Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 912

ตอนที่ 912

บทที่ 912 สัญญาสิบปี

ฉินซีพยักหน้าทักทาย จากนั้นก็เดินเข้าไปที่โต๊ะทำงานแล้วนั่งลงบนที่นั่งอีกด้าน

ใบหน้าของลู่เซิ่นฝังอยู่ในเงามืดครึ่งหนึ่ง

เขาโบกมือให้ทนายส่งหนังสือสัญญาโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองฉินซี

ท่าทีของทนายความก็สุภาพเช่นกัน เขายื่นมือไปเปิดหนังสือสัญญาที่พิมพ์ขึ้นมาใหม่บนโต๊ะ จากนั้นก็ส่งให้ฉินซี “คุณลองอ่านดูก่อน มีเงื่อนไขอยู่ไม่กี่ข้อที่ผมต้องอธิบายให้คุณฟัง ”

ฉินซีกวาดตามอง เนื้อหาทั่วไปไม่แตกต่างจากที่เธอเห็นเมื่อเช้ามากนัก เพียงแต่มีการเพิ่มเติมเงื่อนไขบางอย่างที่เธอร้องขอเข้ามา

เธอหน้าขึ้นมองคุณทนาย “คุณว่ามาเถอะค่ะ”

คนเป็นทนายหันไปมองลู่เซิ่น ก่อนจะเดินไปอยู่ข้าง ๆ ฉินซี

“หลังจากที่คุณลงนามในสัญญาฉบับนี้ ประธานลู่จะจัดการปัญหาหนี้สินให้คุณภายในสามวัน ดูจากสถานการณ์ของคุณแล้ว ผมขอแนะนำให้ท่านประธานเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง”

ฉินซีพยักหน้าโดยไม่ขัดข้อง

เธอเคยเห็นแล้วว่าเจ้าหนี้พวกนั้นจัดการยากเพียงใด การที่ต้องเผชิญหน้ากับคนพวกนั้นด้วยตัวเองไม่รับก็เป็นเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน

“ที่ประธานลู่ชำระหนี้เสร็จสิ้น ก็จะสรุปยอดออกมาโดยคำนวณยอดหนี้ทั้งหมดตามอัตราดอกเบี้ยทบต้นของเงินฝากธนาคารในระยะเวลาหนึ่งปี อย่างไรก็ตามนี่ก็ต้องดูว่าระยะเวลากู้ยืมเงินของคุณยาวนานแค่ไหน”

ฉินซีลังเลอยู่พักหนึ่ง

เธอรู้ดีว่าหนี้ที่แม่ของเธอต้องแบกรับเอาไว้นั้นมากมายมหาศาล เดิมทีเธอวางแผนเอาไว้ว่าจะให้ฉินซึ่งเทียนเป็นคนจ่าย แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท้ายที่สุดแล้วฉินซึ่งเทียนจะยอมคืนเงินหรือเปล่า

เมื่อเห็นความลังเลของฉินซี คนเป็นทนายก็รีบพูดขึ้นมาทันทีว่า “หากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับระยะเวลาในการผ่อนชำระ พวกเราสามารถตั้งเอาไว้ที่สิบปีได้ชั่วคราว”

ฉินซีเลิกคิ้ว

สิบปี เธอไม่สามารถที่จะผูกมัดตัวเองเอาไว้กับลู่เซิ่นถึงสิบปีได้

เธอต้องทำให้ฉินซึ่งเทียนคายเงินสกปรกที่กลืนกินเข้าไปออกมาให้หมด ทำให้เขาต้องทุกข์ทรมานเหมือนกับแม่ของเธอ!

เธอจึงพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “สิบปีก็สิบปีค่ะ”

คุณทนายความจดบันทึกข้อความนี้ลงไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง จากนั้นก็พูดเรื่องเงื่อนไขที่ธรรมดา ๆ อีกไม่กี่คำ ก่อนจะชี้ไปที่ข้อสุดท้าย

“ในช่วงระยะเวลาของสัญญา คุณจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในฐานะคู่ชีวิตของประธานลู่ หากไม่มีเหตุการณ์สำคัญใด ๆ คุณจะต้องพักอยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวนเท่านั้น ต้องคอยอำนวยความสะดวกให้ประธานลู่ นอกจากนี้หวังว่าคุณจะสามารถจัดการเรื่องส่วนตัวของตัวเองได้นะครับ”

คุณทนายพูดถึงตรงนี้ก็หยุดแล้วไม่พูดอะไรต่อ ทว่าฉินซีเข้าใจดีว่าเขาหมายถึงอะไร

นี่เป็นการถือว่าฉินซีได้ขายตัวเองออกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่มีชีวิตส่วนตัวอะไรพวกนั้นอีก

เธออ่านเงื่อนไขทั้งหมดอย่างละเอียดอีกรอบ ในนั้นไม่ได้มีข้อกำหนดใด ๆ เกี่ยวกับชีวิตของลู่เซิ่น

…แท้จริงแล้วนี่เป็นสัญญาที่ไม่มีความเสมอภาค

ฉินซีแอบถอนหายใจในใจ แต่เพราะลู่เซิ่นเป็นคนออกเงิน ดังนั้นเธอจึงพยักหน้า “ได้ค่ะ”

คุณทนายได้ทำการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ก่อนพิมพ์ออกมาอีกสองฉบับ ฉบับหนึ่งส่งไปให้ฉินซี ส่วนอีก ฉบับหนึ่งส่งไปให้ลู่เซิ่น ทั้งสองคนพยักหน้าทักทายกันก่อนจะเดินออกจากห้องไป

ทันใดนั้นในห้องหนังสือก็เหลือเพียงพวกเขาสองคน

ทว่าฉินซีไม่ได้สนใจอะไรมาก เธอจับปากกาเซ็นชื่อลงไปในตำแหน่งของฝ่าย ข.

ทันใดนั้นลู่เซิ่นก็พูดขึ้นมา

“ฉินซี เธอคิดดีแล้วจริง ๆ ใช่ไหม”

เขาถือปากกาหมึกซึมเอาไว้ในมือ ทว่าสายตากลับมองตรงไปที่ฉินซี

ฉินซียักไหล่ “ ฉันอ่านเงื่อนไขแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ไม่พอใจ แล้วทำไมจะไม่เซ็นล่ะคะ”

ลู่เซิ่นกลับยังคงจ้องมองเธอ “ทั้งที่เมื่อวานเธอเอาแต่ปฏิเสธข้อเสนอของฉัน แล้วทำไมวันนี้อยู่ ๆ ถึงได้ตกลงขึ้นมาล่ะ”

ฉินซีชะงักไปพักหนึ่ง

มีเหตุผลอะไรกันนะ

เธอเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดออกมาทีละข้อ ๆ อย่างไรดี

บางทีอาจเป็นเพราะเมื่อวานเธอเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของลู่เซิ่นตอนที่เขามองเลือดที่ไหลออกมาของเธอ เลยทำให้เธอรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนไม่ดี หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายคือลู่เซิ่น ดังนั้นหากฉินซีต้องอยู่กับเขา ก็ไม่นับว่าเป็นการเสียเปรียบอะไร หรือบางทีเธออาจจะไม่อยากตายแล้วจริง ๆ ทำไมคนเลว ๆ ถึงสามารถอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างสงบสุข แต่เธอกลับเป็นฝ่ายที่ต้องจากไปล่ะ!

ถ้าหากเธอต้องการแก้แค้นฉินซึ่งเทียนกับหลี่เหวยละก็ เธอจะต้องหาทางมีชีวิตรอดต่อไปที่ได้

ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้อเสนอของลู่เซิ่นจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

ดังนั้นเธอจึงส่ายศีรษะด้วยใบหน้าเรียบเฉย “บางทีอาจเป็นเพราะเมื่อเช้าลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าอากาศดีมั้งคะ”

ลู่เซิ่นตะลึง ก่อนจะยกยิ้มอ่อนพลางเคาะนิ้วลงบนผิวโต๊ะ “ในเมื่อคิดดีแล้วก็เซ็นเถอะ”

ฉินซีเซ็นชื่อของตัวเองลงไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ลู่เซิ่นเองก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ เขาตวัดลายเซ็นของที่พลิ้วไหวราวกับสายน้ำของตัวเองลงไปเช่นกัน

ภาพทั้งหมดสิ้นสุดลงที่ตรงนี้ ใบหน้าของคนสองคนค่อย ๆ พร่ามัว จากนั้นสติทั้งหมดก็หายไป

หลังจากที่เมื่อคืนได้นอนหลับโดยไม่ต้องจมสู่ห้วงฝัน ตอนที่ฉินซีตื่นขึ้นมาจึงรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก

ลู่เซิ่นนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว มันยังคงเป็นตำแหน่งเดิมก่อนที่เธอจะขึ้นไปนอนตอนเมื่อคืนวาน ฉินซีไม่รู้ว่าเขาไม่ได้นอนทั้งคืน หรือว่าเพิ่งจะมานั่งอยู่ตรงนั้นเมื่อตอนเช้า

ภาพที่เธอคิดถึงก่อนเข้านอนพวกนั้นวาบขึ้นมาอย่างพร่ามัว ฉินซีมองลู่เซิ่น ทันใดนั้นภายในหัวใจก็บังเกิดความรู้สึกที่ไม่รู้จักหมุนวนไปมา

อยู่ ๆ เธอก็รู้สึกอยากถามว่าทำไมตอนนั้นลู่เซิ่นถึงยอมช่วยเธอ

จะบอกว่าเพราะเขาสนใจรูปร่างหน้าตาของเธอก็รู้สึกฝืนใจหน่อย ๆ ถึงอย่างไรมีหรือที่ว่าข้างกายของลู่เซิ่นต้องการผู้หญิงแบบไหนแล้วจะไม่มี ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องใช้เงินมากมายขนาดนั้นเพื่อรั้งเธอเอาไว้

ทว่าเธอยังไม่ทันจะได้ถามออกไป ลู่เซิ่นก็พบว่าเธอตื่นแล้ว

“ไปล้างหน้าแล้วมากินข้าว” เขาพูดสั้นๆออกมาไม่กี่คำ หลังจากนั้นก็ก้มมองเอกสารบนโต๊ะต่อ

คำถามของฉินซีถูกเก็บกลับมาทันที เธอทำได้เพียงยักไหล่ จากนั้นก็รีบลุกจากเตียงแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ

หลังจากที่ทานข้าวเช้าเสร็จ ผลตรวจในตอนเช้าก็พบว่าไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงมากมายแล้ว ท้ายที่สุดคุณหมอจึงยอมพยักหน้าให้เธอกลับบ้าน

พ่อบ้านคอยทำความสะอาดให้แล้ว สิ่งของต่าง ๆ ในห้องพักฟื้นก็มีคนช่วยเก็บให้ ฉินซีเปลี่ยนชุดแล้วเดินไปที่ลิฟต์ช้า ๆ

ดูเหมือนว่าลู่เซิ่นจะไม่ได้กลับไปที่บริษัทลู่ซื่อ เขาเดินตามเธออย่างไม่เร่งรีบ

ขณะที่ลิฟต์กำลังลงไปที่ชั้นหนึ่ง ตอนที่ถึงแผนกผู้ป่วยนอก ทันใดนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา ฉินซีจึงถูกดันไปตรงตำแหน่งมุม ร่างกายโอนเอนจนเกือบจะล้มลง

ทันใดนั้นลู่เซิ่นกลับมาขวางหน้าเธอไว้ แล้วยื่นมือออกมาช่วยประคอง

“ระวังหน่อย”

น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ ฟังไม่ออกว่าเขากำลังต่อว่าอยู่หรือเปล่า กลิ่นน้ำหอมของผู้ชายอบอวลอยู่รอบ ๆ ตัวฉินซี ทำให้เธอสูญเสียสติสัมปชัญญะไปชั่วขณะ ทำได้เพียงพยักหน้าอย่างว่าง่าย ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไป

แต่เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นหนึ่งและมีอากาศบริสุทธิ์หลั่งไหลเข้ามา ในที่สุดฉินซีก็ดึงสติกลับมาได้ เธอก็รีบผลักลู่เซิ่นออก จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินออกไปข้างนอก

หลินหยังเปิดประตูรถรออยู่ที่ข้างนอกแล้ว

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรลู่เซิ่นถึงให้คนขับรถเบนซ์มา รูปลักษณ์หยาบ ๆ ภายนอกที่เหมือนรถHummerนั้น ทำให้ฉินซีนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่เธอประสบอุบัติเหตุ

หลังจากที่ถูกชนจากทางด้านข้างและท้ายรถ บวกกับการที่เธอขับรถมาด้วยความเร็วสูง รถทั้งคันแทบจะลอยตัวขึ้นกลางอากาศ พลิกคว่ำร้อยแปดสิบองศา…

ฉินซีเพียงคิดถึงภาพนั้น บนแผ่นหลังก็มีเหงื่อซึมออกมาบาง ๆ

“เกิดอะไรขึ้น” ลู่เซิ่นถามขึ้นมาจากทางด้านหลังเมื่อเห็นว่าฉินซียืนหน้าประตูรถอยู่นานโดยไม่ขยับเขยื้อน

ฉินซีไม่อยากให้ลู่เซิ่นรู้สึกว่าตัวเองเสแสร้งทำตัวเหมือนคนธรรมดาทั่วไป เธอจึงส่ายหน้า “ไม่เป็นไร”

พูดแล้วก็กัดฟันเข้าไปนั่งในรถ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท