Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 926

ตอนที่ 926

บทที่ 926 เหลวไหล

ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน คดีของบริษัทจ้าวซื่อก็สามารถดำเนินการได้ไปอย่างราบรื่น ช่วงหลายวันมานี้ทั้งสองคนขยันเป็นอย่างมาก สามารถค้นหากฎเกณฑ์ทั้งหมดของเฉินยี้จนพบ รอเพียงหาโอกาสถ่ายรูปมาให้ได้ก็เท่านั้น พวกเขาก็จะสามารถถ่ายรูปหลักฐานที่ต้องการอย่างเป็นไปตามเหตุตามผล

เรื่องของเหยาหมิ่นแทบจะไม่มีความคืบหน้า ฉินซีไม่พบข้อมูลที่สามารถใช้ได้จากบันทึกการเข้าพักของแขกเลยแม้แต่น้อย “ตัวละครเอกชายผู้ฉาวโฉ่” คนนั้นก็ดูเหมือนจะระเหิดหายไปจากโลก ไม่เหลือร่องรอยใด ๆ เอาไว้เลย ฉินซีพลิกไปพลิกมาทุกคืน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็หาจุดทะลวงที่มีประโยชน์ไม่พบ

ถึงแม้ว่าอานหยันเต็มใจที่จะช่วยเหลือ แต่เธอก็มีภาระหน้าที่ของตัวเองเหมือนกัน เธอเพียงเคยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้นจากฉินซีมาเล็กน้อยเท่านั้น ไม่รู้รายละเอียดปลีกย่อยอะไรเลย หากเข้าไปช่วยตรวจสอบอย่างลวก ๆ ก็มีแต่จะเพิ่มปัญหาให้กับฉินซี

เธอทำได้เพียงเฝ้ามองรอยคล้ำใต้ดวงตาของฉินซีที่หนาขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อถึงวันที่ห้า ฉินซีกับอานหยันก็ทำรายงานเสร็จ นั่นก็หมายถึงว่าคดีของบริษัทจ้าวซื่อไม่มีจุดไหนที่จำเป็นจะต้องตรวจสอบอีกแล้ว รอเพียงให้หน่วยข่าวกรองวางแผนการถ่ายภาพ ก็จะสามารถดำเนินขั้นตอนการถ่ายรูปได้แล้ว

ทว่าอานหยันกลับล่าช้า ไม่ยอมกดปุ่มส่งข้อมูล

ฉินซีรู้ดีว่าอานหยันลังเลเพราะเห็นแก่เธอ เพราะหลังจากที่ส่งรายงานไปแล้ว เธอก็จะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของหน่วยข่าวกรองในการตรวจสอบคดีของเหยาหมิ่นอีกต่อไป

เธอทำได้เพียงแค่พูดหาข้ออ้างออกมาตามสถานการณ์ความเป็นจริง “ไม่เป็นไรหรอกอาหยัน ดูเหมือนว่าหลายวันมานี้ฉันจะหาข้อมูลที่มีประโยชน์ไม่ได้เลย ดังนั้นต่อให้เอาเครือข่ายของหน่วยข่าวกรองไว้ที่ฉันนานกว่านี้ ไม่แน่ว่าก็ยังคงยากที่จะหาความจริงออกมาได้อยู่ดี”

อานหยันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่ได้อะไรมาเลยเหรอ”

ฉินซีหรี่ตาลงแล้วพยักหน้าเบา ๆ

อานหยันถอนหายใจเบา ๆ

เมื่อก่อนตอนที่เธออยากจะช่วยฉินซีค้นหาความจริงให้เร็วที่สุด ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยใช้เครือข่ายนี้ แต่ข้อมูลคิดถึงเธอรู้มานั้นมีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้นตั้งแต่ต้นจนจบก็ยังหาข้อมูลที่มีคุณค่าอะไรออกมาไม่พบ เธอยังคิดอยู่เลยว่ามันเป็นปัญหาเพราะตัวเธอเอง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าฉินซีเองก็ไม่ได้อะไรมาเหมือนกัน

เธอทำได้เพียงปลอบฉินซีด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “อาจจะมีจุดทะลวงอื่น เธออย่าเพิ่งยอมแพ้ เป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะไม่ทิ้งหลักฐานไว้เลย ”

ฉินซีเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มบาง ๆ “ฉันไม่ได้ยอมแพ้ สักวันฉันจะต้องหาความจริงออกมาให้ได้”

อานหยันยิ้มให้เธอ ในที่สุดก็กดปุ่มส่งข้อมูล

“เอาละ ในเมื่องานส่วนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ควรกลับได้แล้ว” ฉินซีลุกขึ้นยืนแล้วบิดขี้เกียจ

ถึงแม้ว่าการอยู่ที่นี่กับอานหยันจะสบายเป็นอย่างมาก แต่ถึงยังไงนี่ก็เป็นพื้นที่ส่วนตัวของอานหยัน ถึงแม้ว่าเธอเป็นเพื่อนสนิท ก็ไม่ควรที่จะรบกวนไปมากกว่านี้

อานหยันลุกขึ้นยืนตาม “ฉันยังไม่ได้ไล่เธอเลยนะ เธอจะรีบกลับไปทำไมยะ อยู่เป็นเพื่อนฉันต่ออีกสักสองสามวัน อยู่คนเดียวน่าเบื่อมาก ๆ ”

ฉินซียิ้ม “พอเลย เธอยังจะเบื่อได้อีกเหรอ ใครกันที่เมื่อวันก่อนโดนแอบถ่ายภาพนัดเดทกับนายแบบตัวเล็ก ๆ ! ”

อานหยันรู้สึกอายจนเริ่มโมโหขึ้นมา จึงเอื้อมมือไปหยิก

ฉินซีรีบหลบไปอีกด้านอย่างรวดเร็ว

ทั้งสองเจี๊ยวจ๊าวกันได้พักหนึ่งก็หยุดอย่างเหนื่อยหอบ

“ฉันจะไปเก็บของ” ฉินซีหายใจเข้าพลางยิ้มแล้วโบกมือให้อานหยัน

อานหยันโบกมือกลับ เป็นสัญญาณว่าให้เธอเชิญตามสบาย

ฉินซีเดินกลับไปยังห้องนอนแขกที่อยู่มาตลอดหลายวันนี้

เสื้อผ้าส่วนใหญ่ของเธอยังอยู่ในกระเป๋าเดินทาง ที่ต้องจัดการมีเพียงของใช้บางอย่างที่กระจัดกระจายไปทั่วห้อง ฉินซีก้มตัวลงเปิดกระเป๋า จากนั้นก็หยิบหนังสือสองสามเล่มที่หล่นอยู่ข้าง ๆ ใส่เข้าไป ทันใดนั้นเธอก็สัมผัสโดนกระดาษแข็งแผ่นเล็ก ๆ ใบหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ กระเป๋า

เธอดึงมันขึ้นมาดู คิดไม่ถึงว่าจะเป็นนามบัตรที่ลู่เซิ่นยัดให้เธอมาในคืนก่อนที่เธอจะมาพักอยู่ที่บ้านของอานหยัน

หลายวันมานี้เธอยุ่งอยู่กับเรื่องของอานหยันจนมืดฟ้ามัวดิน เกือบจะลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท

เมื่อมองไปที่ตัวอักษร “หลินยี่” สองตัวบนกระดาษ ฉินซีก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เธอรู้สึกเหมือนว่าคุ้นเคยกับชื่อนี้เป็นอย่างมาก แต่ให้ตายก็คิดไม่ออกว่าทำไมเธอถึงมีความรู้สึกคุ้นเคยแบบนี้

หลังจากถือนามบัตรและลังเลอยู่พักหนึ่ง เธอก็หมุนตัวเดินออกไปข้างนอก จึงพบกับอานหยันที่ยืนอยู่ตรงหน้าบันไดพอดี

“ทำไมถึงออกมาแล้วล่ะ เก็บของเสร็จแล้วเหรอ” อานหยันเลิกคิ้วใส่เธอ

ฉินซีส่ายหน้า ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรเธอถึงไม่ได้ยื่นนามบัตรนี้ออกไปให้โดยตรง เพียงถามขึ้นมาว่า “ฉันคิดถึงใครบางคนขึ้นมาได้ อยากจะลองตรวจสอบดูสักหน่อย ได้ไหม”

คำพูดของเธอดูคลุมเครือนิดหน่อย อาหยันคิดแค่ว่าคนคนนี้น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเหยาหมิ่น เมื่อกี้นี้รายงานเพิ่งจะถูกส่งออกไป เบื้องบนยังไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ฉินซีจะใช้เครือข่ายข่าวกรองในช่วงสุดท้ายไม่ถือว่าผิดกฎอะไร “ได้สิ เธอไปใช้เลย”

ฉินซีหยิบนามบัตรในกระเป๋าแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน

พิมพ์คำว่าหลินยี่ใส่เข้าไป หลังจากคัดกรองเบื้องต้นอยู่พักหนึ่ง โยนข้อมูลของคนที่มองแวบเดียวก็รู้ไม่เกี่ยวข้องทิ้งไป ฉินซีก็พบกับข้อมูลบางส่วน

“หลินยี่ ผู้นำของ ‘องค์กรหยินเฟิง’ …” ฉินซีกวาดตาอ่านทีละบรรทัด จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ประวัติของหลินยี่นับได้ว่าซับซ้อนเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่เธอสนใจไม่ใช่เรื่องผิวเผินพวกนี้ ให้ตายยังไงเธอก็ดูไม่ออกว่าหลินยี่คนนี้เคยเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ

ตอนที่เธอกำลังทำงานกับตอนที่เธอเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยก็ใช้ชีวิตไปตามปกติ หลินยี่ก็กำลังเรียกมีอำนาจในการควบคุมอยู่ในองค์กรแล้ว

ตอนที่เธอมีความสัมพันธ์กับลู่เซิ่น ฉินซีไม่ได้รู้สึกแปลกใจ แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกคุ้นเคยกับคนแบบนี้ได้

ฉินซีอ่านบันทึกทั้งหมดจนจบแล้ว แต่ก็ยังไม่พบคำตอบ

เธอปิดหน้าเว็บแล้วเอนหลังลงบนเก้าอี้

หรือว่าเธอลืมเรื่องอะไรไปจริง ๆ

ฉินซีรู้สึกว่ามันค่อนข้างที่จะเหลวไหล

ขณะเธอยังคงตกอยู่ในภวังค์ อานหยันต้องเคาะประตูแล้วเดินเข้ามา “เบื้องบนตอบกลับมาแล้ว ให้พวกเรารอแผนปฏิบัติการต่อไป”

สีหน้าของอานหยันลำบากใจเล็กน้อย ฉินซีรู้ดีว่าในเมื่อเบื้องบนตอบกลับมาแล้ว มันก็ไม่เหมาะสมที่เธอจะใช้เครือข่ายในการตรวจสอบเรื่องอะไรอีก

ยังดีที่เธออ่านสิ่งที่เธอต้องการจะรู้จบหมดแล้ว

เธอจึงพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืน “ฉันเพิ่งตรวจสอบเสร็จพอดี”

อานหยันพูดขึ้นมาอย่างเป็นห่วง “ได้อะไรมาแล้วใช่ไหม”

ฉินซีชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้า

ฉินซีเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยแล้วถึง อานหยันเองก็ไม่ได้รั้งให้เธออยู่ต่อ เพียงมาส่งเธอที่หน้าประตูแล้วกระซิบเบา ๆ ว่า “แผนปฏิบัติการจากเบื้องบนอาจจะออกมาในสองสามวัน ถ้ามีข่าวอะไรฉันจะรีบบอกเธอทันที แต่ไม่ควรที่จะกังวลมากเกินไป ถึงยังไงก็ต้องสอดคล้องกับเวลาของเสิ่นโหลว”

ฉินซีพยักหน้าแล้วยัดกระเป๋าเข้าไปที่ท้ายรถ

อานหยันยังพูดอีกว่า “ฉันส่งข้อมูลของเสิ่นโหลวให้เธอแล้ว คนคนนี้ไม่มีอะไรที่ต้องตรวจสอบ เขามีภูมิหลังเรียบง่าย ดังนั้นจึงถูกเลือกมาเป็นโล่รับธนูให้เธอ เธอก็ศึกษาดูสักหน่อยจะได้เอาไว้ใช้ป้องกันในกรณีฉุกเฉิน แต่ถ้าเธอสามารถถ่ายภาพข่าวของเขามาได้จริง ๆ แล้วนำกลับมาตีพิมพ์กับนิตยสาร เธอก็จะได้รับเงินเพิ่ม”

ฉินซีหัวเราะแล้วถองศอกใส่เธอ “เธอนี่ทุ่มเทกับงานจริง ๆ เลยนะหัวหน้าบรรณาธิการใหญ่อาน”

“นั่นก็ใช่” อานหยันไม่เพียงแต่จะไม่อาย เธอยังเชิดหน้ายอมรับอีกว่า “ชมฉันสิ”

จากนั้นทั้งสองคนก็หัวเราะออกมา ในที่สุดแล้วฉินซีก็ได้ขึ้นไปนั่งบนรถ จากนั้นก็ขับไปที่รีสอร์ทชิงหยวน

บ้านของอานหยันที่อยู่ข้างหลังค่อย ๆ หดเล็กลง กิจวัตรประจำวันในช่วงหลายวันมานี้ก็ค่อย ๆ เลือนหายไป

ตอนที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย ก็ไม่เคยคาดคิดถึงมาก่อนเลยว่าอนาคตหลังจากนั้นเธอจะได้ทำงานที่เหมาะสมคู่กับเพื่อนสนิทของตัวเองในบ้านหลังเล็ก ๆ แล้วใช้ชีวิตร่วมกันเหมือนกับในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้

ทว่าโชคชะตากลับผลักเธอเข้ามาเส้นทางที่เธอไม่เคยคำนึงถึงมาก่อน เธอก็ทำได้เพียงฝืนความรู้สึกแล้วพุ่งเข้าไป

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท