Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 919

ตอนที่ 919

บทที่ 919 งานข่าวกรอง

อานหยันยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่บังเอิญมีโทรศัพท์เข้ามาพอดี

คนที่โทรมาเหมือนจะพูดเกี่ยวกับเรื่องของนิตยสาร พอเห็นสีหน้าที่ยากลำบากของอานหยันแล้ว ฉินซีก็โบกมือเป็นสัญญาณว่าเธอจะไปรอที่ห้องนั่งเล่น

ฉินซีนั่งลงบนโซฟา จากนั้นก็ถือโอกาสเปิดทีวี ทว่าความคิดของเธอกลับล่องลอยไปไกล

ดูเหมือนว่า…เธอจะคุ้นชินกับการใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลลู่แล้วจริง ๆ

ไม่ใช่แค่เติมเต็มความต้องการของชีวิตในด้านวัตถุเท่านั้น

ลู่เซิ่นยังใช้หนี้แทนเธอ ทั้งยังไม่ได้เร่งรัดให้เธอรีบคืนเงิน อาชีพของฉินซีเป็นเหมือนงานอดิเรกมากกว่าการทำงานเสียอีก

ลู่เซิ่นจะยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉินซีต้องการ ขอแค่เธอเอ่ยปากพูด บางครั้งไม่จำเป็นที่จะต้องเอ่ยปากขอด้วยซ้ำ เรื่องทั้งหมดก็ได้รับการจัดการแล้ว

ตอนที่เธอเซ็นสัญญาสิบปีกับลู่เซิ่น ในหัวใจของฉินซีลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความคั่งแค้น เธอต้องการค้นหาความจริงเกี่ยวกับการแผนลอบทำร้ายแม่ของเธอให้ได้โดยเร็วที่สุด ให้ฉินซึ่งเทียนได้ชดใช้

ทว่าตลอดหนึ่งปีมานี้การสืบหากลับพบแต่ความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เธอเองก็ถูกเรื่องหยุมหยิมแบ่งความสนใจไปไม่น้อย ความกล้าได้กล้าเสียในตอนนั้นค่อย ๆ จางลงไปมาก

สภาพแวดล้อมที่สบายเกินไปทำให้คนเกียจคร้าน สุดท้ายแล้วก็จะกลายเป็นพวกที่ชอบพึ่งพาอาศัยผู้อื่น

ดูเหมือนว่าเธอจะเคยชินกับการมองว่าการที่ลู่เซิ่นคอยช่วยเหลือเธอนั้นเป็นเรื่องปกติโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป มันก็ไม่ใช่ชีวิตที่เธอต้องการ

หลังจากอานหยันกลับมาจากการคุยโทรศัพท์ ก็เห็นฉินซีทำหน้าตากลัดกลุ้มพลางพลิกรีโมตในมือไปมา

“เป็นอะไรไป” อานหยันนั่งลงอีกด้านของโซฟาแล้วสะกิดฉินซี

ฉินซีเงยหน้าขึ้นมอง “ฉันกำลังคิดว่าตัวเองพึ่งพาลู่เซิ่นเกินไปหรือเปล่า”

อานหยันเลิกคิ้ว “พึ่งพาได้ก็ควรพึ่งพา ถึงยังไงเขาก็เป็นสามีของเธอ”

ฉินซีขมวดคิ้ว เอนหลังพิงโซฟา แล้วถอนหายใจยาว

“เร็วเข้า รีบกินตอนที่กับข้าวยังร้อน ๆ ” อานหยันใช้ปลายเท้าผสานกันแล้วหันไปทางฉินซี “ขอเชิญคุณนายลู่ผู้สง่าผ่าเผยยอมลดเกียรติมาทานอาหารเดลิเวอรี่ร่วมกันกับฉัน ฉันทะนุถนอมมากจริง ๆ นะ”

หลังจากที่ยืนยันเรื่องเป้าหมายของภารกิจเป็นครั้งสุดท้าย ฉินซีก็ออกมาจากบ้านของอานหยัน

เธอไม่รีบขึ้นรถ แต่เดินตรงไปที่รถของตระกูลลู่ที่จอดอยู่ตรงหัวมุม

พอบอดี้การ์ดรูปร่างสูงใหญ่ทั้งสี่คนเห็นเธอเดินเข้ามา ชั่วขณะหนึ่งก็ไม่รู้ว่าควรจะวิ่งหนีหรือควรจะหยุดตรงอยู่ที่เดิมดี ได้แต่จ้องหน้ากันอย่างงงงวย

ฉินซีรีบเดินไปที่ข้างรถแล้วเอื้อมมือไปเคาะกระจกรถ

ชายทั้งสี่คนที่อยู่ข้างในลดกระจกรถลง “คุณนาย”

“ลู่เซิ่นให้พวกคุณมาอย่างนั้นเหรอ” ฉินซีถามตรง ๆ โดยไม่พูดเรื่องไร้สาระ

พวกบอดี้การ์ดไม่รู้ว่าเวลาแบบนี้ควรจะขายเจ้านายดีหรือเปล่า จึงได้แต่ก้มหน้าเงียบ ๆ

เพียงแต่ความเงียบก็ไม่ต่างอะไรจากการยอมรับ

ฉินซีจุ๊ปาก ยืดหลังตรง จากนั้นก็เดินกลับไปที่รถของตัวเอง ทิ้งให้พวกบอดี้การ์ดจมอยู่กับความสับสน

นี่จบแล้วเหรอ

แล้วพวกเขายังต้องติดตามเธอต่อไปหรือเปล่า

ท้ายที่สุดก็เป็นหัวหน้าที่ตบต้นขาแล้วพูดขึ้นว่า “ถึงอย่างไรก็ถูกพบแล้ว แค่รายงานไปที่ประธานลู่สักหน่อย พวกเราเองก็เลิกซ่อนแล้วคอยให้การติดตามอย่างเปิดเผยเถอะ!”

เมื่อฉินซีกลับไปถึงตระกูลลู่ เธอก็พูดกับพ่อบ้านคำหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปในห้องมืด

หลังจากที่เธอย้ายมาอยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวน ลู่เซิ่นก็สั่งให้คนเปลี่ยนห้องว่างเป็นห้องมืดให้ฉินซีใช้เป็นพิเศษ

ของที่อยู่ในห้องมืดไม่ถูกกับแสงสว่างเป็นอย่างมาก คนอื่น ๆ ในตระกูลลู่ไม่เข้าใจเรื่องการถ่ายภาพ จึงไม่เข้ามาในห้องมืดโดยง่าย

ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป มันจึงกลายเป็นฐานที่มั่นเล็ก ๆ ของฉินซีในตระกูลลู่

คนอื่น ๆ ในตระกูลลู่ทุกคนล้วนไม่มีใครรู้ สิ่งที่อยู่ในห้องมืดไม่ได้มีเพียงแค่ม้วนฟิล์มของฉินซีเท่านั้น แต่ยังมีข้อมูลข่าวกรองอีกจำนวนไม่น้อยที่ฉินซีแอบถ่ายมาให้อานหยัน

ที่ฉินซีสามารถติดต่อกับหน่วยข่าวกรองได้นั้น แน่นอนว่ามันเกี่ยวข้องกับอานหยัน

ถึงแม้ว่าเธอกับอานหยันจะเป็นเพื่อนกันมานานหลายปี แต่เธอก็คิดมาตลอดว่าอานหยันแค่ทำงานเป็นหัวหน้าบรรณาธิการของนิตยสารเท่านั้น

จนกระทั่งตอนที่เธอออกมาจากตระกูลฉินเมื่อหนึ่งปีก่อน ทั้งยังต้องแบกรับเงินกู้อีกจำนวนมาก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำงานอย่างเร่งด่วน เลยจำใจต้องไปหาอานหยัน

สีหน้าของอานหยันดูซับซ้อนเล็กน้อย ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะถามว่า “เธอแน่ใจจริง ๆ ใช่ไหมว่าจะทำงานนี้”

ฉินซีพยักหน้าอย่างแน่วแน่

อานหยันก้มหน้าลงแล้วตอบตกลง

ในตอนแรกฉินซีคิดว่าเป็นแค่งานปาปารัสซี่ คอยถ่ายรูปข่าวซุบซิบของพวกคนดังสักสองสามรูป แต่ภายหลังกลับพบว่าดูเหมือนมันจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

บางครั้งเธอก็ได้รับงานถ่ายภาพแปลก ๆ เป้าหมายที่ต้องถ่ายไม่ใช่ดารา แล้วก็ไม่ใช่พวกคนที่มีชื่อเสียง ทั้งหลังจากถ่ายเสร็จ อานหยันยังขอให้เธอส่งข้อมูลสำรองทั้งหมดครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ยอมให้เก็บไว้

ในช่วงแรกฉินซีก็ยอมทำตามความต้องการของฉินซี แต่พอหลายครั้งเข้า ฉินซีก็อดที่จะถามอานหยันไม่ได้

อานหยันก้มหน้าลงและนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะบอกความจริงกับเธอ

“เรียกได้ว่าเธอเป็นคนของหน่วยข่าวกรอง รูปที่ให้ฉันถ่ายพวกนั้นก็เป็นรูปที่หน่วยข่าวกรองจะนำไปใช้อย่างนั้นใช่ไหม”

อานหยันพยักหน้าเบา ๆ “บางคนเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีอาญา บางคนเป็นนักธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย พวกเราต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อที่จะได้ลากพวกเขาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย”

ฉินซีใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการสรุปข้อเท็จจริงนี้ จากนั้นเธอจึงได้รู้สึกตัวภายหลังว่าความลังเลตอนที่อานหยันถามว่าเธออยากจะทำงานนี้จริง ๆ เหรอมีที่มาจากไหน

ฉินซีแปลกเล็กน้อย “ช่างภาพคนอื่น ๆ ในสำนักงานตีพิมพ์นิตยสารของเธอทำงานให้หน่วยข่าวกรองหมดเลยเหรอ”

อานหยันส่ายหน้า “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ช่างภาพส่วนใหญ่ที่นิตยสารจ้างมาเป็นงานธรรมดา มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับงานแบบเดียวกับเธอ”

ฉินซีรู้สึกสงสัยเล็กน้อย“ แล้ว…ทำไมถึงเป็นฉัน”

อานหยันยื่นมือออกมาและตบไหล่เธอ “หน่วยข่าวกรองจะเป็นคนกำหนดตัวผู้ถูกคัดเลือก ช่างภาพทุกคนทุกคนที่ฉันรับเข้ามาจะต้องถูกรายงานไปยังเบื้องบน พวกเขาต้องพิจารณาก่อนว่าเธอสามารถรับผิดชอบหน้าที่นี้ได้ จากนั้นจึงค่อยให้ฉันมอบหมายงานให้เธอ”

“ถ้าอย่างนั้นรูปที่ฉันถ่ายไปก่อนหน้านี้ ก็นับได้ว่าพวกเขากำลังตรวจสอบฉันอยู่ใช่ไหม” ฉินซีถาม

อานหยันพยักหน้า

“แล้วตอนนี้ฉันผ่านการประเมินรึยัง” ฉินซีถามอีกครั้ง

“ครั้งก่อนที่ให้เธอไปติดตามนักธุรกิจต่างชาติคนนั้นเป็นการประเมินครั้งสุดท้ายของเธอแล้ว” อานหยันตอบไปตามความจริง

ฉินซีครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถามว่า “ถ้าอย่างนั้น…ทำไมตอนนั้นเธอถึงไม่พูดให้มันชัดเจนล่ะ”

อานหยันแสดงสีหน้าลังเล “ช่างภาพทุกคนล้วนมีโอกาสที่จะได้รับการคัดเลือก ดังนั้นตอนที่เธอบอกว่าอยากจะเข้ามาทำงานที่นิตยสาร ฉันถึงได้รู้สึกลังเลนิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะถูกเลือก ดังนั้นจึงต้องทำตามข้อตกลงในการรักษาความลับ ฉันไม่สามารถบอกให้เธอรู้ล่วงหน้าได้”

ฉินซีพอจะเดาได้ว่ามาตรการรักษาความลับในหน่วยข่าวกรองของพวกเขาน่าจะซับซ้อน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิอานหยัน เพียงแค่เอื้อมมือไปตบ ๆ เธอ “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เธอบอกกฎข้อบังคับให้ฉันฟังได้ไหม”

อานหยันพยักหน้า “ในเมื่อเธอได้รับการคัดเลือกแล้ว ความจริงแล้วฉันก็ควรที่จะบอกเธอ ถึงอย่างไรแม้ว่าภารกิจส่วนใหญ่จะเป็นเหมือนกับเรื่องที่เธอเคยทำมาก่อนหน้า ไม่ได้มีอันตรายอะไร แต่ก็ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่ว่า ในอนาคตอาจจะมีภารกิจที่อันตรายมากกว่านี้ ดังนั้นจึงควรบอกให้เธอรู้ถึงสถานการณ์ของตนเองโดยเร็วที่สุด แต่ฉันแค่…หลายวันมานี้ฉันก็ยังคงสองจิตสองใจอยู่ เลยไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท