Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 916

ตอนที่ 916

บทที่ 916 ไม่หลงเหลือเยื่อใยไมตรี

อ้างอิงจากนิสัยของฉินซีแล้ว เธอจะต้องไม่กล้ำกลืนฝืนทนเรื่องที่พวกฉินซิงพยายามที่จะทำร้ายเธอแล้วปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน เธอจะต้องเอาเรื่องนี้มาพูดในที่ประชุมเพื่อที่จะให้ทุกคนไล่พวกฉินซิงออกจากตำแหน่งคณะกรรมการ

ขอแค่เธอพูดเรื่องนี้ออกมา มันก็จะกลายเป็นข้อพิสูจน์ว่าเธอมีแรงจูงใจในการให้ลู่เซิ่นยกเลิกการสั่งสินค้ากับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป

ฉินซึ่งเทียนเพียงแค่ต้องรีบคว้าโอกาสนั้นเอาไว้ให้ได้ โน้มน้าวให้พวกคณะกรรมการเชื่อว่าฉินซีไม่ใช่คณะกรรมการที่คิดเพื่อผลประโยชน์ของบริษัท ทั้งยังมีความเป็นไปได้สูงที่เธอจะถูกขับออกจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป

ทั้งฉินซึ่งเทียนยังมีความสามารถมากพอที่จะดึงตัวเองออกมาจากเรื่องนี้ ต่อให้ต้องเสียพวกฉินซิงไปก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร

แผนการนี้แทบไม่มีข้อบกพร่อง แต่ฉินซึ่งเทียนคิดไม่ถึงว่าฉินซีจะยอมกล้ำกลืนถึงขนาดไม่พูดอะไรออกมาประโยค

หรือว่าเป็นเพราะเธอไม่มีหลักฐานอยู่ในมือจึงไม่กล้าพูดอะไร

ฉินซึ่งเทียนปฏิเสธความคิดนี้ในใจอย่างรวดเร็ว

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของลู่เซิ่นตอนที่โทรศัพท์มาวันนั้น ไม่ใช่สิ่งที่คนไม่มีหลักฐานจะสามารถทำได้อย่างแน่นอน

ทว่าเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความยั่วยุของฉินซี เขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

ดูเหมือนว่าฉินซีไม่ได้วางแผนจะจัดการเรื่องของฉินซิงในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ตั้งแต่ตอนที่เธอเดินเข้ามา เธอก็แทบไม่หันไปมองสองคนนั้นเสียด้วยซ้ำ

เห็นฉินซึ่งเทียนนิ่งเงียบอยู่อีกด้านด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่สบายใจ ฉินซีก็ยกยิ้มเย้ยหยัน จากนั้นก็หันไปมองทุกคน “ที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปสามารถทำธุรกิจร่วมกับบริษัทลู่ซื่อได้นานหลายปีขนาดนี้นั้น ก็เป็นเพราะในช่วงแรก ๆ ศักยภาพของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปค่อนข้างที่ดี แหล่งที่มาของวัตถุดิบไม่เลว ทั้งราคาก็ยังไม่สูงก็จนเกินไป ทว่าหลายปีมานี้การบริหารจัดการภายในของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ คุณภาพของสินค้าก็ไม่สม่ำเสมอ บริษัทลู่ซื่อจึงยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้า ฉันว่าประธานฉินควรต้องพิจารณาตัวเองก่อนว่าในไตรมาสนี้คุณทำงานได้แย่เกินไปหรือเปล่า”

เธอไม่หลงเหลือเยื่อใยไมตรีเอาไว้แม้แต่สักนิด ราวกับว่าฉินซึ่งเทียนไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของเธอ คณะกรรมการทุกคนในที่นี้เผยความรู้สึกประหลาดใจออกมาผ่านสีหน้า

ทว่าสีหน้าของฉินซึ่งเทียนกลับคล้ำเขียวเสียยิ่งกว่าเดิม

คิดไม่ถึงเลยว่าฉินซีจะกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าทุกคน!

เขาทุบโต๊ะอย่างแรง “ฉินซี! ฉันเป็นพ่อของแกนะ!”

ฉินซีเหลือบมองเขาอย่างไม่ใส่ใจ “ประธานฉิน ที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป คุณเป็นประธาน ฉันเองก็เป็นคณะกรรมการ เกี่ยวอะไรกับการที่คุณเป็นพ่อของฉันล่ะ”

ไม่ทันรอให้ฉินซึ่งเทียนได้พูดอะไรต่อ คนในที่ประชุมที่สนับสนุนเขาก็เริ่มจะออกตัวแทนเขาว่า “ฉินซี ถ้าเป็นไปตามที่เธอบอก อย่างนั้นบริษัทลู่ซื่อก็ควรจะค้นพบตั้งนานแล้วสิว่าคุณภาพสินค้าของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมีปัญหา ทำไมอยู่ ๆ ถึงเพิ่งมายกเลิกสัญญากับพวกเราเอาปีนี้”

ฉินซียกยิ้มจาง ๆ “ถึงแม้ว่าฉันจะแต่งงานกับลู่เซิ่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะรู้เรื่องอะไรของบริษัทลู่ซื่อมากมาย คำถามนี้ของคุณควรจะไปถามคนของบริษัทลู่ซื่อ ไม่ใช่มาถามฉัน”

ดูเหมือนว่าคน ๆ นั้นอยากจะพูดอะไรต่ออีก ทว่าฉินซีไม่ให้โอกาสเขาได้พูด เธอรีบกล่าวต่อว่า “แต่เท่าที่ฉันรู้เกี่ยวกับบริษัทลู่ซื่อ ส่วนใหญ่อาจเป็นเพราะการสั่งซื้อสินค้ากับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปก็เป็นแค่เรื่องเล็กหน่อย ตอนที่แม่ของฉันกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปยังมีความเกี่ยวข้องกันอยู่ บริษัทลู่ซื่อก็เลยยินดีที่จะตามน้ำเพื่อรักษาน้ำใจ ยอมจ่ายเงินเพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ ทว่าเมื่อหนึ่งปีก่อนแม่ของฉันกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปตัดขาดความสัมพันธ์กันไปแล้ว ดังนั้นบริษัทลู่ซื่อจึงไม่จำเป็นจะต้องรักษาน้ำใจอีกต่อไป”

หลังจากที่เธอพูดจบ สีหน้าของทุกคนในที่ประชุมก็ค่อนข้างที่จะไม่น่ามอง

ความจริงแล้วบริษัทลู่ซื่อยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก ดังนั้นที่ฉินซีพูดแบบนี้ก็ไม่ถือว่าผิด แต่พอคิดว่าบริษัทลู่ซื่อใช้ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในการเลือกสั่งซื้อสินค้าอย่างไม่ใส่ใจ จนทำให้กิจการของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปหยุดชะงักแล้ว ไม่มีใครที่รู้สึกว่าสามารถยอมรับตรงจุดนี้ได้

คนคนนั้นพยายามที่จะอดกลั้นอยู่นาน หลังจากกดข่มความรู้สึกเอาไว้ได้แล้วก็พูดออกมาว่า “ถ้าเป็นไปตามที่คุณพูด แม่ของคุณไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับบริษัทตั้งแต่เมื่อปีก่อนหน้าแล้ว ทำไมบริษัทลู่ซื่อถึงได้มายกเลิกสัญญาเอาปีนี้”

ฉินซีแทบจะถูกคำถามนี้ของเขาทำให้หมดความอดทน “คุณลองมองให้ชัด ๆ สิ สัญญาความร่วมมือระหว่างบริษัทลู่ซื่อกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปค่อย ๆ ทยอยถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปีนั้นแล้ว เพียงแต่ช่วงนี้มันมากกว่าเดิมก็เท่านั้นเอง แต่ถ้าคุณต้องการรู้ว่าทำไม ฉันสามารถบอกคุณได้ คำสั่งซื้อพวกนี้ไม่มีค่าพอให้บริษัทลู่ซื่อต้องคิดหาวิธียกเลิกสัญญาล่วงหน้า ทั้งยังต้องมีการเจรจาเรื่องการผิดสัญญาอีก ถ้าฉันเป็นคนของบริษัทลู่ซื่อ ก็คงใช้โอกาสตอนที่สัญญาหมดอายุนี่แหละ ทำแบบนี้แล้วลดขั้นตอนไปได้ไม่น้อย”

คำพูดนี้ของเธอทำให้ทุกคนในที่ประชุมถึงกับพูดไม่ออก

สีหน้าของฉินซึ่งเทียนคล้ายกับคนที่กินอุจจาระเข้าไป ทว่าคำพูดของฉินซีทำให้เขาโต้แย้งไม่ออกจริง ๆ

ทำไมเขาถึงไม่เคยคิดเลยว่าฉินซีจะใช้เหยาหมิ่นมาเป็นทั้งตัวรุกและเกราะกำบัง

เมื่อฉินซีเห็นทุกคนเงียบและยินยอมที่จะไม่เถียงต่ออีก เธอจึงเคาะโต๊ะแล้วพูดสรุปว่า “ดังนั้นแล้วเรื่องที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปต้องสูญเสียการสั่งซื้อสินค้าของบริษัทลู่ซื่อ นัยหนึ่งก็เป็นเพราะตระกูลเหยาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลฉินแล้ว แต่สาเหตุที่สำคัญกว่าก็คือการที่คุณภาพสินค้าของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแย่จนเกินไป หากเราต้องการแก้ไขปัญหานี้ ก็ต้องเริ่มจากระบบภายใน คิดแต่จะหลบเลี่ยงความรับผิดชอบ เอาแต่โยนความผิดให้คนอื่น ทำแบบนี้แล้วบริษัทจะพัฒนาได้ยังไง”

พูดจบเธอก็เดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง

ฉินซึ่งเทียนที่ถูกคำพูดนี้เสียดสีประชดประชันตกใจเป็นอย่างมาก เป็นธรรมดาที่เขาจะรับไม่ได้ เขาตบโต๊ะ กำลังคิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงจากผู้ร่วมประชุม

“ในเมื่อพูดถึงเรื่องสินค้า ถ้าอย่างนั้นเราก็มาพูดถึงปัญหาที่ช่วงนี้อัตราการหมุนเวียนของสินค้าที่ต่ำลงเป็นอย่างมากกันหน่อยไหม”

ฉินซึ่งเทียนที่ถูกแย่งบทพูดไปเงยหน้ามองคนที่พูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่พอใจ

ฉินซีเองก็แปลกใจเล็กน้อย

คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่พูดจะเป็นหซู่หนาน

แท้จริงแล้วผู้จัดการทั่วไปก็มาเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ทว่าหซู่หนานเอาแต่นิ่งเงียบอยู่ตลอด ตั้งแต่เข้ามาจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพบว่าความจริงแล้วหซู่หนานเองก็อยู่ที่นี่ด้วย

ทว่าสีหน้าที่แตกต่างกันของผู้ร่วมประชุมกับแววตาที่อยากจะฆ่าคนของฉินซึ่งเทียนไม่สามารถทำให้หซู่หนานหยุดพูดได้ เขาถามฉินซึ่งเทียนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ผมมีข้อมูลอยู่ชุดหนึ่ง ขอเอามาแสดงสักหน่อยได้ไหม”

น้ำเสียงที่เป็นทางการของเขาทำให้ฉินซึ่งเทียนเอ่ยปฏิเสธไม่ได้ เขาสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็โบกมืออนุญาต

สีหน้าของคนในที่ประชุมน่าดูชมมากขึ้นเรื่อย ๆ

ฉินซีและฉินซึ่งเทียนขัดแย้งกันมาโดยตลอด จึงไม่น่าแปลกใจที่เธอจะกล้ายั่วยุเขาต่อหน้าทุกคน

ทว่าหซู่หนานเป็นลูกเขยคนที่ฉินซึ่งเทียนเอ็นดูเป็นอย่างมาก ตลอดมาเขาเป็นคนที่ค่อยทำตามคำสั่งของฉินซึ่งเทียนมากที่สุด ใครจะไปรู้ว่าอยู่ ๆ เขาจะลอบแทงข้างหลังฉินซึ่งเทียนในช่วงเวลาแบบนี้

พวกคณะกรรมการถือโอกาสตอนที่ฉินซึ่งเทียนไม่ให้ความสนใจ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันผ่านทางสายตา

พอได้ชมการแสดงที่ยอดเยี่ยมนี้แล้ว ก็รู้สึกว่าการมาประชุมคณะกรรมการครั้งนี้ไม่ได้ไร้ประโยชน์

หซู่หนานยืนอยู่บนเวทีอย่างสงบนิ่ง รอให้ PPT ของเขาฉายขึ้น จากนั้นก็เริ่มวิเคราะห์อย่างจริงจัง

“ข้อมูลชุดนี้ได้มาจากการตรวจสอบสินค้าคงคลังในช่วงนี้ ดังนั้นจึงเป็นข้อมูลที่ใหม่มาก ผมได้ขอให้สำนักงานมาช่วยจัดการ ดังนั้นทุกคนจึงสามารถเชื่อได้ว่าข้อมูลนี้นั้นถูก พวกเรามาดูตรงนี้กันก่อน อัตราการหมุนเวียนของสินค้าตรงส่วนนี้แย่ที่สุด…”

คำพูดของหซู่หนานเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคนอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งอารมณ์โมโหของฉินซึ่งเทียนเองก็ยังจางหายไปเล็กน้อย เขาหันไปฟังที่หซู่หนานพูดอย่างตั้งใจ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท