อหลายวันมานี้
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริษัทลู่ซื่อ หรือว่าไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทลู่ซื่อ เหมือนจะไม่สำคัญนัก
เพียงแค่ลู่เซิ่นเต็มใจ สัญญาของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปของเขา ไม่มีบริษัทไหนที่มั่นคงแข็งแรงไปตลอดโดยไม่เจ๊ง
คิดถึงตรงนี้ จู่ๆฉินซึ่งเทียนก็เกิดมีอารมณ์ที่สิ้นหวัง
เขากัดฟัน ยื่นมือไปโทรศัพท์อีกสายนึง
ยังไงซะฉินซีเป็นลูกสาวของตัวเอง พูดทุกอย่างกับเธอดูสิ ฉินซีจะเข้าใจรึเปล่า
ขอแค่ฉินซีเข้าใจ ถ้างั้นลู่เซิ่นก็จะไม่ทำอะไรแน่นอน……….
ฉินซึ่งเทียนภาวนาในใจกลับไปกลับมา แต่ว่ามือถือของฉินซีกลับสายไม่ว่างตลอด
เขาโง่แค่ไหนก็เข้าใจดี ตัวเองถูกฉินซีลบทิ้งไปแล้ว
มือถือของฉินซึ่งเทียนลื่นไหลลงไปอยู่บนพื้น
……
ฉินซีที่อยู่ในโรงพยาบาลไม่รู้อยู่แล้วว่าลู่เซิ่นใช้วิธีมากถึงเพียงนี้ เธอกับอานหยันถกเถียงเรื่องที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้สักพัก ก็อยากนอนอีกแล้ว
อานหยันดูสีหน้าท่าทางเธอออก พูดอย่างอ่อนโยนว่า “คุณนอนเถอะ ฉันปิดผ้าม่านให้เอง”
ฉินซีง่วงนอนแบบเบลอๆแล้ว แต่ว่าพออานหยันปิดผ้าม่านและเดินผ่านมา ก็ได้ยินเธอกำลังเอ่ยปากพูดแบบครึ่งหลับครึ่งตื่น
“อานหยัน คุณใช้รายงานทางอินเทอร์เน็ต สามารถสืบพบเรื่องของแม่ฉันรึเปล่า?”
อานหยันเสียใจเล็กน้อย แต่ว่าเธอรู้ดีนี่ถือเป็นแค่คำพูดที่ละเมอของฉินซีเท่านั้น แต่ว่า เขาก็ยังมีความรู้สึกที่เหมือนกับว่าไร้ความสามารถอยู่ดี