Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 936

ตอนที่ 936

บทที่ 936 อารมณ์แปรปรวนมากที่สุด

ศิลปินเวลาทำงาน อารมณ์จะแปรปรวนมากที่สุด

เมื่อลู่เซิ่นเห็นท่าทางฮึดฮัดของเธอ ก็รู้สึกว่าน่าสนใจ ไม่ได้เก็บมาคิดเล็กคิดน้อยกับเธอเลยสักนิด

ดีซะอีกที่พลังเต็มเปี่ยมกลับมาวนเวียนอยู่รอบตัวของฉินซีอีกครั้ง

ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รบกวนอะไรเธอ ลุกขึ้นจากเตียงเงียบๆ ทั้งยังกำชับให้ลูกน้องในครัวยกอาหารเช้าขึ้นมาให้เธอ เผื่อศิลปินของพวกเราจะขยันจนลืมเวลาทานข้าว

ยังดีที่ลู่เซิ่นคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ว่าถ้าหากคนใช้ไม่นำอาหารเช้ามาให้เธอ เธออาจจะลืมทานข้าวเช้าจริงๆ

แต่พอได้มีเวลาตั้งใจค้นคว้าแบบนี้ มันก็ทำให้ฉินซีรู้สึกราวกับได้ย้อนกลับไปในอดีต

……

ฉินซีชอบถ่ายรูปมาตั้งแต่เด็กๆ จริงๆแล้วหลักๆก็ได้รับอิทธิพลมาจากคุณปู่นั่นแหละ

คุณปู่ของฉินซี เป็นช่างภาพมือสมัครเล่น

ตอนนั้นเธอเพิ่งอยู่ชั้นประถมเอง เมื่อเห็นของแปลกๆในมือของคุณปู่ ก็สงสัยใคร่รู้เป็นอย่างมาก “คุณปู่คะ ที่คุณปู่ถืออยู่คืออะไรเหรอคะ?”

คุณปู่ยิ้มให้เธอ “มันคือกล้องถ่ายรูป”

สำหรับฉินซีในวัยนั้น กล้องถ่ายรูปถือเป็นของเล่นแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เธอจึงยื่นมือออกไปขอเล่น “ขอหนูเล่นหน่อย!”

คุณปู่ยิ้มเอ็นดูให้เธอ ไม่ได้ปฏิเสธหลานสาว ยื่นกล้องในมือไปให้เธอ “ตามองตรงนี้ จากนั้นก็กดปุ่มชัตเตอร์ แบบนี้ก็ถ่ายได้แล้วหนึ่งรูป!”

ฉินซียกกล้องขึ้นมาดูอย่างสงสัย “แล้วรูปถ่ายอยู่ไหนคะ?”

คุณปู่เคาะด้านข้างของตัวกล้อง “อยู่ในนี้ รอวันไหนปู่มีเวลาว่างไปล้างรูปออกมา เดี๋ยวหลานก็จะได้เห็นเอง”

สีหน้าของฉินซีเต็มเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “งั้นไปล้างตอนนี้เลยไม่ได้เหรอคะ!”

คุณปู่ทนลูกตื๊อของเธอไม่ไหว ถึงฟิล์มจะยังใช้ไม่หมดม้วน ก็ต้องไปล้างรูปออกมา

ฉินซีถือรูปถ่ายเอาไวอย่างทึ่งๆ

ทิวทัศน์เบื้องหน้า กลายมาเป็นภาพนิ่ง

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ฉินซีก็คอยมาขอยืมกล้องกับคุณปู่ไปถ่ายรูปเล่นไปทั่ว

แม้ว่าบางทีในกล้องไม่มีฟิล์ม แต่เธอก็ยังทำท่ากดชัตเตอร์รัวๆ สมมติว่าตัวเองกำลังถ่ายรูปอยู่

บางทีอาจจะเป็นตั้งแต่ตอนนั้น ที่เธอค้นพบว่าตัวเองชอบความรู้สึกของการได้มองโลกผ่านเลนส์กล้องมากๆ

ตอนแรกคุณปู่แค่คิดว่าเธอติดใจแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น จึงปล่อยให้เธอถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งรูปที่ล้างออกมาดูเป็นรูปเป็นร่าง เขาถึงได้รู้สึกว่าหลานสาวคนนี้พอจะมีพรสวรรค์อยู่บ้าง

“หลานอยากเรียนถ่ายรูปกับปู่ไหม?” เขาถือกล้องพร้อมกับเอ่ยถามฉินซี

ฉินซีพยักหน้าทันที “อยากค่ะ!”

ดังนั้นตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา คุณปู่ก็ค่อยๆสอนวิธีการถ่ายรูปให้เธอ แบบที่ไม่ใช่การปล่อยให้เธอถ่ายรูปเล่นไปมั่วๆ

หาฉากหลังยังไง ใช้แสงยังไง วางสัดส่วนภาพแบบไหน

คุณปู่ไม่ถือสาว่าฉินซีที่ยังเป็นเด็กจะเข้าใจหรือไม่ เวลาเขาสอนฉินซี ก็มักจะใจเย็นอยู่เสมอ ฉินซีถ่ายเสียจนเปลืองฟิล์มไปหลายม้วน ก็ไม่โทษเธอ หลังจากล้างรูปออกมา ก็สอนเธอใหม่อีกรอบ

โชคดีที่ฉินซีฉลาด เรียนไม่กี่ครั้ง ก็สามารถถ่ายรูปที่เป็นรูปเป็นร่างออกมาได้

คุณปู่ปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก ในตอนที่เธออายุแปดขวบ ก็ให้กล้องฟิล์มถ่ายรูปอันแรกกับเธอ

กล้องถ่ายรูปอันนั้น ตอนนี้ฉินซีก็ยังคงเก็บรักษามันไว้อย่างดี

ต่อมาฉินซีก็คิดว่า ความชอบที่ตัวเองมีต่อกล้องฟิล์ม บางทีอาจจะไม่ใช่แค่เพราะว่าภาพที่แสดงออกมาจากกล้องฟิล์มแตกต่างจากกล้องชนิดอื่น แต่เพราะมันมีส่วนเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางด้านความรู้สึก

เมื่อเห็นภาพฟิล์ม เธอก็รู้สึกราวกับคุณปู่ยังอยู่กับเธอ และยังนึกไปถึงช่วงเวลาวัยเด็กที่คุณปู่คอยสอนเธออย่างใจเย็น

เพียงแต่ว่ายุคสมัยเปลี่ยนไป กล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ๆก็กลายเป็นที่นิยม

ตอนนั้น คุณปู่จากโลกนี้ไปแล้ว

ต่อให้เธอยังทำใจไม่ได้ขนาดไหน ก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่าคุณปู่ได้จากไปแล้ว ก็เหมือนกับต่อให้เธอชอบกล้องฟิล์มมากขนาดไหน ก็ต้องเริ่มเรียนรู้วิธีใช้กล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ๆ

ตอนแรก เธอไม่คุ้นชินเอาเสียเลย แต่ก็ต้องยอมรับว่าสมรรถนะของกล้องดิจิตอลยอดเยี่ยมจริงๆ ฉินซีจึงเริ่มหลงใหลกล้องถ่ายรูปประเภทนี้ขึ้นเรื่อยๆ

เพียงแต่ว่าพอเธอไม่มีคุณปู่แล้ว เธอก็ต้องหัดถ่ายรูปเองอย่างถูๆไถๆ

ประจวบเหมาะกับช่วงที่เธอวางแผนจะซื้อกล้อง ในวันเกิดปีที่สิบห้าเธอก็ได้ของขวัญเป็นกล้องสะท้อนภาพเลนส์เดียวเป็นครั้งแรก

คนที่ให้ของขวัญชิ้นนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเหยาหมิ่นนั่นเอง

เหยาหมิ่นคอยใส่ใจความชอบของเธอเสมอ

คนที่รักเธอทั้งสองคน ต่างก็ให้กล้องสองตัวที่มีคุณค่ากับเธอ

ฉินซีจำความรู้สึกตอนที่ตัวเองแกะของขวัญได้ดี จำตอนตัวเองเงยหน้าขึ้นด้วยความดี แล้วเห็นรอยยิ้มอบอุ่นของคุณแม่

ตั้งแต่ตอนนั้น เธอก็มีความชอบที่แตกต่างจากคนรุ่นเดียวกัน

เธอไม่ได้สนใจแฟชั่นหรือความสวยความงามเหมือนคนอื่นๆเขา แต่กลับชอบค้นข้อมูลเกี่ยวกับกล้องถ่ายรูปและเลนส์กล้องทุกชนิด

ต่อจากนั้น กล้องสะท้อนภาพเลนส์เดียวที่เป็นของเธอ ก็ค่อยๆมีสะสมเพิ่มมากขึ้นทีละนิด

แม้ว่าในฐานะพ่อ ฉินซึ่งเทียนจะไม่ค่อยใส่ใจและไม่ค่อยสนใจว่าเธอชอบอะไรสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเรื่องเงินเขาไม่เคยละเลยเธอจริงๆ เพราะเธอคือคุณหนูตระกูลฉิน ดังนั้นเธอจึงไม่เคยขาดแคลนเรื่องเงินเลย

เมื่อเจอของที่อยากซื้อ ก็สามารถซื้อได้ในทันที

ผู้คนมักจะกล่าวว่า เล่นกล้องหนึ่งครั้งเปลืองตังค์ตลอดไป

ครึ่งปีมานี้ ฉินซีใช้เงินในบัตรเหมือนเทน้ำเทท่า ฉินซึ่งเทียนมองสีหน้าลำบากใจของผู้ช่วยที่ยื่นบัญชีธนาคารที่เงินไหลออกเหมือนน้ำไหล ในที่สุดก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติ

“ฉินซีนังลูกคนนี้กำลังทำอะไรอยู่กันแน่! ทำไมใช้เงินเยอะขนาดนี้!”

เขาคิดว่าฉินซีต้องไปติดนิสัยอะไรไม่ดีมาแน่ๆ จึงรีบกลับมาตำหนิ

ฉินซีไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไป จำต้องสารภาพงานอดิเรกของตนออกไปตรงๆ

เมื่อฉินซึ่งเทียนเห็นกล้องเลนส์ยาวราวกับปืนวางเรียงรายอยู่ตรงหน้า ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมาดี

ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ เรื่องที่พ่อของตัวเองรักการถ่ายรูปมากๆ ทว่าเขากลับคิดมาตลอดว่าการทำอะไรแบบนี้มันเปลืองเงินเอามากๆ ไม่คุ้มค่าเลยสักนิด

เขารู้สึกโชคดีที่ความชอบในลักษณะนี้ไม่ได้ถูกถ่ายทอดจากพ่อมายังเขา แต่ก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่ามันจะถ่ายทอดไปยังฉินซีแทน

ในสายตาของเขา เลนส์กล้องยาวๆสั้นๆพวกนั้นมันก็เหมือนๆกันหมด ฉินซีกำลังใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองโดยแท้

“แกเก็บของพวกนี้ไปเลยนะ!” ฉินซึ่งเทียนพูดออกมาอย่างโกรธๆ “อย่าให้ฉันเห็นว่าของพวกนี้กระทบถึงการเรียนแกล่ะ!”

ฉินซีเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างตัดพ้อ “มันไม่ได้กระทบถึงการเรียนฉันสักนิด!”

“ยังจะเถียงอีก!” เส้นเลือดบนหน้าผากของฉินซึ่งเทียนเต้นตุบๆ “พ่อบ้าน! ยึดของพวกนี้ไปให้หมด! ต่อไปนี้แกต้องถูกตัดค่าขนม!”

เมื่อเขาระบายอารมณ์ออกมาอย่างโมโห ก็ออกจากบ้านไป พ่อบ้านเองก็สงสารเธอ จึงทำทีเป็นยึดของพวกนั้น แต่ก็ไม่ได้ห้ามให้เธอจับ

เพียงแต่เมื่อฉินซีถูกตัดค่าใช้จ่าย ก็ไม่สามารถซื้ออะไรได้ตามใจเหมือนเมื่อก่อน ต้องเก็บเงินสักพัก ถึงจะสามารถซื้อเลนส์สักตัวได้

เป็นแบบนี้ในทุกวัน จนเธอค่อยๆเติบโตขึ้น

และในตอนที่ใกล้จะเข้ามหาลัย

ฉินซีใคร่ครวญอยู่นาน สุดท้ายก็ไปปรึกษาเหยาหมิ่น ว่าเธออยากเรียนสายศิลป์

เหยาหมิ่นไม่ได้คัดค้านเธอ แต่ฉินซึ่งเทียนกลับระเบิดออกมาอีกครั้ง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท