Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 950

ตอนที่ 950

บทที่ 950 มีสิทธิ์อะไรมาโกรธเธอ

ลู่เซิ่นหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ปฏิเสธหรือยอมรับ “งั้นเหรอ?”

ฉินซีพยักหน้า เขากลับไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

ฉินซีรออยู่สักพัก ในที่สุดก็อดถามออกไปไม่ได้ว่า “แล้วคุณ….โกรธจริงๆไหม?”

จู่ๆลู่เซิ่นก็หันมาเผชิญหน้ากับเธอ “ฉินซี คุณเป็นภรรยาของผม แต่ไปเป็นข่าวกับคนอื่น แล้วผมจะโกรธไม่ได้เลยเหรอ?”

ฉินซีอ้าปากอยากพูดอะไรมากมาย แต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมาดี

พวกเขาก็แค่แต่งงานกันตามข้อตกลงเท่านั้น แต่ทำไมลู่เซิ่นถึงได้พูดคำว่า “ภรรยาของผม” ออกมาอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้ ราวกับพวกเขาเป็นสามีภรรยากันจริงๆอย่างไรอย่างนั้น

เธอเองก็เป็นผู้ถูกกระทำเหมือนกันแท้ๆ แล้วลู่เซิ่นมีสิทธิ์อะไรมาโกรธเธอ

เธอหยุดนิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นก็ตอบกลับไปอย่างไม่ตรงคำถาม“แต่ฉันอธิบายกับคุณไปแล้วนะ และคุณก็รู้ว่ารูปพวกนั้นมันแค่มุมกล้อง แล้วทำไมถึงยังโกรธล่ะ”

ลู่เซิ่นเงียบไป

จู่ๆฉินซีก็คิดอะไรไร้สาระขึ้นมา ในเมื่อลู่เซิ่นก็รู้แล้วว่ามันเป็นแค่เรื่องเกินจริง แต่ก็ยังโกรธที่คนอื่นถกกันประเด็นเรื่องของเธอ

แบบนี้แปลว่า……หึงหรือเปล่า?

ฉินซีตกใจกับความคิดของตัวเองนิดหน่อย

แต่ความเงียบของลู่เซิ่นกลับปล่อยให้เธอคิดไปอย่างนั้นอย่างช่วยไม่ได้ เธอจึงเริ่มอธิบายออกมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้

“วันนั้นที่ฉันไปสถานที่ถ่ายทำเพราะหซู่เป่ยโทรมาหาฉันจริงๆ แต่ฉันก็แค่กลับว่าเขาจะเรื่องมากจนทำให้งานเดินช้าฉันก็เลยต้องไป วันนั้นฉันกับเขานั่งคุยกันอยู่สักพัก จากนั้นฉันก็ถูกคนเดินชน ก็เหมือนอย่างในรูปที่คุณเห็นนั่นแหละ หลังฉันยังมีรอยแผลจากการโดนชนอยู่เลย คุณก็เคยเห็น——“

“เอาล่ะ” ลู่เซิ่นพูดตัดบทเธอ “คุณเคยอธิบายแล้ว และผมก็เข้าใจว่าความจริงมันเป็นยังไง ผมไม่ต้องการคำอธิบายอีก”

จริงๆแล้วฉินซีค่อนข้างไม่ไม่มั่นใจในคำอธิบายตัวเอง วันนั้นหซู่เป่ยแสดงออกชัดมากว่าสนใจเธอ แต่ว่าตอนนี้ทั้งสองคนคุยกันรู้เรื่องแล้ว เธอจึงไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้กับลู่เซิ่นอีก เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเป็นกังวลมากกว่าเดิม

แต่เมื่อถูกลู่เซิ่นพูดตัดบทแบบนี้ ความลนลานของเธอก็ค่อยๆจางลง จากนั้นก็เริ่มขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “แล้วคุณต้องการอะไร?”

เธอพูดยังไม่จบ แต่ก็มีคำตอบในใจตัวเองแล้ว

ลู่เซิ่นต้องการเธอ……

……มีสิทธิ์อะไร ถึงเธอจะยืนกรานว่าอยากจ้างหซู่เป่ยมาถ่ายแบบให้ได้ และใช่ปัญหานี้มันเกิดมาจากเธอ แต่เธอก็เป็นหนึ่งในผู้เสียหายนะ แล้วทำไมเธอต้องไปเอาอกเอาใจลู่เซิ่นขนาดนั้น?

ลู่เซิ่นไม่ได้ตอบ แต่ฉินซีรู้สึกได้ว่าสายตาของเขาค่อยๆไล่มองไปตามใบหน้าด้านข้างของเธอช้าๆ

……..แต่ถ้าเขาโกรธเพราะหึงจริงๆล่ะ?

สายตาของลู่เซิ่นเลื่อนลงมาที่คอของเธอแล้ว

ฉินซีกัดฟัน แล้วพลิกตัวขึ้นคร่อมลู่เซิ่น

“คุณต้องการแบบนี้ ใช่ไหม?”

คำตอบของเธอก็คือ จูบของลู่เซิ่น

……

วันรุ่งขึ้นฉินซีตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์

วันนี้เธอตื่นสายกว่าปกติ และตัวต้นเรื่องก็ไปทำงานที่บริษัทตั้งแต่เช้าแล้ว

ฉินซีเอื้อมมือไปคลำหาโทรศัพท์ จากนั้นก็กดรับโดยที่ไม่ดูว่าใครโทรมา

“พี่ฉิน” เสียงในสายฟังดูคุ้นๆ

ฉินซีตื่นเต็มตัวทันที เธอขยับโทรศัพท์ออกมาดูเบอร์โทร จากนั้นก็นำไปแนบหูเหมือนเดิม

คนที่โทรมาคือดิงหยิ่ง

ถ้าไม่ใช่เพราะเธองัวเงีย เธอคงไม่กดรับสายแน่ๆ

แต่ในเมื่อกดรับแล้ว เธอจึงไม่กล้ากดวาง จำต้องตอบกลับไปเสียงนิ่งว่า “มีเรื่องอะไร?”

“ฉันขอเจอพี่ได้ไหม?” ดิงหยิ่งขอร้อง “ฉันอยากขอโทษพี่ต่อหน้า”

ฉินซีปฏิสธอย่างเย็นชา “ไม่ต้องขอโทษหรอก ยังไงคุณก็ขอโทษในอินเทอร์เน็ตไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาขอโทษต่อหน้าฉันก็ได้”

ดิงหยิ่งคิดไม่ถึงว่าฉินซีจะปฏิเสธฉับขนาดนี้ เธอจึงสะอึก นิ่งไปสักพักก็พูดต่อว่า “งั้น….ก็ได้ งั้นฉันขอพูดกับพี่ในนี้ก็แล้วกัน”

ฉินซีไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำแค่ฟังเงียบๆ

“ฉันชื่นชอบหซู่เป่ยมาหลายปีแล้ว “ดิงหยิ่งพูดขึ้นช้าๆ “แต่ว่าฉันไม่เคยมีโอกาสได้เข้าใกล้เขาเลย จนกระทั่งโปรเจ็คนี้…….”

ฉินซีตัดบทเธออย่างไม่ปรานี “ดิงหยิ่ง คุณมีเรื่องอะไรจะพูดก็พูดออกมาตรงๆ ฉันไม่มีเวลาว่างมานั่งฟังคุณย้อนความทรงจำในอดีตหรอกนะ”

เสียงหัวเราะจางๆของดิงหยิ่งดังขึ้นมาจากปลายสาย น้ำเสียงดูฝาดเฝื่อน “พี่ฉิน พี่ให้อภัยฉันไม่ได้จริงๆแล้วใช่ไหม?”

ฉินซีไม่ได้ตอบ แต่ถามกลับไปว่า “จริงๆแล้วคุณรู้มาตลอดว่าหซู่เป่ยเป็นคนแบบไหน ใช่ไหม?”

ดิงหยิ่งเงียบไปนาน จากนั้นก็ตอบกลับมาว่า “ใช่ พวกข่าวลือของเขา ฉันก็ได้ยินมาตั้งนานแล้ว”

“แล้วทำถึงยังชอบเขาล่ะ?” นี่ก็เป็นปัญหาที่ฉินซีข้องใจมาตลอด

ดิงหยิ่งมีอนาคตดีๆรออยู่ข้างหน้าแท้ๆ แต่กลับพังไม่เป็นท่าเพราะทำตัวเอง เพียงเพราะคนอย่างหซู่เป่ยเนี่ยนะดิงหยิ่งหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา “แต่เรื่องความชอบ มันห้ามกันได้ด้วยเหรอ?”

ฉินซีเงียบ

เรื่องความชอบแบบเพ้อฝันเพียงฝ่ายเดียวของคนเป็นแฟนคลับ สำหรับบางคนแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ห้ามตัวเองได้ง่ายๆ

“เอาเป็นว่า ตอนนี้ฉันลาออกจากบริษัทลู่ซื่อแล้ว หลังจากนี้ไปสมัครงานที่ไหนก็คงยากนิดหน่อยแล้วล่ะ” เสียงของดิงหยิ่งฟังดูขมขื่น “แต่ฉันก็ได้รับบทลงโทษอย่างหนักแล้ว หซู่เป่ยก็พูดกับฉันแล้ว แต่เหมือนด่าฉันกลายๆว่านิสัยแย่ซะมากว่าพี่ฉิน ฉันไม่คิดเลยว่าบทสนทนาที่ฉันรอคอยอยากคุยกับหซู่เป่ยมานานแสนนาน จะจบลงด้วยคำพูดแบบนี้….”

ฉินซีทนฟังต่อไปไม่ไหว จึงกดวางสาย จากนั้นก็กดบล็อกเบอร์ของเธอ

จุดประสงค์ที่ดิงหยิ่งมันชัดเจนจนไม่รู้จะชัดยังไงแล้ว

เพราะหซู่เป่ยเข้าหาเธอ ดิงหยิ่งจึงคิดใช้ประโยชน์จากเธอในการกอบกู้ภาพลักษณ์ให้หซู่เป่ย

ฉินซีปล่อยให้เรื่องแบบบี้เกิดขึ้นมาได้ยังไงกันนะ

แต่เมื่อมองชื่อของคนในรายการที่ถูบล็อก ก็รู้สึกงงใจ

การชอบอะไรแบบนี้ มันทำให้เราสูญเสียการเป็นตัวเองถึงขนาดนี้เลยเหรอ?

ก็เหมือนกับดิงหยิ่งกับเหยาหมิ่นนั่นแหละ ดูๆไปแล้วก็น่าสงสารเหมือนกัน

……

เมื่อฉินซีลงมากินข้าวข้างล่าง ก็ได้ยินเสียงแม่ครัวและคนใช้กำลังเตรียมอะไรบางอย่างอยู่

ไม่นาน ก็มีถือเค้กออกมา

ฉินซีงุนงง หันหน้าไปมองคนใช้ที่กำลังถือเค้กเอาไว้

“คุณย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ใกล้จะครบหนึ่งปีเต็มแล้ว ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากคุณ พวกเราไม่รู้ว่าควรตอบแทนยังไง ก็เลยอยากทำขนมหวานให้คุณเพื่อเป็นน้ำใจของพวกเรา”

เธอพอจะจำทุกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้ แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ฉินซีเคยช่วยอะไรเล็กๆน้อยๆทั้งนั้น อย่างเช่น ป้าจางที่ยืนอยู่ทางด้านซ้าย เธอเลี้ยงหลานคนเดียวย่างยากลำบาก ฉินซีอนุญาตให้เธอเลิกงานเร็วๆเพื่อไปรับหลานที่ยังอยู่ชั้นอนุบาลตลอด

แต่มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ฉินซีไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะทำให้เธอถึงขนาดนี้

“ไม่รู้ว่าประธานลู่จะฉลองกับคุณยังไง พวกเราไม่กล้าเอาฤกษ์ชนกันกับประธานลู่ ดังนั้นเลยจัดกันขึ้นมาเอง และเอาของให้คุณก่อนล่วงหน้า หวังว่าคุณจะไม่รังเกียจนะ”

ฉินซียิ้มพร้อมกับรับเค้กมาถือไว้ จากนั้นก็ทานจนหมด เมื่อเห็นว่าคนใช้เดินจากไปแล้วด้วยใบหน้าดีใจ สีหน้าของเธอถึงได้ค่อยๆหม่นแสงลง

เธอมาอยู่ที่นี่จะครบปีแล้วเหรอ

งั้นก็แปลว่า ใกล้จะถึง วันครบรอบที่แม่ของเธอจากไปแล้วสินะ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท