Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 903

ตอนที่ 903

บทที่ 903 แค่อยากหย่ากับฉัน

ฉินซีลังเลอยู่พักหนึ่ง

สิ่งที่แม่ของฉันพูดเมื่อกี้มันน่าตกใจมาก จนแม้แต่เธอเองก็ยังรับไม่ได้ในเวลาสั้นๆ

แต่เธอมีลางสังหรณ์ว่า แม่ของเธอจะไม่โกหกเธอ

เธอพยักหน้าช้าๆ

เหยาหมิ่นหายใจเข้าลึกๆ “งั้นสิ่งที่แม่จะพูดต่อ หนูห้ามโกรธนะ”

ฉินซีขมวดคิ้ว “คุณแม่ แม่จะพูดอะไรเหรอ”

เหยาหมิ่นค่อยๆยิ้มอย่างเศร้าใจว่า “พ่อของหนู … มีผู้หญิงคนอื่นอยู่ข้างนอกแล้ว”

ดวงตาของฉินซีเบิกกว้างทันที “อะไรนะ”

เหยาหมิ่นก้มหน้าลงและไม่ได้มองเธอต่อ “เขา … บอกแม่เรื่องนี้นานมากแล้ว ผู้หญิงคนนั้น… ท้องเร็วกว่าแม่ด้วยซ้ำ …”

ฉินซียืนขึ้นทันทีและพูดอย่างโกรธว่า “เป็นไปไม่ได้”

เหยาหมิ่นเห็นเธอท่าโกรธเกรี้ยวของเธอ และมีรอยยิ้มที่เศร้าใจบนหน้า “เสี่ยวซี ลองคิดดูดีๆสิ หลังจากที่เราย้ายไปอยู่บ้านใหม่ของตระกูลฉิน คุณพ่อเขา … เวลาที่อยู่บ้านเยอะมั้ย”

ฉินซีพูดอย่างโกรธว่า “เขายุ่งไม่ใช่เหรอ นั่นเป็นเพราะเขายุ่งกับงาน”

เหยาหมิ่นส่ายหัวและค่อยๆก้มตาลง “จริงๆแล้วลูกเชื่อแม่แล้ว ไม่ใช่เหรอ”

ฉินซีตกนั่งลงเตียงทันที

นั่นคือพ่อของเธอ

เรื่องกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง

เหยาหมิ่นพูดเบาๆว่า “ที่เขาทำแบบนี้ ก็แค่อยากหย่ากับแม่เฉยๆ”

ฉินซีก้มหัวลง ปิดหน้าไม่ได้อยากฟังอะไร

เป็นไปได้ยังไง……

เหยาหมิ่นดูเหมือนจะเข้ามาในโลกของตัวเองและพูดกับตัวเองว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างเราไม่ได้ดีมาตลอด หนูก็รู้ จริงๆแล้วแม่รับไม่ได้ แต่ก็พูดอะไรไม่ได้ … ”

ฉินซีค่อยๆเงยหน้าขึ้นและมองเธอว่า “เมื่อไหร่”

เหยาหมิ่นไม่เข้าใจที่เธอพูด และเอียงหัว “อะไรนะ”

ฉินซีค่อยๆพูดอย่างโกรธว่า “รู้เรื่องตั้งเมื่อไหร่”

เหยาหมิ่นยิ้มอย่างเศร้าและตอบช้าๆ “หลายปีแล้ว … ”

ฉินซีค่อนข้างโกรธ แต่ไม่รู้ระบายอารมณ์ยังไง ได้แต่เก็บความโกรธที่ระบายออกมาไม่ได้ และน้ำเสียงก็กลายเป็นเย็นชา “ทำไมคุณแม่ไม่พูดสักคำเลย”

เหยาหมิ่นนั่งอยู่ข้างๆเธอ แล้วจับมือเธอเบาๆ “แม่จะบอกว่ายังไงล่ะ บอกว่าคุณพ่อของหนูมีผู้หญิงอยู่ข้างนอกมาโดยตลอดเหรอ”

ฉินซีสำลัก แต่ก็ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “แต่อย่างน้อยคุณแม่ก็ไปจากเขาได้”

สายตาของเหยาหมิ่นหลบเลี่ยงและน้ำเสียงของเธอก็เบาๆ “เสี่ยวซี ดูสถานการณ์ปัจจุบันของเราสิ แม่ไปจากพ่อหนูแล้ว จะไปไหนได้ล่ะ ”

ฉินซีเงยหน้าขึ้นมองกำแพงที่ขึ้นรา เธอไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร คิดไปสักพักถึงนึกออกว่า “คุณแม่ไม่มีเงินปันผลจากบริษัทเหรอคะ หนูเคยได้ยินคุณพ่อบอกว่า คุณแม่มีหุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปอยู่ในมือเนี่ย… ”

เหยาหมิ่นส่ายหัว “อยู่ในมือพ่อหนูหมด”

ฉินซีมองเหยาหมิ่นอย่างประหลาดใจ

เธอก้มหัวลง สีหน้าที่ดูเศร้าจางๆ และผิวของมือที่จับเธออยู่นั้นบอบบาง ดูก็รู้แล้วว่าไม่เคยลำบากไม่เคยเหนื่อยเลย

เมื่อก่อนตอนที่ตระกูลเหยายังร่ำรวยและมีอำนาจอยู่ เหยาหมิ่นเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอ แม้ว่ามีตระกูลเหยาอยู่ข้างหลังเธอคอยให้ความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองมีการพึ่งพาอะไร โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานกับ ฉินซึ่งเทียน เธอก็ไม่ได้ติดต่อกับตระกูลเหยาอีกเลย

และตระกูลเหยาไม่ได้มีอำนาจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เธอยิ่งรู้สึกว่าเธอไม่มีการพึ่งพาอะไรเลย แค่ยึดติดกับฉินซึ่งเทียนอย่างเดียว

เธอก็เป็นผู้หญิงที่ยึดติดกับครอบครัวและสามีของตัวเองเหมือนผู้หญิงอื่นๆ

ถ้าไม่มีสามี ก็เท่ากับว่าคนหลักของชีวิตหายไป

ฉินซีรู้สึกในใจมีความโกรธมากขึ้น

เธอรู้ว่าแม่ของเธออ่อนโยนมาตลอด แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่า จริงๆแล้วเธออ่อนแอจนใครทำอะไรก็ได้

เหยาหมิ่นเห็นว่าเธอไม่ได้พูดอะไรสักคำ โดยคิดว่าเธอได้รับการกระตุ้นจากเรื่องที่ฉินซึ่งเทียนนอกใจ เลยอธิบายว่า “จริงๆแล้วเรื่องที่นอกใจ เขาเคยสารภาพกับแม่แล้ว ถ้าไม่ใช่เขาบอก แม่อาจจะยังไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ…”

ฉินซีอดไม่ได้ที่จะพูดเสียงดัง “เป็นเพราะเขาสารภาพกับคุณแม่ คุณแม่ต้องขอบคุณเขามากๆงั้นเหรอ”

เหยาหมิ่นอึ้งไป “แต่ … อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้โกหกแม่ … ”

ฉินซีก้มหัวลงอย่างไม่รู้ทำไงดี

เธอรู้สึกว่ามีอุปสรรคในการสื่อสารระหว่างตัวเธอกับแม่มากเกินไป ทั้งสองคนแทบจะไม่สามารถพูดในประเด็นเดียวกันเลย

วันนี้เหยาหมิ่นได้รับเรื่องน่าตกใจมากแล้ว ต้องการพักผ่อน เธอไม่อยากอารมณ์เสียกับเหยาหมิ่นอีก

เธอได้รับข้อมูลมากมาย สมองยุ่งเหยิงไปหมด เธอก็ต้องการเวลาสงบสติอารมณ์เหมือนกัน

ที่จะให้เหยาหมิ่นกลับบ้านในตอนนี้ก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เธอจึงลุกขึ้นยืนและพูดว่า “คุณแม่ งั้นคุณแม่พักผ่อนเถอะ หนู…หนูกลับไปก่อนนะ”

เหยาหมิ่นไม่คิดจะให้เธออยู่ด้วย พยักหน้าและให้เธอกลับไป

ฉินซีกลับบ้านอย่างเศร้าหมอง และบังเอิญเจอฉินซึ่งเทียนในห้องโถง

“คุณหายไปไหนมา” น้ำเสียงของฉินซึ่งเทียนดุมาก แต่ฉินซีสังเกตดีๆ และเห็นว่าการแสดงออกของเขาผ่อนคลายมาก

ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์คุยกับฉินซึ่งเทียน ตอบมั่วๆก็กลับห้องไปแล้ว

หลังจากปิดประตู เธอมีเวลาคิดอย่างเงียบๆสักที

ไม่ใช่ว่าเหยาหมิ่นจะไม่มีเหตุผลที่จะโกหก เธออาจจะโกรธเพื่อจะแก้ตัวกับเรื่องที่ตัวเองทำก็ได้ แต่ … ฉินซีก็เชื่อคำพูดของแม่เธอตามสัญชาตญาณ

เพราะว่าหลายปีที่ผ่านมา ฉินซึ่งเทียนไม่สนใจครอบครัวมากจริงๆ

แต่แค่เรื่องนี้อย่างเดียว เธอยังไม่สามารถสรุปได้

ตามคำพูดของแม่ของเธอ ที่ฉินซึ่งเทียนทำแบบนั้น ก็แค่เพื่อหย่ากับเธอ

ฉินซีไม่ค่อยเชื่อในเรื่องนี้

ตอนนี้ตระกูลฉินกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่เหยาหมิ่นไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเหยาแล้ว และเธอก็ไม่มีความเห็นส่วนตัวใดๆทั้งนั้น ฉินซึ่งเทียนรักศักดิ์ศรีของตัวเองมาก วิธีการหย่าร้างกับคุณแม่มีมากมาย ทำไมเขาต้องเลือกวิธีที่จะทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนด้วยล่ะ

เธอรู้สึกว่า ต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังแน่ๆ

ไม่รู้ว่าเพราะคิดเยอะไป หรือโดนฝนในตอนบ่าย ฉินซีจึงไข้ขึ้นตอนกลางดึก

เธอนอนป่วยอยู่บนเตียง มีคนเดินไปเดินมาอยู่ข้างๆ และดูเหมือนว่าจะมีคนเถียงกันอยู่ที่ทางเดิน แต่เธอก็ไม่มีแรงที่จะไปดูด้วย

พ่อบ้านนั่งอยู่ข้างเตียงของเธอ เช็ดเหงื่อที่หน้าผากให้เธอ

ฉินซีฟังเขาพูดเบาๆอย่างไม่ชัดว่า “กำจริงๆ… ”

ในตอนเช้า ฉินซีเหงื่อออกเยอะมาก และไข้ก็ลดลงแล้วด้วย

พ่อบ้านอายุมากแล้ว ไม่ได้นอนทั้งคืนเลยไม่ไหว กลับห้องไปพักผ่อนแล้ว

ฉินซีพยายามไปหยิบโทรศัพท์ของเธอ พอเปิดดูและเห็นว่าเมื่อคืนคุณแม่โทรมาหาหลายครั้ง และส่งข้อความเข้ามามากมาย

ฉินซีเปิดโทรศัพท์ และข้อความที่ได้รับก็ไม่เป็นลำดับ เธออ่านไปหลายข้อแต่ไม่เข้าใจ ก็เลยโทรกลับไปโดยตรง

คุณแม่ไม่ได้รับสาย

ฉินซีสงสัยเบาๆ และรีบโทรกลับไปทันที

เหยาหมิ่นรับสายสักที แต่มีเสียงร้องว่า “เสี่ยวซี … ”

ฉินซีมีความรู้สึกที่ไม่ดี เธอพยายามลุกขึ้นนั่งและพูดว่า “คุณแม่ เป็นอะไรเหรอคะ”

เหยาหมิ่นสะอื้นอยู่พักหนึ่ง”ฉินซึ่งเทียนส่งสัญญาหย่ามาให้แม่ บอกว่าถ้าแม่ไม่เซ็น เขาจะปล่อยรูปที่แม่นอกใจออกไป

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท