Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 942

ตอนที่ 942

บทที่ 942 ไม่ได้คิดโกรธแค้นอะไรแล้ว

ฉินซียิ้ม ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเชิงหยอกล้อของเขา

เมื่อทั้งสองบอกลากัน ฉินซีก็ให้เบอร์ติดต่อของผู้จัดการหซู่เป่ยกับคนในแผนก เพื่อให้พวกเขาติดต่อไป

ส่วนเรื่องการถ่ายภาพ……

บริษัทลู่เซิ่นไม่ได้ขาดแคลนเงิน แล้วทำไมฉินซีต้องไปถ่ายให้เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายให้พวกเขาล่ะ?

เมื่อฉินซีเดินเข้ามาแล้วเอาเบอร์ผู้จัดการให้ สาวน้อยที่นั่งอยู่ตรงมุมมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น และพอรู้ว่าหซู่เป่ยจะมาถ่ายทำด้วย เธอก็ตาตั้งในทันที แล้ววิ่งเข้ามาเขย่าแขนของฉินซีอย่างอดไม่ได้ “พี่ฉิน พี่นี่สุดยอดไปเลย!”

ฉินซียิ้ม เมื่อเห็นว่าสาวน้อยคนนี้น่าจะเด็กกว่าเธอมาก เธอจึงยอมรับคำว่า “พี่” ที่อีกฝ่ายเอ่ยเรียก

พนักงานที่พาฉินซีเข้ามาก็ไม่น้อยหน้า กระตุกแขนอีกข้างของฉินซีแล้วพูดว่า “พี่ฉิน พี่อย่าไปสนใจเธอเลย! พวกเราไปคุยเรื่องงานทางนู้นดีกว่า!”

ในตอนที่หัวหน้าแผนกเดินนำลู่เซิ่นเข้ามา สิ่งที่เห็นก็คือภาพของฉินซีถูกพนักงานของตัวเองรุมล้อม

เขาเหลือบมองสายตาของลู่เซิ่น ก็พบว่าสายตาของเขาหยุดอยู่ตรงแขนที่ถูกจับของฉินซี

เขาแอบเหงื่อตกแทนพนักงานของตัวเองอยู่เงียบๆ

ครั้งนั้นตอนที่หลินหยังมาขอให้เขาส่งบัตรเชิญเพิ่มไปอีกหนึ่งใบ เขาก็สงสัย จึงแอบสอบถามกับหลินหยังเสียงเบา ว่าคนที่ต้องส่งไปให้เพิ่มเป็นใครมาจากไหน หลินหยังทำเพียงแค่ยิ้มไม่ได้พูดอะไร แต่กลับพยักพเยิดคางไปยังชั้นบน

หัวหน้าแผนกที่ใช้ชีวิตมาหลายปี ก็เข้าใจในทันทีว่า ร้อยทั้งร้อยฉินซีต้องมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับเจ้านายแน่ๆ

พอสืบไปเรื่อยๆ ก็พบว่าฉินซี……เป็นถึงภรรยาของลู่เซิ่น

พอตอนนี้เห็นพนักงานของตัวเองกำลังเขย่าแขนเธอไปมา เขาก็ไม่รู้จะเข้าไปเตือนยังไง ทำได้แค่กระแอมไอออกมา “พวกคุณคุยกันเสร็จหรือยัง?”

เมื่อพนักงานในแผนกได้ยินเสียงของหัวหน้าตัวเอง ก็เก็บอาการทันที แล้วหันมามองเขาอย่างพร้อมเพรียง แต่วินาทีต่อมาก็เห็น

เจ้านายที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา แต่ละคนจึงตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

ลู่เซิ่น…..ไม่เคยมาที่แผนกเลยนะ!

ธุรกิจของบริษัทลู่ซื่อใหญ่มาก แม้ว่าพวกเขาจะทำงานอยู่ที่สำนักงานใหญ่ แต่ก็ได้เจอเจ้านายแค่ครั้งสองครั้งจากไกลๆตอนที่เข้าประชุม ไม่เคยเจอเขาใกล้ๆขนาดนี้เลย

พนักงานสองคนที่ดึงแขนของฉินซีอยู่ปล่อยมือออกแล้วยืนตัวตรงราวกับเป็นทหาร

“ประธานลู่มาสังเกตการถ่ายสื่อนำเสนอของบริษัทในครั้งนี้” หัวหน้าแผนกอธิบายจุดประสงค์ในการมาที่นี่แทนลู่เซิ่น

พนักงานจึงเอ่ยทักทายขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน “สวัสดีประธานลู่”

ลู่เซิ่นพยักหน้าตอบรับนิดๆ กวาดสายตามองไปรอบๆ สุดท้ายก็หยุดสายตาไว้ที่ฉินซี

“ทุกคน….สู้ๆนะ” ทั้งๆที่เป็นประโยคให้กำลังใจ แต่เสียงของเขากลับทุ้มต่ำ จนฟังดูแล้วเหมือนพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจ

ฉินซีเบ้ปาก คิดว่าพูดให้กำลังใจแบบนี้มันจะได้ผลเหรอ?

แต่พอหางตาเหลือบมองไปข้างๆ ก็พบว่าเด็กสาวที่กอดแขนเธอเมื่อครู่นี้ ตอนนี้กำลังมองไปที่ลู่เซิ่นด้วยหน้าแดงๆ ท่าทางได้รับกำลังใจเต็มร้อย

…….ถือซะว่าเมื่อกี้เธอไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน

ลู่เซิ่นพูดจบ ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ มองมาที่ฉินซีนิ่งๆทีหนึ่ง แล้วหมุนตัวเดินออกไป

พนักงานที่ยืนอยู่ข้างๆฉินซีทำหน้างุนงง “เมื่อกี้ประธานลู่….มองฉันเหรอ?”

ฉินซีรู้สึกขำ ทางหัวหน้าแผนกก็เดินรีบๆเข้ามาหาเธอ

“คุณผู้…..คุณฉินครับ” หัวหน้าแผนกรีบเปลี่ยนชื่อเรียก แล้วยกมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อ “ประธานลู่เชิญคนออกไปพบสักครู่ครับ”

ฉินซีออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก พนักงานที่ยืนอยู่ข้างๆเธอก็ทำหน้าผิดหวัง

“ฉันว่านะ ประธานลู่ต้องชอบพี่ฉินแน่ๆ สวยขนาดนั้น…….”

เมื่อฉินซีเดินออกมา ก็พบว่าลู่เซิ่นยืนอยู่ตรงทางเดินอีกด้าน

ผู้ช่วยกับหัวหน้าแผนกต่างก็ยืนรออยู่ไกลๆ ตรงนี้จึงมีแค่เธอและเขา

“ทำงานสนุกไหม?” ลู่เซิ่นถาม

ฉินซีไม่รู้ว่าเขามีเจตนายังไง จึงพูดรวบรัดออกไปว่า “สนุกมาก”

ลู่เซิ่นพยักหน้าเบาๆ “งั้นก็ดี ไปกินข้าวกัน”

ฉินซีลังเลอยู่สักพัก “ฉันยังเหลือสรุปอีกนิดหน่อย คงใช้เวลาประมาณนาทีกว่าๆ”

ความหมายของเธอคือให้ลู่เซิ่นไปก่อน แต่ไม่คิดเลยว่าลู่เซิ่นจะขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “งั้นคุณก็รีบหน่อย”

แล้วเขาก็จะยืนรอเธออยู่ตรงนี้นี่นะ?

ไม่ใช่ว่าฉินซีไม่ชินกับการให้คนอื่นรอ แต่ว่านี่มันในบริษัทของลู่เซิ่น ท่านประธานมายืนรอเธอถึงขนาดนี้……มันแปลกๆยังไงไม่รู้

แต่ท่าทีของลู่เซิ่นดูแน่วแน่มาก ฉินซีเลยไม่คิดจะเสียเวลาพูดโน้มน้าวให้ลู่เซิ่นยอม จึงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินเข้าไปข้างใน

เธอไม่ได้กำลังทำเป็นเล่นตัว เพื่อให้ลู่เซิ่นรอเธอ แต่เพราะว่ายังมีรายละเอียดบางส่วนที่ต้องสรุปจริงๆ หลังจากสรุปทุกอย่างเสร็จ แล้วบอกลากับทุกคน เธอก็เดินออกมาจากแผนกโฆษณา

“เสร็จแล้ว?” คิ้วของลู่เซิ่นขมวดแน่นกว่าเมื่อกี้

เมื่อเห็นฉินซีพยักหน้า เขาก็หมุนตัวเดินนำหน้าไป

เมื่อหัวหน้าแผนกมองแผ่นหลังของพวกเขาเดินตามๆกันไป ในใจก็รู้สึกแปลกๆ

ดูเหมือนว่าตำแหน่งของฉินซีในหัวใจของประธานลู่…..จะมีน้ำหนักมากกว่าที่เขาคิดไว้ซะแล้ว

……

ครั้งนี้ทั้งสองคนไม่ได้ออกไปทานข้าวข้างนอก เพราะหลินหยังเตรียมข้าวที่แม่ครัวทำให้มาจากที่บ้านไว้ให้แล้ว ทั้งสองจึงทานอยู่ในโซนพักผ่อนของห้องทำงานลู่เซิ่น

จริงๆแล้วฉินซีถูกใจฝีมือการทำกับข้าวของแม่ครัวตระกูลลู่มาก ดังนั้นจึงไม่ได้ปฏิเสธอาหารมื้อนี้แต่อย่างไร

แม้ว่าวันนี้ลู่เซิ่นจะมาหาเธอถึงแผนกโฆษณาด้วยตัวเอง แต่ฉินซีก็ยังไม่ลืมท่าทีเฉยชาของลู่เซิ่นเมื่อวาน เธอไม่รู้ว่าลู่เซิ่นเป็นอะไรกันแน่ จึงเงียบไม่พูดอะไร

ลู่เซิ่นก้มหน้า ท่วงท่าในการทานอาหารในทุกๆคำเป็นไปอย่างสง่า ไม่คิดจะพูดอะไรออกมาเหมือนกัน

แต่เมื่อฉินซีกินเสร็จ เขาก็วางตะเกียบลงเช่นกัน

“ทำงานที่แผนกโฆษณา สนุกดีใช่ไหม?” ลู่เซิ่นจ้องตาของเธอ แล้วเอ่ยถามขึ้นมาอีกรอบ

ฉินซีไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงถามย้ำเรื่องเธอทำงานสนุกไหมนัก จึงตอบกลับไปอีกครั้งอย่างใจเย็นว่า “พนักงานที่แผนกยังเด็กกันทั้งนั้น แล้วก็มีพลังล้นเหลือมาก ได้มาทำงานกับพวกเขา ฉันรู้สึกผ่อนคลายมาก”

ลู่เซิ่นหลุบตาลง แล้วพยักหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง

ฉินซีเหมือนเห็นปากของเขาขยับพูดว่า “งั้นก็ดี” ออกมาอย่างไร้เสียง แต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงไม่พูดมันออกมาเลย แต่กลับถามคำถามอื่นออกมาว่า “แผนงานต่อจากนี้ แผนกได้ส่งให้คุณไหม?”

ฉินซีเปิดโทรศัพท์ดู “ช่วงสองสามวันนี้อาจจะต้องมาประชุมอย่างไม่มีกำหนดวันแน่ชัด เพราะถึงยังไงพล็อตของฉันก็เป็นต้นแบบ ยังมีอีกหลายอย่างต้องค่อยๆปรับปรุงแก้ไข”

ลู่เซิ่นพยักหน้า ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “งั้นต่อไปนี้ ก็มาบริษัทพร้อมผม”

ฉินซีนิ่งไป ทันใดนั้นก็รู้ตัวว่าเขากำลังตอบคำถามที่ตัวเองถามไปเมื่อวาน

แม้ว่าตอนนั้นอารมณ์ของเธอจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่ได้เป็นคนใจแคบขนาดนั้น ถึงเมื่อวานลู่เซิ่นจะเมินเธอ แต่แค่คำพูดยินดีที่แสนเรียบนิ่งของเขา และความจริงใจที่แสดงออกมาในวันนี้ เธอก็ไม่ได้คิดโกรธแค้นอะไรแล้ว

ฉินซีกระตุกมุมปากเป็นรอยยิ้ม และตอบรับกลับไปด้วยคำพูดที่ไม่ได้บอกว่าจะติดรถของลู่เซิ่นมาประชุมในช่วงบ่าย “งั้นหลังจากนี้คงต้องรบกวนคนขับรถของบริษัทคุณแล้วล่ะ”

ลู่เซิ่นมองเธออย่างลุ่มลึก ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท