บทที่ 910 ฉันอยากได้คุณ
ลู่เซิ่นไม่ได้พูดอะไร แค่ก้มหน้าลง เหมือนคิดอะไรอยู่
ฉินซีหัวเราะเยาะตัวเอง”ถ้าแค่กู้เงินกู้จากธนาคารก็ยังดีกว่า ถ้าไม่สามารถคืนได้ก็ไม่มีใครมาขวางอยู่หน้าบ้าน แต่การกินดอกเบี้ยส่วนตัวไม่ทำตามกฎสักหน่อย พวกเขาแค่เอาเงิน ไม่สนใจสิ่งอื่นใดๆทั้งนั้น”
ลู่เซิ่นเงยหน้าขึ้นและมองฉินซี”พวกเขาก็จะพัวพันกับคุณเหมือนกันใช่ไหม”
ฉินซีหลับตา”คุณแม่ไม่สบาย พวกเขาไปหาเรื่องที่โรงพยาบาลบ่อยๆ เราซ่อนตัวอยู่บ้าน ละพวกเขาก็เฝ้าอยู่ชั้นล่าง คุณแม่ได้พักผ่อนดีๆได้ยังไงละ ฉันเลยสัญญาว่าฉันจะรับผิดชอบหนีพวกนี้ พวกเขาถึงไม่มาหาเรื่องคุณแม่ชั่วคราว”
ฉินซีพูดจบ ก็เหลือบมองnลู่เซิ่น
แต่สีหน้าของลู่เซิ่นเครียดมาก เขาดูเหมือน…โกรธเบาๆ
“คุณ … เชื่อที่ฉันพูดไหม”ฉินซีรู้สึกสับสนนิดหน่อย
เธอคิดว่าอย่างน้อยลู่เซิ่นก็ต้องสงสัยเล็กน้อย แต่ไม่คิดว่าเขาจะยอมรับคำพูดของเธอได้อย่างง่ายขนาดนี้
เสียงของลู่เซิ่นสงบนิ่งมาก”ฉันเชื่อคุณ”
ฉินซียังไม่ทันถามว่าความมั่นใจที่เขาต่อเธอมาจากไหน ได้ยินลู่เซิ่นพูดว่า”ฉันไม่ใช่แค่เชื่อคุณอย่างเดียว ฉันยังสามารถช่วยคุณได้ด้วย”
ฉินซีไม่เชื่อว่ามีสิ่งดีๆแบบนี้ด้วย
เธอเหล่ตาและมองเขา
“คุณจะช่วยฉันยังไงเหรอ”
ลู่เซิ่นมองเธออย่างมั่นใจ”ฉันสามารถช่วยคุณกำจัดหนี้เหล่านั้นได้ และยังสามารถทำให้คุณมีชีวิตอยู่ต่อได้
เพื่อไปแก้แค้นคนที่ทำชั่ว”
ฉินซีเงยหน้าขึ้นและมองเขา
หลังจากกลับจากรีสอร์ทชิงหยวนครั้งที่แล้ว ฉินซีไม่ลืมที่จะตรวจสอบฐานะของลู่เซิ่นด้วย
เธอรู้ว่า ฐานะของลู่เซิ่น เขาบอกว่าจะช่วยจัดการ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้อยู่แล้ว
เธออยากรู้อยากเหตุผลมากว่า
ทำไมเขาต้องช่วยเธอ
เธอก็เลยถามออกมา
“แล้วคุณต้องการอะไรจากฉันเหรอ”
ลู่เซิ่นเก็บการแสดงออกทั้งหมดบนใบหน้าไว้ และจ้องมองดวงตาของฉินซีโดยตรง พูดอย่างช้าๆว่า”ฉัน
อยากได้คุณ”
ฉินซีสงสัยว่าเธอฟังผิดหรือเปล่า
ลู่เซิ่นต้องการอะไร
อยากได้ตัวเอง
เขาหมายความว่ายังไง
มันเป็นความหมายที่เธอเข้าใจไหม
สีหน้าเปลี่ยนไปหลายรอบ ในที่สุดหน้าแดงขึ้นมา
ลู่เซิ่นคิดว่าฉินซีอย่างเธอจะขายตัวเหรอ
เธอยังไม่ทันบอกความโกรธออกมา คำพูดของลู่เซิ่นก็ปิดกั้นคำพูดของเธอไว้แล้ว
“คุณไม่ต้องรีบตอบฉันว่า จะตลกหรือเปล่า หมอบอกแล้ว คุณยังต้องให้น้ำเกลือหนึ่งคืน คุณก็พักผ่อนอยู่ที่นี่ดีๆแหละ พรุ่งนี้ฉันจะมาฟังคำตอบของคุณ”
ฉินซีพูดอย่างเย็นชา”คุณคิดว่าในเมื่อฉันรู้ความคิดของคุณแล้ว ฉันยังกล้าพักอยู่ที่นี่เหรอ”
ลู่เซิ่นยิ้มเบาๆ”ประตูห้องนี้ล็อคจากข้างนอกได้ ฉันรับรองได้ว่า คืนนี้ฉันจะไม่ล่วงเกินคุณแน่นอน”
ฉินซีไม่สนใจเขาและหลับตาไปเลย
ลู่เซิ่นไม่ได้พูดอะไรต่อ เดินออกจากห้องและปิดประตูให้ด้วย
ฉินซีรีบลุกขึ้นนั่งทันทีและพยายามยืนขึ้น
ในเมื่อลู่เซิ่นสามารถมีข้อเสนอที่ไร้สาระแบบนี้ได้ ใครจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
ที่นี่ไม่ปลอดภัย เธอรีบหนีออกไปดีกว่า
แต่เมื่อเธอก้มลงจะใส่รองเท้า ก็เวียนหัวขึ้นมา ขาอ่อนและคุกเข่านั่งลงบนพื้นทันที
ฉินซียื่นมือจะจับโต๊ะข้างเตียงลุกขึ้น แต่ดึงเสื้อผ้าของเธอที่ถูกวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง เมื่อเธอใช่แรง เสื้อผ้าและของต่างๆที่อยู่บนนั้น ก็ตกลงไปเต็มพื้นอย่างเสียงดังไปหมด
ถ้วยและจานผลไม้ที่วางไว้ข้างๆ ถูกเสื้อผ้ากวาดลงบนฟื้นไปหมด และถ้วยก็แตกเป็นชิ้นๆเลย
ฉินซีหลบไม่ทัน หลังมือถูกทำเป็นรอยๆ
เธอยังไม่ต่อสนองว่าเกิดอะไรขึ้น ประตูก็เปิดจากด้านนอกอย่างแรงแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น”
ฉินซีเงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นคุณหมอ เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก
“ฉันอยากลงจากเตียง แต่ยืนไม่ดีค่ะ”
เธอพูดไม่ดีกับคุณหมอไม่ได้ เลยอธิบาย
แต่หมอบ่นอย่างไม่พอใจว่า”วันนี้คุณเพิ่งตกน้ำและแทบตายไปแล้ว ตอนนี้เวียนหัวก็ถือว่าเบานะ ทำไมต้องรีบลงจากเตียงละคะ”
ฉินซียิ้มอย่างรู้สึกผิด จะจับเขายืนขึ้น แต่พบว่ามีคนยืนอยู่ตรงหน้าอีกคน
มองจากด้านล่างไปถึงบน เมื่อเห็นรองเท้าหนังที่หรูหรา เธอก็รู้ว่าคนนั้นคือลู่เซิ่น
แต่เธอไม่คิดว่า ลู่เซิ่นพูดอย่างไม่พอใจมากว่า”คุณไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อขนาดนั้นเหรอ”
เธอเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เข้าใจ สีหน้าของลู่เซิ่นมืดมน
เธอมองไปรอบๆตามสายตาของลู่เซิ่น
มีดอันนั้นบังเอิญนตกลงบนมือขวาของเธอพอดี และมือซ้ายของเธอมีรอยขีดด้วย ตอนนี้เลือดกำลังไหลไม่หยุดเลย
… ทุกอย่าง ทำให้ง่ายที่จะเข้าใจผิดจริงๆ
ฉินซีเปิดปากอยากจะอธิบาย”ไม่ใช่ ฉันแต่ตกลงโดยไม่ได้ตั้งใจเอง… ”
แต่เมื่อเธอพูดถึงครึ่งทาง จู่ๆเธอก็หยุดพูด
ทำไมเธอถึงต้องอธิบายกับลู่เซิ่นด้วย
ถึงแม้ว่าในขณะนี้ เธอไม่คิดจะฆ่าตัวตายแล้ว
ช่วงเช้าตอนที่ฝังศพของคุณแม่ ความคิดที่อยู่ในหัวเธอ ตอนนี้หายไปหมดแล้ว
เธอหยุดพูดเลย คุณหมอก็มีแต่พูดอย่างกล้าหาญว่า”ฉันคิดว่า … คุณฉินคงแค่อยากลุกขึ้นจากเตียง และล้มลงโดยไม่ได้ตั้งใจครับ … ”
เขายิ่งพูดยิ่งเสียงเบา เพราะหารจ้องมองของลู่เซิ่น และสุดท้ายก็เช็ดเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริงบนหน้าผาก
ลู่เซิ่นก็รู้ว่าเขาเข้าใจผิดแล้ว ปฏิกิริยาของเขาดูเหมือนเว่อร์ไปหน่อย แต่เขาไม่มีทางก้มหัวไปขอโทษหรอกแค่ส่งเสียงแบบไม่พอใจ แล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป
เมื่อเดินถึงหน้าประตู แล้วพูดว่า”ทำแผลให้ดีๆ ไม่มีอะไรอย่าลุกขึ้นอีก มีอะไรก็กดกริ่งเรียกคนมา”
ไม่รู้สั่งใครกันแน่
หมอต้องรับปากอย่างระมัดระวังอยู่แล้ว ลู่เซิ่นเดินออกจากห้อง
ทันใดที่ได้ยินเสียงเดินออกไปของเขา ฉินซีก็อยากจะหัวเราะขึ้นมา
ปฏิกิริยาของลู่เซิ่น … ดูน่าสนใจมาก
จริงๆแล้วบาดแผลไม่ได้ลึกมาก แค่เลือดไหลออกมาเยอะไปหน่อย หมอรีบทำแผลให้ เงยหน้าขึ้นเห็นรอยยิ้มเบาๆบนปากของฉินซี หัวใจเต็มไปด้วยความสงสัย
ทำไมมือเป็นแผลแล้วยิ้มออกได้อีก สมองโดยอะไรหรือเปล่า
แต่เขาไม่ได้พูดอะไร และบอกว่าให้อยู่บนเตียงพักผ่อนดีๆ แล้วเดินออกจากห้องไปเลย
ฉินซีโดยแบบนี้ ก็ขี้เกียจไปแล้ว เลยกลับไปนอนบนเตียง
เธอรู้ว่าลู่เซิ่นเพิ่งเสียหน้าไป คงไม่ได้กลับมาอีกสักพัก
ลู่เซิ่น …
ความคิดของเธอกลับไปสู่ข้อแนะนำที่ลู่เซิ่นนำเสนอมาอย่างควบคุมไม่ได้
เมื่อเพิ่งได้ยิน เธอคิดว่าลู่เซิ่นดูถูกตัวเองจริงๆ แต่ผ่านไปสักพัก เธอเริ่มไม่แน่ใจขึ้นมา
ถ้าเป็นแค่ดูถูกเธอจริง งั้นเมื่อเขาเห็นเธอเลือดไหล ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้นละ
ฉินซีคิดคำตอบไม่ออก
วันนี้เธอเจอเรื่องมากมาย ทั้งจิตใจและร่างกายก็เหนื่อยเหลือเกิน นอนอยู่บนเตียงไม่สักพัก โดยไม่ได้คำตอบใดๆ เธอก็นอนหลับไปแล้ว