Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 945

ตอนที่ 945

บทที่ 945 ถ้ายังกวนอยู่คงได้ระเบิดออกมาแน่

ตอนที่ฉินซีกลับมาถึงรีสอร์ทชิงหยวน ฟ้าก็มืดแล้ว

ลู่เซิ่นนั่งอยู่บนโต๊ะ ดูเหมือนจะเพิ่งทานข้าวเสร็จ สีหน้าของเขาดูเรียบนิ่ง “คุณออกไปข้างนอกมา?”

ฉินซีพยักหน้า “ไปสถานที่ถ่ายงานมาน่ะ”

เธอยุ่งตลอดทั้งบ่าย จึงรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก เธอไม่ได้พูดอะไรมาก ตรงขึ้นชั้นบนไปทันที

ตอนแรกเธอว่าจะผ่อนคลายด้วยการอาบน้ำอุ่นสักหน่อย แต่พอน้ำอุ่นสาดลงบนร่างกาย เธอกลับรู้สึกเจ็บแสบไปทั่วแผ่นหลัง

เกิดอะไรขึ้น?

เธอลืมว่าตัวเองโดนชนตอนอยู่ที่สถานที่ถ่ายทำไปเสียสนิท พอนึกย้อนกลับไปถึงคิดได้ว่าวันนี้ตัวเองโดนชน

แต่ว่า….ไม่ได้ชนแรงขนาดนั้นสักหน่อย แต่ทำไมเธอรู้สึกเหมือนผิวถลอกเลยล่ะ?

ฉินซีอยากเห็นแผล แต่ในตอนนี้ห้องน้ำกันปกคลุมไปด้วยไอน้ำ เธอจึงไม่สามารถมองเห็นหลังของตัวเองได้

และในตอนที่กำลังเงอะงะ จู่ๆประตูห้องน้ำก็เปิดออก

ไม่ต้องมองก็รู้ว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาเป็นลู่เซิ่น เธอไม่ถือสาเรื่องที่ลู่เซิ่นบุกรุกเข้ามาอย่างไม่บอกไม่กล่าว กลับกันกลับเอ่ยปากขอความช่วยเหลือว่า “คุณช่วยฉันดูหน่อย หลังฉันถลอกไหม?”

เมื่อเธอพูดแทรกมาแบบนี้ เขาจึงต้องพับเก็บสิ่งที่กำลังจะทำในตอนแรกไปชั่วคราว แล้วก้มตัวลงไปมองแผ่นหลังของเธออย่างละเอียด

ผิวของฉินซีขาวมาก แผ่นหลังของเธอขาวเหมือนหยกสีนวล แต่เมื่อลู่เซิ่นขยับเข้ามาดูใกล้ๆก็เห็นว่าบริเวณส่วนล่างของ “หยกสีนวล” มีแผลเล็กๆประดับอยู่

เขายื่นมือออกแตะ “ตรงนี้เหรอ?”

“ซี๊ด….เจ็บ!” ฉินซีขมวดคิ้วฉับ

คงจะเป็นตรงนี้สินะ

“เกิดอะไรขึ้น?” สีหน้าของลู่เซิ่นเริ่มเยือกเย็น

“ตอนอยู่ในสถานที่ถ่ายทำฉันไม่ระวังเลยโดนชนเข้าน่ะ” ฉินซีพูดคลุมเครือ

ลู่เซิ่นไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาเหยียดกายลุกขึ้น ออกไปบอกพ่อบ้านให้ไปหยิบยากับปลาสเตอร์มาให้ จากนั้นก็เดินกลับเข้ามาในห้องน้ำอีกครั้ง

ไอน้ำเริ่มจางลงบ้างแล้ว และตอนนี้ฉินซีก็กำลังเปลือย เมื่อเห็นลู่เซิ่นเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง เธอเลยไม่ค่อยสบายตัว

“ผมไปเอายามาให้” ลู่เซิ่นชูของที่อยู่ในมือขึ้นมา

ฉินซีขดตัวอยู่ในอ่าง ในขณะที่คิดหาทางเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาคลุมร่างกาย ก็ตอบกลับไปว่า “อ่อ…โอเค…ขอบคุณ คุณวางไว้ก็ได้ เดี๋ยวฉันทาเอง”

ลู่เซิ่นมองเห็นท่าทางขัดเขินจางๆบนใบหน้าของเธอ อารมณ์จึงเริ่มดีขึ้นมาหน่อย เอ่ยปากพูดว่า “จะทาได้เหรอ?”

ฉินซีตัวแข็งทื่อ

ตอนนี้เธออายจะตายแล้ว จะไปมีกระจิตกระใจคิดเรื่องทายาที่ไหน

“ผมเคยเห็นหมดแล้วน่า จะหลบทำไม” ลู่เซิ่นพูดนิ่งๆ “หันหลังมา ผมจะทาให้”

ฉินซีหันไปมองท่าทีเหมือนไม่ได้คิดอะไรของเขา จู่ๆก็รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง

ทำไมเขานิ่งได้ขนาดนี้?

เธอจึงข่มกลั้นความขัดเขินเอาไว้ แล้วหันหลังให้อย่างสบายๆ “งั้นคุณทาให้หน่อย”

เมื่อลู่เซิ่นเห็นใบหูแดงๆของเธอ ขำออกมาอย่างไร้เสียง

คงต้องหยุดกวนแล้ว ถ้ายังกวนอยู่คงได้ระเบิดออกมาแน่

……

สื่อนำเสนอถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการหลังจากนั้นไม่นาน

ทั้งหมดมีสองฉบับคือฉบับรวบรัดกับฉบับเต็ม อย่างแรกเป็นโฆษณาปกติ ฉายบนสื่อและแพลตฟอร์มต่างๆได้ อย่างหลังเป็นรูปแบบหนังสั้น เป็นการบรรยายเกี่ยวกับวัฒนธรรมของบริษัทลู่ซื่ออย่างครบถ้วน

ก่อนที่หนังสั้นจะถูกปล่อย ฉินซีที่เป็นคนคิดพล็อตก็ได้ดูฉบับสมบูรณ์ก่อนล่วงหน้า

แม้จะเป็นฉบับเต็มแต่ก็มีความยาวไม่เกินสิบนาที แต่ฉินซีกลับใช้เวลาในการดูเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ

ภาพถ่ายทุกภาพที่ปรากฏในหนังสั้น เป็นภาพของเธอทั้งนั้น ดังนั้นทุกภาพ จึงล้วนแล้วแต่เป็นความทรงจำของเธอ

ภาพส่วนใหญ่ที่ฉินซีถ่ายไว้ตลอดหลายปีมานี้ ไม่ใช่ภาพบนนิตยสารหรือเป็นภาพตามบรีฟของฝ่ายซื้อ แต่เป็นภาพที่เธอถ่ายออกมาตามไอเดียที่โผล่เข้ามาในหัวเพียงชั่วแวบ เธอชอบถ่ายส่วนใดส่วนหนึ่งของเมืองนี้ในสภาพอากาศนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพตอนดวงอาทิตย์ขึ้นบนเป็นลานกว้างๆหรือบนตึกสูงๆ ภาพตึกรามบ้านช่องกับกำแพงเมืองเก่าๆในช่วงหน้าฝน เพียงแต่พอดูเผินๆอาจเหมือนใช้ไม่ได้สักรูป แต่ทุกๆครั้งหลังสิ้นสุดการถ่ายภาพ ฉินซีจะพิถีพิถันในการเลือกผลงานที่ตัวเองถูกใจออกมา แล้วปรับแต่งและจัดเก็บไว้อย่างดี

ช่างภาพทุกคนล้วนแล้วแต่มีความหวังอยากจัดงานแสดงภาพถ่ายฝีมือตัวเองกันทั้งนั้น ฉินซีเองก็ไม่ต่างไปจากช่างภาพคนอื่นๆ ที่เธอเก็บสะสมรูปภาพไว้เยอะขนาดนี้ เพราะเดิมทีเธอวาดฝันอยากมีงานแสดงภาพเป็นของตัวเองในอนาคตเพื่อสั่งสมผลงานด้านงานศิลป์ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าผลงานการถ่ายภาพตลอดหลายปีมานี้จะถูกนำมาใช้ในสายงานที่ไม่เคยอยู่ในความคิดของเธอเลยตั้งแต่แรก

แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไร ถึงยังไงวิธีนี้ก็สามารถทำให้คนได้ชื่นชมภาพถ่ายของเธอได้เหมือนกัน สำหรับฉินซีแล้ว ก็ถือเป็นผลสำเร็จอีกแบบหนึ่ง

ถึงแม้ฉินซีจะเป็นคนคิดพล็อตเอง แต่ทว่าเธอก็ไม่ได้มีส่วนร่วมในขั้นตอนการผลิตทั้งหมด แต่เมื่อผ่านการตั้งใจรังสรรค์มาอย่างดีของทีมงาน ผลงานก็ออกมาดีเกินความคาดหมายที่เธอคิดเอาไว้มาก

ทั้งดนตรีประกอบ ทั้งภาพถ่ายกับบทสัมภาษณ์ของคนที่คาบเกี่ยวกัน ต่างก็เป็นไปอย่างลื่นไหลและสมบูรณ์แบบ ดูเผินอาจเหมือนว่าแต่ละคนกำลังพูดเรื่องราวของตัวเอง แต่ก็มีสอดแทรกการสืบทอดและการพัฒนาของบริษัทลู่ซื่อเข้าไปอย่างเนียนๆ

ฉินซีพอใจกับผลลัพธ์มากๆ

ทางลู่เซิ่นเองก็ได้เห็นผลงานในเวลาเดียวกันกับเธอ หลังจากที่เขาดูจบ ก็เงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็หันหน้าไปสั่งหลินหยังว่า “นำไปเผยแพร่ในทุกๆแพลตฟอร์มให้เร็วที่สุด”

นั่นหมายความว่าเขาพอใจกับผลงานชิ้นนี้มากๆ

พนักงานในแผนกโฆษณาที่ตอนแรกรอคำชี้แนะจากเจ้านายอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่ละคนต่างก็พากันขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าต้องแก้ไขยังไงถึงจะเป็นไปตามความต้องการของเจ้านาย แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะอนุมัติให้ผ่านเร็วขนาดนี้ ชั่วขณะทุกคนก็แสดงสีหน้าดีใจออกมา

ดังนั้นในวันถัดมา หนังสั้นของบริษัทลู่ซื่อก็ถูกนำไปออนแอร์บนแพลตฟอร์มโฆษณาต่างๆ เพียงแต่ว่าความยาวมีจำกัด ฉบับที่นำไปฉายจึงเป็นฉบับรวบรัด ส่วนฉบับเต็มถูกนำไปโพสต์บนเพจออฟฟิเชี่ยลของบริษัทลู่ซื่อแทน

ถ้าพูดกันตามตรง ผู้ชมอาจไม่ได้สนใจการนำเสนอวัฒนธรรมของบริษัทลู่ซื่อเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าบริษัทที่เผยแพร่สื่อออกไปจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทลู่ซื่อ แต่ส่วนหนึ่งก็มาจากอิทธิพลของดาราอย่างหซู่เป่ยที่ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นไปอีก ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการนำเสนอโฆษณาอย่างทุ่มทุน ทำให้หลายๆคนอยากรู้อยากเห็น จนต้องกดเข้าไปดู

แทบจะทุกคนที่ดูวิดีโอที่มีความยาวไม่กี่นาทีนี้จบ ก็จะเกิดความรู้สึกค้างคา

ดังนั้นในตอนที่พวกเขาเห็นว่าเพจส่วนตัวของหซู่เป่ยมีการแชร์โฆษณาฉบับเต็มของบริษัทลู่ซื่อ ทุกคนจึงกดเข้าไปดู จนลิงก์วิดีโอโหลดช้าเพราะมีคนเข้าใช้งานมากเกินไป

ชั่วขณะ หนังสั้นเรื่องนี้ก็เป็นกระแสไปทั่วอินเทอร์เน็ต

บางคนก็รีวิวว่าไม่ใช่แค่หนังสั้นธรรมดาแต่เป็นมากกว่าหนังสั้น บางคนดูจบก็คิดไปถึงเรื่องราวต่างๆของตัวเอง บางคนก็ถึงกับถามทางบริษัทว่าถ่ายต่อได้หรือไม่ พวกเขาอยากส่งเรื่องราวและรูปภาพของตัวเองไปให้บ้าง และยังมีหลายคนที่ชื่นชอบภาพถ่ายในหนังสั้นเป็นอย่างมาก ใต้คอมเม้นมีคำถามส่งมาไม่หยุดว่าเจ้าของผลงานภาพถ่ายเป็นใคร

เพราะความนิยมของหนังสั้นเป็นกระแสมาก จึงดึงดูดความสนใจจากบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจหลายคนได้เป็นอย่างดี ในมุมมองของมืออาชีพ บางคนก็ใช้ศัพท์เฉพาะทางที่คนนอกวงการไม่เข้าใจมาใช้วิเคราะห์ภาพถ่ายของฉินซี และได้ข้อสรุปออกมาว่า ช่างกล้องอย่างฉินซี อนาคตต้องรุ่งโรจน์อย่างแน่นอน

ลู่เซิ่นนั่งอยู่ในห้องทำงาน ฟังหลินหยังรายงานข้อมูลต่างๆ “วันนี้หลังจากที่ปล่อยสื่อนำเสนอออกไป หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นในราคาเปิดช่วงบ่าย และยอดขายของร้านขายปลีกกับร้านออนไลน์เพิ่มขึ้นเยอะมาก ในด้านการร่วมงาน บริษัทที่เราอยากร่วมงานด้วยก่อนหน้านี้ วันนี้ก็โทรติดต่อมา ค่อนข้างมั่นใจครับว่าเราคงได้ร่วมงานกับเขาเร็วๆนี้”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท