Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 949

ตอนที่ 949

บทที่ 949 แส่ไปทั่ว

ฉินซีอารมณ์ดาวน์ลง เหมือนที่ลู่เซิ่นคาดการณ์เอาไว้

เขาดูออก ว่าช่วงที่ผ่านมานี้ฉินซีมีความสุขกับการได้ทำงานกับพนักงานพวกนั้น และเข้ากันได้ดีมากแค่ไหน

ฉินซีมองพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีด้วยใจจริง แต่ไม่คิดเลยว่าจะถูกหนึ่งในเพื่อนร่วมงานแทงข้างหลังอย่างนี้

ลู่เซิ่นรู้ว่าฉินซีคงต้องการเวลาสักพักในการยอมรับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงเรียกฉินซีมาดูรูป เพื่อเป็นการเตือนฉินซีไว้แต่เนิ่นๆ

แต่เหมือนการเตือนแบบนี้ จะไม่ได้มีผลอะไรดีเลย

จริงๆแล้วการคาดเดาของลู่เซิ่นไม่ได้ผิดไปจากที่คิดไว้ หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่ฉินซึ่งเทียนหักหลัง เหยาหมิ่นมา สิ่งที่ฉินซีรับไม่ได้ที่สุด ก็คือการหักหลัง

การกระทำในครั้งนี้ของดิงหยิ่ง เหมือนเอามีดมาแทงหัวใจของเธอเข้าอย่างจัง

หลังจากคิดทบทวนทุกอย่าง ฉินซีก็ยิ้มเยาะกับตัวเอง

ไม่ใช่ว่าเธอไม่สังเกตว่าที่ดิงหยิ่งเข้าหาเธอเพราะมีวัตถุประสงค์อะไรบางอย่าง แต่เธอก็คิดแค่ว่าดิงหยิ่งเป็นแฟนคลับที่ชื่นชอบดาราทั่วๆไปเท่านั้น เธอคงประมาทเกินไป

เมื่อเห็นสีหน้าของฉินซีเปลี่ยนไป ลู่เซิ่นก็ยื่นมือออกไปตบไหล่ของเธออย่างปลอบใจ

ฉินซีเงยหน้าขึ้นไปมองเขา แล้วยิ้มขมขื่นออกมา “ฉันขออยู่คนเดียวสักพักได้ไหม?”

ลู่เซิ่นวางมือลง แล้วพยักหน้าให้เธอ

ฉินซีจึงหันหลังเดินออกไป

เมื่อลู่เซิ่นได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอเดินออกไปไกลแล้ว จึงก้มหน้าส่งข้อความไปหาหลินหยัง

……

ฉินซีไม่ได้ไปไหนไกล แค่หลบมาอยู่ในห้องมืด

เพราะความมืดให้ความรู้สึกปลอดภัยกับเธอ สามารถทำให้เธอสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว

ก็เหมือนทุกครั้งที่ฉินซึ่งเทียนกับเหยาหมิ่นทะเลาะกัน เธอมักจะไปหลบอยู่ในห้องเล็กๆของตัวเองแบบนี้เหมือนกัน

จริงๆแล้วเธอเข้มแข็งกว่าที่ลู่เซิ่นคิดไว้เสียอีก ตอนแรกเธอรู้สึกอึ้งไปหมด มากกว่าเสียใจ ตอนนี้เธอหลงเหลือแค่ความรู้สึกเสียดาย

เธอเคยมองคนพวกนั้นเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีมากๆ

แต่พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หลังจากนี้เวลาเจอกันก็คงมีแต่ความอึดอัด

ฉินซีถอนหายใจออกมาเบาๆ

……

กว่าลู่เซิ่นจะเห็นฉินซีเดินกลับมา ก็ผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมง

ฉินซีล้างหน้าล้างตาแล้วเรียบร้อย กำลังนั่งทำอะไรบางอย่างอยู่ในไอแพดก็ไม่รู้

“เรื่องดิงหยิ่ง จัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง?” เมื่อฉินซีได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา เธอก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากถามก่อน

ลู่เซิ่นเดินเข้าไปยื่นไอแพดของตัวเองให้เธอ “ข้อมูลส่วนถัดมาอยู่ในนี้ คุณอยากอ่านไหม?”

ฉินซีละสายตาจากไอแพด แล้วนิ่งไปสักพัก จากนั้นก็ส่ายหน้า “คุณพูดมาเลยเถอะ”

ลู่เซิ่นเองก็ไม่ได้ดึงดันต่อ เก็บไอแพดไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “ตอนแรกโปรเจ็คนี้เป็นโปรเจ็คสุดท้ายในช่วงทดลองงานของดิงหยิ่ง อาทิตย์หน้าเธอก็จะได้เปลี่ยนทีมแล้ว แต่ตอนนี้บริษัทไล่เธอออกแล้ว และเธอต้องประกาศขอโทษบนเวยป๋อ รวมถึงต้องชี้แจงให้ชัดเจนด้วย”

อีกอย่างบริษัทไหนก็คงไม่จ้างงานเธอแล้ว

แต่ประโยคนี้ลู่เซิ่นไม่ได้พูดออกมา

เมื่อฉินซีฟังจบ ก็ทำแค่พยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว”

น้ำเสียงของเธอเรียบนิ่ง ราวกับเรื่องนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอแล้ว

ลู่เซิ่นเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ รู้สึกประหลาดใจกับปฏิกิริยานี้ของฉินซี แต่ก็ดีแล้วที่เธอไม่เก็บมันมาใส่ใจ

ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ และเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ

แม้ว่าฉินซีจะลบแอพเวยป๋อไปแล้ว แต่อานหยันก็คอยรายงานความคืบหน้าของเรื่องต่างๆให้เธอฟังอยู่ตลอด

“เป็นฝีมือแผนกประชาสัมพันธ์ของบริษัทลู่ซื่อจริงๆด้วย ครั้งนี้เก็บกวาดข่าวสะอาดจนเกลี้ยงเชียวล่ะ”

“สตูดิโอของหซู่เป่ยออกมาแถลงแล้วว่าพวกคุณเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน ทั้งยังฟ้องคนที่สร้างข่าวลือด้วยนะ”

“หือ? ทำไมมีคนออกมาขอโทษ?”

“คุณพระ เป็นพนักงานที่อยู่ในสถานที่ถ่ายทำหรอกเหรอ เธอบอกว่ารูปพวกนั้นเป็นมุมกล้องทั้งหมด บอกอีกว่าเธอเป็นแฟนคลับหซู่เป่ยมาหลายปี พอเห็นเขากับคุณสนิทกัน ก็เลยเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกคุณ ดังนั้นก็เลยโกรธมากและสร้างเรื่องวุ่นวายขึ้นมาแบบนี้ ยัยเด็กคนนี้ก็ช่างคิดไปได้นะ…..”

“มีข้อความใหม่ออกมาอีกแล้ว เป็นรูปที่คนอื่นๆถ่ายได้พร้อมกันในวันนั้นล่ะ ฉันว่าแล้วว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆ!”

เธอส่งข้อความมาก่อกวนฉินซีอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่เมื่อฉินซีเห็นภาพล่าสุดที่เธอส่งมา ก็ลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายก็กดเปิดดู

เป็นรูปที่เธอถูกถ่ายตอนโดนชนจนเกือบจะล้ม

พอเปลี่ยนมุม ก็เห็นได้ชัดว่าเธอแค่จับแขนของหซู่เป่ยเท่านั้น ไม่ได้แนบชิดอะไรเลยสักนิด

หลักฐานถูกปล่อยออกมาอันแล้วอันเล่า ทิศทางลมของพวกชอบเม้าท์มอยก็เปลี่ยนไป ทั้งด่าคนสร้างข่าวลือ ทั้งบอกว่าจะสนับสนุนหนังสั้นของบริษัทเพื่อเป็นการชดเชยความเข้าใจผิดที่เม้าไปทั่ว ยังมีแฟนคลับหซู่เป่ยบางส่วนที่โพสต์ข้อความรัวอย่างเอาเป็นเอาตายว่า “หซู่เป่ยยังโสด”

แต่เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉินซี เธอดูแค่รูปภาพพวกนั้นอย่างเหม่อลอย

ก่อนหน้านี้เธอโกรธจนหน้ามืด ต่อมาพอถูกเรื่องของดิงหยิ่งโจมตี เธอก็ไม่ได้สังเกตลู่เซิ่นเลยสักนิด

ตอนนี้พอมานึกๆดู ท่าทีของลู่เซิ่นวันนี้…..ดูผิดปกตินิดหน่อย

ถ้าเรื่องของเธอทำให้เขาไม่สบายใจ ถึงขนาดที่คิดแต่เรื่องของเธอ งั้นการที่เขานิ่งไปมันอาจจะดูเกินไปหน่อย

มันผิดปกติ เพราะถึงยังไง…..เขาก็ไม่ใช่ประเภทพวกโกรธอะไรง่ายๆ

ฉินซีพยายามนึกถึงท่าทีของลู่เซิ่นในวันนี้ให้ละเอียด จากนั้นก็เห็นเขาเปิดประตูห้องน้ำเดินออกมา

เมื่อลู่เซิ่นเงยหน้าไปเห็นสายตาของฉินซี ก็พูดเสียงนิ่งว่า “ผมปิดไฟนะ?”

สีหน้าของเขานิ่งเกินไป…..มันผิดปกติมาก

หัวคิ้วของฉินซีเริ่มขมวดช้าๆ

ตอนนี้เอง ลู่เซิ่นก็เดินมาถึงข้างเตียงแล้ว เมื่อเห็นว่าสายตาของฉินซีเอาแต่มองมาที่ตัวเอง เขาก็ไม่ได้ถามอะไรมาก แค่พูดนิ่งๆออกมาว่า “ปิดไฟแล้วนะ”

วินาทีต่อมา ในห้องนอนก็ตกอยู่ในความมืด

เมื่อมองไม่เห็นหน้าของลู่เซิ่น ฉินซีก็มีความกล้า

“ลู่เซิ่น วันนี้ตอนที่คุณกลับมา คุณโกรธใช่ไหม?”

เธอเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา

ลู่เซิ่นไม่ตอบคำถามของเธอ แต่กลับพูดขึ้นมาว่า “แม่ผมเห็นข่าวก่อน เธอเลยโทรมาถามผม ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

ฉินซีบีบนิ้วมือแน่นโดยไม่รู้ตัว

คุณหญิงลู่รู้เรื่องก่อน…..สินะ…..

เดิมทีคุณหญิงลู่ก็คัดค้านการแต่งงานระหว่างพวกเขาอยู่แล้ว ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่า พอมีข่าวแบบนี้ออกมาคงสร้างปัญหาให้ลู่เซิ่นไม่น้อยเลย

“ฉันขอโทษ” ฉินซีเอ่ยขอโทษจากใจจริง

ถ้าพูดกันตามความจริง ทั้งๆที่เรื่องนี้เธอเป็นคนก่อเรื่อง แต่ลู่เซิ่นกลับเป็นคนจัดการปัญหาทั้งหมดซะงั้น

ลู่เซิ่นไม่ได้รีบตอบอะไรกลับไป เขานิ่งไปสักครู่ จู่ๆก็ถามขึ้นว่า “ฉินซี ตกลงแล้วคุณคิดว่า ผมโกรธไหม?”

ฉินซีอ้าปาก ไม่รู้ว่าควรตอบคำถามแปลกๆของเขายังไงดี

ลู่เซิ่นจะโกรธหรือไม่โกรธ ตัวเองไม่รู้ตัว แล้วยังต้องถามคนอื่นอีกเหรอ?

ไฟในห้องถูกปิดหมดแล้ว เธอจึงมองไม่เห็นสีหน้าของลู่เซิ่น และไม่สามารถเดาเจตนาของเขาได้

ไตร่ตรองอยู่พักใหญ่ เธอถึงได้หยั่งเชิงตอบกลับไปว่า “ฉันคิดว่า….ก็น่าจะนิดหน่อย……”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท