Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 910

ตอนที่ 910

บทที่ 910 ฉันอยากได้คุณ

ลู่เซิ่นไม่ได้พูดอะไร แค่ก้มหน้าลง เหมือนคิดอะไรอยู่

ฉินซีหัวเราะเยาะตัวเอง”ถ้าแค่กู้เงินกู้จากธนาคารก็ยังดีกว่า ถ้าไม่สามารถคืนได้ก็ไม่มีใครมาขวางอยู่หน้าบ้าน แต่การกินดอกเบี้ยส่วนตัวไม่ทำตามกฎสักหน่อย พวกเขาแค่เอาเงิน ไม่สนใจสิ่งอื่นใดๆทั้งนั้น”

ลู่เซิ่นเงยหน้าขึ้นและมองฉินซี”พวกเขาก็จะพัวพันกับคุณเหมือนกันใช่ไหม”

ฉินซีหลับตา”คุณแม่ไม่สบาย พวกเขาไปหาเรื่องที่โรงพยาบาลบ่อยๆ เราซ่อนตัวอยู่บ้าน ละพวกเขาก็เฝ้าอยู่ชั้นล่าง คุณแม่ได้พักผ่อนดีๆได้ยังไงละ ฉันเลยสัญญาว่าฉันจะรับผิดชอบหนีพวกนี้ พวกเขาถึงไม่มาหาเรื่องคุณแม่ชั่วคราว”

ฉินซีพูดจบ ก็เหลือบมองnลู่เซิ่น

แต่สีหน้าของลู่เซิ่นเครียดมาก เขาดูเหมือน…โกรธเบาๆ

“คุณ … เชื่อที่ฉันพูดไหม”ฉินซีรู้สึกสับสนนิดหน่อย

เธอคิดว่าอย่างน้อยลู่เซิ่นก็ต้องสงสัยเล็กน้อย แต่ไม่คิดว่าเขาจะยอมรับคำพูดของเธอได้อย่างง่ายขนาดนี้

เสียงของลู่เซิ่นสงบนิ่งมาก”ฉันเชื่อคุณ”

ฉินซียังไม่ทันถามว่าความมั่นใจที่เขาต่อเธอมาจากไหน ได้ยินลู่เซิ่นพูดว่า”ฉันไม่ใช่แค่เชื่อคุณอย่างเดียว ฉันยังสามารถช่วยคุณได้ด้วย”

ฉินซีไม่เชื่อว่ามีสิ่งดีๆแบบนี้ด้วย

เธอเหล่ตาและมองเขา

“คุณจะช่วยฉันยังไงเหรอ”

ลู่เซิ่นมองเธออย่างมั่นใจ”ฉันสามารถช่วยคุณกำจัดหนี้เหล่านั้นได้ และยังสามารถทำให้คุณมีชีวิตอยู่ต่อได้

เพื่อไปแก้แค้นคนที่ทำชั่ว”

ฉินซีเงยหน้าขึ้นและมองเขา

หลังจากกลับจากรีสอร์ทชิงหยวนครั้งที่แล้ว ฉินซีไม่ลืมที่จะตรวจสอบฐานะของลู่เซิ่นด้วย

เธอรู้ว่า ฐานะของลู่เซิ่น เขาบอกว่าจะช่วยจัดการ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้อยู่แล้ว

เธออยากรู้อยากเหตุผลมากว่า

ทำไมเขาต้องช่วยเธอ

เธอก็เลยถามออกมา

“แล้วคุณต้องการอะไรจากฉันเหรอ”

ลู่เซิ่นเก็บการแสดงออกทั้งหมดบนใบหน้าไว้ และจ้องมองดวงตาของฉินซีโดยตรง พูดอย่างช้าๆว่า”ฉัน

อยากได้คุณ”

ฉินซีสงสัยว่าเธอฟังผิดหรือเปล่า

ลู่เซิ่นต้องการอะไร

อยากได้ตัวเอง

เขาหมายความว่ายังไง

มันเป็นความหมายที่เธอเข้าใจไหม

สีหน้าเปลี่ยนไปหลายรอบ ในที่สุดหน้าแดงขึ้นมา

ลู่เซิ่นคิดว่าฉินซีอย่างเธอจะขายตัวเหรอ

เธอยังไม่ทันบอกความโกรธออกมา คำพูดของลู่เซิ่นก็ปิดกั้นคำพูดของเธอไว้แล้ว

“คุณไม่ต้องรีบตอบฉันว่า จะตลกหรือเปล่า หมอบอกแล้ว คุณยังต้องให้น้ำเกลือหนึ่งคืน คุณก็พักผ่อนอยู่ที่นี่ดีๆแหละ พรุ่งนี้ฉันจะมาฟังคำตอบของคุณ”

ฉินซีพูดอย่างเย็นชา”คุณคิดว่าในเมื่อฉันรู้ความคิดของคุณแล้ว ฉันยังกล้าพักอยู่ที่นี่เหรอ”

ลู่เซิ่นยิ้มเบาๆ”ประตูห้องนี้ล็อคจากข้างนอกได้ ฉันรับรองได้ว่า คืนนี้ฉันจะไม่ล่วงเกินคุณแน่นอน”

ฉินซีไม่สนใจเขาและหลับตาไปเลย

ลู่เซิ่นไม่ได้พูดอะไรต่อ เดินออกจากห้องและปิดประตูให้ด้วย

ฉินซีรีบลุกขึ้นนั่งทันทีและพยายามยืนขึ้น

ในเมื่อลู่เซิ่นสามารถมีข้อเสนอที่ไร้สาระแบบนี้ได้ ใครจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

ที่นี่ไม่ปลอดภัย เธอรีบหนีออกไปดีกว่า

แต่เมื่อเธอก้มลงจะใส่รองเท้า ก็เวียนหัวขึ้นมา ขาอ่อนและคุกเข่านั่งลงบนพื้นทันที

ฉินซียื่นมือจะจับโต๊ะข้างเตียงลุกขึ้น แต่ดึงเสื้อผ้าของเธอที่ถูกวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง เมื่อเธอใช่แรง เสื้อผ้าและของต่างๆที่อยู่บนนั้น ก็ตกลงไปเต็มพื้นอย่างเสียงดังไปหมด

ถ้วยและจานผลไม้ที่วางไว้ข้างๆ ถูกเสื้อผ้ากวาดลงบนฟื้นไปหมด และถ้วยก็แตกเป็นชิ้นๆเลย

ฉินซีหลบไม่ทัน หลังมือถูกทำเป็นรอยๆ

เธอยังไม่ต่อสนองว่าเกิดอะไรขึ้น ประตูก็เปิดจากด้านนอกอย่างแรงแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น”

ฉินซีเงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นคุณหมอ เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก

“ฉันอยากลงจากเตียง แต่ยืนไม่ดีค่ะ”

เธอพูดไม่ดีกับคุณหมอไม่ได้ เลยอธิบาย

แต่หมอบ่นอย่างไม่พอใจว่า”วันนี้คุณเพิ่งตกน้ำและแทบตายไปแล้ว ตอนนี้เวียนหัวก็ถือว่าเบานะ ทำไมต้องรีบลงจากเตียงละคะ”

ฉินซียิ้มอย่างรู้สึกผิด จะจับเขายืนขึ้น แต่พบว่ามีคนยืนอยู่ตรงหน้าอีกคน

มองจากด้านล่างไปถึงบน เมื่อเห็นรองเท้าหนังที่หรูหรา เธอก็รู้ว่าคนนั้นคือลู่เซิ่น

แต่เธอไม่คิดว่า ลู่เซิ่นพูดอย่างไม่พอใจมากว่า”คุณไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อขนาดนั้นเหรอ”

เธอเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เข้าใจ สีหน้าของลู่เซิ่นมืดมน

เธอมองไปรอบๆตามสายตาของลู่เซิ่น

มีดอันนั้นบังเอิญนตกลงบนมือขวาของเธอพอดี และมือซ้ายของเธอมีรอยขีดด้วย ตอนนี้เลือดกำลังไหลไม่หยุดเลย

… ทุกอย่าง ทำให้ง่ายที่จะเข้าใจผิดจริงๆ

ฉินซีเปิดปากอยากจะอธิบาย”ไม่ใช่ ฉันแต่ตกลงโดยไม่ได้ตั้งใจเอง… ”

แต่เมื่อเธอพูดถึงครึ่งทาง จู่ๆเธอก็หยุดพูด

ทำไมเธอถึงต้องอธิบายกับลู่เซิ่นด้วย

ถึงแม้ว่าในขณะนี้ เธอไม่คิดจะฆ่าตัวตายแล้ว

ช่วงเช้าตอนที่ฝังศพของคุณแม่ ความคิดที่อยู่ในหัวเธอ ตอนนี้หายไปหมดแล้ว

เธอหยุดพูดเลย คุณหมอก็มีแต่พูดอย่างกล้าหาญว่า”ฉันคิดว่า … คุณฉินคงแค่อยากลุกขึ้นจากเตียง และล้มลงโดยไม่ได้ตั้งใจครับ … ”

เขายิ่งพูดยิ่งเสียงเบา เพราะหารจ้องมองของลู่เซิ่น และสุดท้ายก็เช็ดเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริงบนหน้าผาก

ลู่เซิ่นก็รู้ว่าเขาเข้าใจผิดแล้ว ปฏิกิริยาของเขาดูเหมือนเว่อร์ไปหน่อย แต่เขาไม่มีทางก้มหัวไปขอโทษหรอกแค่ส่งเสียงแบบไม่พอใจ แล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป

เมื่อเดินถึงหน้าประตู แล้วพูดว่า”ทำแผลให้ดีๆ ไม่มีอะไรอย่าลุกขึ้นอีก มีอะไรก็กดกริ่งเรียกคนมา”

ไม่รู้สั่งใครกันแน่

หมอต้องรับปากอย่างระมัดระวังอยู่แล้ว ลู่เซิ่นเดินออกจากห้อง

ทันใดที่ได้ยินเสียงเดินออกไปของเขา ฉินซีก็อยากจะหัวเราะขึ้นมา

ปฏิกิริยาของลู่เซิ่น … ดูน่าสนใจมาก

จริงๆแล้วบาดแผลไม่ได้ลึกมาก แค่เลือดไหลออกมาเยอะไปหน่อย หมอรีบทำแผลให้ เงยหน้าขึ้นเห็นรอยยิ้มเบาๆบนปากของฉินซี หัวใจเต็มไปด้วยความสงสัย

ทำไมมือเป็นแผลแล้วยิ้มออกได้อีก สมองโดยอะไรหรือเปล่า

แต่เขาไม่ได้พูดอะไร และบอกว่าให้อยู่บนเตียงพักผ่อนดีๆ แล้วเดินออกจากห้องไปเลย

ฉินซีโดยแบบนี้ ก็ขี้เกียจไปแล้ว เลยกลับไปนอนบนเตียง

เธอรู้ว่าลู่เซิ่นเพิ่งเสียหน้าไป คงไม่ได้กลับมาอีกสักพัก

ลู่เซิ่น …

ความคิดของเธอกลับไปสู่ข้อแนะนำที่ลู่เซิ่นนำเสนอมาอย่างควบคุมไม่ได้

เมื่อเพิ่งได้ยิน เธอคิดว่าลู่เซิ่นดูถูกตัวเองจริงๆ แต่ผ่านไปสักพัก เธอเริ่มไม่แน่ใจขึ้นมา

ถ้าเป็นแค่ดูถูกเธอจริง งั้นเมื่อเขาเห็นเธอเลือดไหล ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้นละ

ฉินซีคิดคำตอบไม่ออก

วันนี้เธอเจอเรื่องมากมาย ทั้งจิตใจและร่างกายก็เหนื่อยเหลือเกิน นอนอยู่บนเตียงไม่สักพัก โดยไม่ได้คำตอบใดๆ เธอก็นอนหลับไปแล้ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท