Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 922

ตอนที่ 922

บทที่ 922 เธอกับลู่เซิ่นเดินมาถึงจุดนั้นแล้ว

ห้องนอนของลู่เซิ่นน่าจะมีคนเข้ามาทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ แต่ที่นี่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขา วิธีการทำความสะอาดไม่เหมือนกับข้างนอกโดยสิ้นเชิง บนโต๊ะยังคงมีเอกสารหลายฉบับวางอยู่อย่างกระจัดกระจาย

ฉินซีตั้งสติแล้วเดินเข้าไปข้างใน

ห้องนอนหลักใหญ่มาก ดูคล้ายกับว่าเป็นการรวมห้องสองห้องเข้าด้วยกัน ดังนั้นการจัดวางของที่นี่จึงดูแปลกตาสำหรับฉินซี

เตียงตรงกลางห้องถูกปูด้วยผ้านวมที่ทำจากผ้าไหมสีเทาเข้ม ห้องน้ำอยู่ทางขวามือ

ฉินซีไม่ได้สนใจเตียงนอนมากนะ เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

พ่อบ้านนำของเข้ามาวางไว้ให้เธอแล้วก็ออกไป

เมื่อได้เห็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของตัวเองกับลู่เซิ่นถูกวางเรียงเข้าด้วยกัน ฉินซีก็อดรู้สึกแปลก ๆ ในใจไม่ได้

เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าพวกเราทั้งสองคนไม่ได้รู้จักกัน แต่ภาพการใช้ชีวิตแบบนี้ดูเหมือนจะแสดงให้เห็นว่าทั้งสองคนสนิทกันมาก

เธอยักไหล่ ก่อนจะหยิบข้าวของแล้วเปิดฝักบัวในห้องน้ำ

น้ำอุ่น ๆ สามารถช่วยให้จิตใจของคนเราผ่อนคลายได้มากที่สุด หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉินซีก็รู้สึกง่วงนอนเล็กน้อย จึงคลายการเฝ้าระวังลง

ดังนั้นเธอจึงเปิดประตูห้องน้ำโดยไม่ทันได้เตรียมป้องกัน จนเกือบโดนคนที่ยืนอยู่หน้าประตูทำให้ตกใจจนแทบจะกระโดด

เธอถอยหลังไปก้าวใหญ่ ๆ พื้นห้องน้ำยังคงเปียกชื้น โชคดีที่เธอใช้มือยันอ่างล้างหน้าเพื่อพยุงตัวไว้ เลยไม่ล้มลงไปเสียก่อน

เธอยังไม่ทันที่จะดึงสติกลับมาได้ เงาดำนั้นก็ก้าวเข้ามายืนหยุดอยู่ตรงหน้า จากนั้นก็ประคองเอวของเธอเอาไว้ “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

แสงไฟในห้องน้ำสว่างจ้า ดังนั้นฉินซีจึงสามารถเห็นใบหน้าของคนคนนั้นได้อย่างชัดเจน

นอกจากลู่เซิ่นแล้วยังจะมีใครที่สามารถมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อีก

ฉินซีส่ายหน้า ระยะห่างของทั้งสองคนใกล้กันมาก เธอรู้สึกว่าเซลล์ทุกส่วนในร่างกายกำลังส่งเสียงเตือน ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก

ดังนั้นเธอจึงยื่นมือไปผลักแขนของลู่เซิ่นออก เป็นนัยว่าให้เขาปล่อยเธอได้แล้ว

ทว่าลู่เซิ่นกลับโอบเอวเธอโดยไม่สนใจว่าฉินซีกำลังดันมือของตัวเองอยู่ เขามองเธอด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “ถูกฉันทำให้กลัวแล้วอย่างนั้นเหรอ”

ฉินซีค่อนข้างที่จะไม่พอใจกับคำสบประมาท เธอจึงเงยหน้ามองเขา “ฉันไม่ได้ถูก ‘คุณ’ ทำให้กลัวเสียหน่อย แค่ตกใจที่อยู่ ๆ คุณก็ ‘โผล่มาอย่างกะทันหัน’ ก็เท่านั้น”

ทันใดนั้นลู่เซิ่นก็ก้มศีรษะเข้าไปใกล้เธอ

หน้าผากของทั้งสองคนแนบชิด ลมหายใจของลู่เซิ่นแทบจะรินรดลงบนริมฝีปากของเธอ

“ฉันสามารถทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอกลัวมากกว่านี้ได้อีก”

ฉินซีหน้าเปลี่ยนสี

แน่นอนเธอรู้ดีว่าตั้งแต่ตอนที่เธอเซ็นสัญญาจนกระทั่งตอนที่พ่อบ้านพาเธอมาแนะนำห้องนอนหลัก ก็เหมือนเธอถูกย้ำเตือนถึงความจริงข้อนี้อยู่ตลอดเวลา…เธอกับลู่เซิ่นเดินมาถึงจุดนั้นแล้ว

ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามทำเป็นไม่รับรู้ถึงความจริงข้อนี้ พยายามที่จะไม่หยุดสร้างขวัญกำลังใจให้ตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่ท้ายที่สุดเมื่อเวลานั้นมาถึง เธอก็อดไม่ได้ที่จะขี้ขลาดนิด ๆ

ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองนั้นใกล้กันจนเกินไป ลู่เซิ่นสามารถสัมผัสถึงอาการสั่นน้อย ๆ ของฉินซีได้อย่างชัดเจน น้ำเสียงของเขาต่ำลงอีกเล็กน้อย “การที่เซ็นสัญญาฉบับนั้นลงไปแล้ว…หมายถึงอะไรเธอก็น่าจะรู้ดี”

ฉินซีหลุบตาลง ไม่ได้มองเขาตรง ๆ เพียงแค่ส่งเสียงว่า “อืม” ออกมาเบา ๆ

จากนั้นเธอก็ถูกอุ้มจนตัวลอย

“ในเมื่อรู้อยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้น…”

คำพูดส่วนท้ายของลู่เซิ่นหายไปตรงกลางระหว่างริมฝีปากของทั้งสองคน

ฉินซีถูกจับให้นอนลงบนเตียง พื้นผิวของผ้าไหมให้ความรู้สึกที่เย็นมาก ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกราวกับร่างกายค่อย ๆ ถูกล้อมด้วยน้ำทะเล ร่างกายร้อนผ่าว ทว่ากลับหายใจลำบากเล็กน้อย

คราบน้ำสีเข้มไหลซึมเป็นดวงอยู่บนผ้าปูที่นอน กำแพงเก็บเสียงกักกันเสียงอันคลุมเครือไว้ข้างในห้อง

ระหว่างที่ฉินซีกำลังขึ้น ๆ ลง ๆ ก็มองเห็นหยาดเหงื่อที่กำลังไหลลงมาจากหน้าผากของลู่เซิ่น

เธอไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ตอนที่สีหน้าที่เต็มไปด้วยความต้องการของลู่เซิ่นหยุดลง เธอก็หลับตาลงครึ่งหนึ่งแล้ว

ทว่าร่างกายยังคงเต็มไปด้วยเหงื่อ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก เลยพยายามลุกขึ้นไปอาบน้ำ

ลู่เซิ่นมีสีหน้าไม่ยินยอม แต่เขาก็ไม่ได้ส่งเสียงรั้งเธอไว้

…ดูเหมือนว่านี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เธอพบว่าลู่เซิ่นจะยอมประนีประนอมอย่างว่าง่ายเป็นพิเศษก็ในช่วงเวลาแบบนี้

เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ ยืนอยู่ใต้น้ำร้อน ชำระร่างกายตัวเองอย่างยากลำบากอีกรอบ ทว่าทันใดนั้นประตูข้างหลังก็ถูกเปิดออก

เมื่อหันกลับไปก็เห็นลู่เซิ่นกำลังหรี่ตามองมา

ความทรงจำของฉินซีถูกขัดอย่างกะทันหัน

เพราะอยู่ ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก

ลู่เซิ่นที่กำลังเดินเข้ามามีสีหน้าเหมือนกับในความทรงจำเป็นอย่างมาก

“อาบน้ำด้วยกันไหม”

ถึงแม้น้ำเสียงในตอนท้ายของเขาจะสูงขึ้น แต่การกระทำกลับเผด็จการเป็นอย่างมาก ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังขอความคิดเห็นสักนิด

ตอนที่ฉินซีตื่นขึ้นมาในวันถัดไป ท้องฟ้าข้างนอกก็สว่างแล้ว

เรื่องเมื่อคืนวานช่างไร้สาระเป็นอย่างมาก เธอนอนนานขนาดนี้แล้วแท้ ๆ แต่ก็ยังคงรู้สึกง่วงอยู่ พอเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ ก็พบว่าใกล้จะถึงเวลาที่นัดกับอานหยันเอาไว้แล้ว

เธอทำได้เพียงจากเตียงแล้วรีบจัดการตัวเอง

ตอนที่ยืนอยู่ในห้องน้ำ ภาพความทรงจำเมื่อคืนวานก็ปรากฏขึ้นมาในสมองอย่างเลี่ยงไม่ได้

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลจากการที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือเปล่า ช่วงนี้เธอถึงได้นึกถึงเรื่องในอดีตมากกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย

ดังนั้นเธอจึงค้นพบว่า เมื่อได้ลองมองย้อนกลับไปในอดีต จึงได้รู้ว่าอารมณ์ความรู้สึกของเธอเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

โทสะอันเดือดพล่านที่มีต่อฉินซึ่งเทียนก็สงบลงอย่างมาก ความรู้สึกอึดอัดตอนที่เข้ามาอยู่ในรีสอร์ทชิงหยวนก็หายไปหมดแล้ว

แบบนี้ดูแล้วการคิดถึงอดีตก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไร อย่างน้อยมันก็ช่วยย้ำเตือนเธอ ทำให้เธอรู้สึกตัวว่าความจริงแล้วรีสอร์ทชิงหยวนไม่ใช่บ้านของเธอ

เธอยังจำได้ว่าเธอเคยเซ็นสัญญากับลู่เซิ่นไว้ เขาช่วยเธอจ่ายเงินเพื่อยุติปัญหาการทวงหนี้ เมื่อฉินซีคืนเงินจนหมด สัญญาระหว่างพวกเราทั้งสองคนก็จะถูกยกเลิก

ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะแต่งงานกันแล้ว แต่การแต่งงานของพวกเราก็มีพื้นฐานมาจากเรื่องของผลประโยชน์เท่านั้น ไม่ใช่จากความรู้สึก

ฉินซีใช้ประโยชน์จากการแต่งงานเพื่อกลับไปอยู่ในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป เอาหุ้นของตัวเองกลับมา หลังจากที่สืบพบความจริง ก็จะนำเงินทุกบาททุกสตางค์ของตัวเองกลับมา

รอจนคืนเงินหมดแล้ว พวกเราทั้งสองคนจะเดินไปในทิศทางไหนต่อกันนะ

ฉินซีเองก็ไม่รู้

ท่าทีของลู่เซิ่นเต็มไปด้วยความคลุมเครือ แต่ฉินซีไม่สนใจที่จะคาดเดาความคิดของเขา

เมื่อถึงเวลาแปรงสีฟันไฟฟ้าก็หยุดลงโดยอัตโนมัติ ฉินซีบ้วนฟองในปาก จากนั้นก็นำความคิดเกี่ยวกับลู่เซิ่นทั้งหมดโยนออกไปจากสมอง

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาใส่ใจกับเรื่องพวกนี้

ตอนที่ฉินซีลงมาที่ห้องอาหาร เธอก็รู้สึกแปลกใจที่พบว่าลู่เซิ่นยังคงอยู่ที่บ้าน

ตามตารางการทำงานและการพักผ่อนก่อนหน้านี้ของเขาแล้ว เวลานี้เขาควรจะประชุมอยู่ที่บริษัทลู่ซื่อ

ทว่าฉินซีก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เพียงเดินไปตรงตำแหน่งที่นั่งของตัวเอง

ตอนที่เธอเดินเข้าไปได้ไม่กี่ก้าว ก็พบว่าลู่เซิ่นกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เขาขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “แม่ครับ ผมบอกแล้วว่าสูหวั่นเพิ่งจะมาอยู่ที่บริษัท ยังมีเรื่องมากมายที่ไม่เข้าใจ จะให้มาเป็นผู้ช่วยของผม ก็ควรทำความเข้าใจกับกิจการในบริษัทให้มากกว่านี้เสียก่อน ให้ออกไปทำงานกับผมก็มีแต่จะสร้างปัญหาเสียมากกว่า”

ฉินซีเลิกคิ้วเล็กน้อย

สูหวั่น ฉินซีเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปเลย

ฟังจากน้ำเสียงของลู่เซิ่นแล้ว คุณหญิงลู่คงไม่คิดจะจบที่การยัดตัวสูหวั่นไว้ข้างกายลู่เซิ่น แต่ยังอยากจะให้ผู้หญิงคนนั้นออกไปทำงานกับเขาด้วย

ความรู้สึกอึดอัดพาดผ่านขึ้นมาในหัวใจของฉินซี ทว่าเธอกลับไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท